คลิกฟังบทความ..⬇️
เปลว สีเงิน
จากนักธุรกิจ-นายทุน “เจ้าอารมณ์”
สู่การเป็น “ผู้นำบริหารประเทศ” ในตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ของ”นายเศรษฐา ทวีสิน”
ต้องชมกันเลยทีเดียวว่า
“ปรับตัว-ปรับอารมณ์” ได้ไว สมวุฒิภาวะคนเป็นผู้นำได้ดีจริงๆ!
ไม่ตอบโต้คำรุนแรงผู้อภิปรายด้วยอารมณ์ แต่ใช้คำตอบรับที่สุภาพด้วยสติแทน
อย่างนี้ “อยู่ได้นาน”
ถ้า “เศรษฐา” วันนี้ กับ “เศรษฐา” พรุ่งนี้ ดำรงความเป็นเศรษฐา “คนเดิม” ไว้ได้
ไม่กลายเป็น “ไอ้หน่อง” ของ “กำนันนก” อย่างที่หลายๆ คนหวั่น!?
เมื่อวาน อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันสุดท้าย ก็ตามฟังตั้งแต่เช้ายันทุ่มครึ่ง ที่ท่านเลขาฯ พรรคก้าวไกล “ชัยธวัช ตุลาธน” ขึ้นพูด
ก็นึกว่า…เอาละวะ …
ตานี้แหละ ได้เห็นสงคราม “นิติธรรม” จากขุนพลมือ ๑ ก้าวไกล ทำศึก “เทวาสุรสงคราม” ทวงถาม “นายกฯ เศรษฐา”
……ไหนว่า ยึดหลักนิติธรรม?
แต่ไหงปล่อยให้ “นักโทษเทวดา” เหาะขึ้นไปสถิตอยู่วิมานรอยัล สวีท ณ ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ
โดยรัฐบาลทำ “บ่ฮู้-บ่หัน-บ่ดัน-บ่อเข้า” ไม่มีคำตอบว่า
“ทำไมไม่นำตัวไปเข้าคุกตาม “พระบรมราชโองการ” จำคุก ๑ ปี ให้เป็นมาตรฐานเดียวกับนักโทษคนอื่นๆล่ะ?”
แต่ โธ่…เวร
ฟังจนจบ ก็ครือกันกับนโยบายรัฐบาลที่ “ศิริกัญญา” เธอประดิษฐ์คำแดกว่า “ไร้ทิศทาง เป็นแค่คำอธิษฐาน” นั่นแหละ!
ไอ้คำว่า “เหลื่อมล้ำ” คำว่า “เป็นคนต้องเท่ากัน” ที่โหยหอนหามาตลอดในรัฐบาลลุงตู่
ถึงตอนนี้ มันหายไปซะทางไหนล่ะ….
ทั้งที่เกิดตัวอย่างความเหลื่อมล้ำขึ้นให้เห็นตำตา จาก “นักโทษเทวดา” ที่ชื่อทักษิณ?
“ก้าวไกล-ชัยธวัช” ไม่พูด-ไม่ผายลมซักปู๊ด ขะมักเขม้นจ้องจับแต่เรื่องตั้งสสร.เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ เรื่องยกเลิกเกณฑ์ทหาร
เรื่องแปลงกองทัพเป็นคณะยี่เกหลากหลายทางเพศ แล้วคอยรับจ้างรำถวายศาลหลักเมือง
แทนเป็น “ทหารทั้งแท่ง” ในกองทัพ ทำหน้าที่รบพิทักษ์บ้าน-พิทักษ์เมือง อย่างที่เป็น
กูละเป็นงง…..
มันจะอะไรกันนักหนา สารส้มยังแกว่งน้ำใส แต่ส้มอมขี้แม้ว มันอัปปิยะมนุษย์จริงๆ!
ยังดี “สว.ถวิล เปลี่ยนศรี” ยังอภิปรายกระตุกสติรัฐบาลผ่านนายกฯ ประมาณว่า
“ให้รัฐบาลคำนึงถึงการปฏิบัติตามหลักยุติธรรมและนิติธรรม ตัวอย่างจากกรณีที่พบ
“นักโทษชาย” หนีคดี อยู่ต่างประเทศหลายปี
ล่าสุด กลับมาประเทศไทย
พบว่าได้รับ “สิทธิพิเศษ” ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางกลับและอยู่ในเรือนจำไม่กี่ชั่วโมง
ขอให้รัฐบาลคำนึงถึงการวางหลักและมาตรฐานตามกระบวนการยุติธรรม
อย่าให้กรณีที่เกิดขึ้นนั้นกลายเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว” ที่ทำให้ “กระทบความรู้สึก” ของคนทั้งประเทศและเกิดเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้น”
เล่นอะไรก็เล่นได้ มันสนุก
แต่การเล่นกับอารมณ์สังคมในกรณีนักโทษทักษิณ ที่รัฐบาลคล้ายขยิบตา ปล่อยให้เป็นอภิสิทธิ์ชนเหนือกฎหมาย
เหนือกระทั่ง “พระบรมราชโองการ”
ทั้งที่ทรงพระกรุณาอภัยลดโทษจาก ๘ ปี เหลือ ๑ ปีแล้วก็ตาม กรมราชทัณฑ์ก็ยังไม่นำตัวกลับไปรับโทษคุก
แต่รัฐบาลกลับลอยหน้าแถลงนโยบาย
“รัฐบาลจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ เพราะการมี “หลักนิติธรรม” ที่น่าเชื่อถือ”
เล่นแบบนี้ ไม่สนุกแน่ ท่านเศรษฐา!
โปร่งใสน่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับนานาประเทศ เพราะมี “หลักนิติธรรม” ของท่าน มันคือแบบนี้หรือ.?
คำว่า “น้ำผึ้งหยดเดียว” นี่
ตั้งแต่ผมจบการศึกษาสูงสุด “ประถม ๔” ณ สถาบัน “ดอนหอยหลอด” วัดบางจะเกร็ง ได้เรียนนิทานอีสปเกี่ยวกับเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียว เมื่อ ๗๐ กว่าปีที่แล้ว
ก็มาช่วง เดือน-ครึ่งเดือน นี้แหละ มีคนพูดคำว่า “น้ำผึ้งหยดเดียว” จากกรณี “นักโทษเทวดา” เข้าหู ไม่ต่ำกว่า ๔-๕ ครั้ง!
ผมอยู่ปากอ่าว ถ้าวันไหนดินฟ้าอากาศเงียบงัน ลักษณะหนักอึ้ง เรียกว่า “ลมอั้น”
เขาจะไม่ค่อยออกทะเลกันตอนกลางคืน
เพราะลักษณะนั้น มักจะตามมาด้วยคลื่น-ลมแรง ผมมันพวกประมงเรืออีแปะ ๒ คนจ้ำหัวท้าย ไปเลาะปีกโป๊ะ หาปลา เจอคลื่นโยนเรือ ถ้าตกใจและไม่รู้จักคัดท้ายให้หัวเรือตัดเข้าตามร่องคลื่น ลอยขึ้น-ลอยลงไปตามยอดคลื่นแต่ละลูกละก็
โครมเดียวคว่ำ ตายได้ง่ายๆ ถ้าคลื่นซ้ำจนทะลึ่งตัวขึ้นหายใจไม่ทันกับคลื่นที่ไล่ถล่มลูกแล้ว-ลูกเล่า
นี่ก็แค่จะบอกนายกฯเศรษฐาว่า เรื่องนักโทษเทวดา ที่เห็นสังคมเงียบงัน อย่านึกว่าเขาไม่สนใจกันแล้ว
ระวังแบบ “ลมอั้น” นะท่าน
บทมันจะมา ก็มาโครมใหญ่ น้ำผึ้งอย่าว่าแต่หยดเดียวเลย มันจะหกเป็นไหๆ….หวานนนนเจี๊ยบ!!!
เรื่อง “ดี-เลว” ในแต่ละคน “มีคละเคล้าทุกคน”
คนไหนดีอย่างเดียวตลอดชาติ ก็คบไม่ได้ เลวอย่างเดียวตลอดชาติ ก็คบไม่ได้
โดยเฉพาะผม บอกได้เลย ไม่ใช่คนดี แต่ในความไม่ใช่คนดี ก็ไม่ใช่คนเลวซะทีเดียว คือที่ดีก็มี ที่ชั่วก็มาก
แต่ก็มีสติทบทวนและเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า “ดีพยายามรักษาให้ถึงสุด-ชั่วก็อย่าปล่อยให้ไปจนสุดหาง”
คือไม่ต้องเป็น “คนดี” แบบน้ำกลั่น ซึ่งมันบริสุทธิ์เกินไปจนใช้ดื่มกินไม่ได้
เอาเป็นคนดีบ้าง-เลวบ้าง ผสมกันเป็น “คนพอดีๆ” แบบน้ำน้ำคลอง-น้ำประปา
ถึงไม่บริสุทธิ์ ๑๐๐%แต่ดื่ม-กินได้ ซักเสื้อ-ซักผ้า ล้างหน้า-ล้างตีนได้สะอาด แต่นั้นก็เหลือหลายแล้ว!
ผมจึงไม่เคยมองคนแบบปักใจ ว่าคนไหนเลวแล้ว มันต้องเลวตลอดชาติ และคนไหนดีแล้ว มันต้องดีตลอดชาติ
ชอบมองผ่านการกระทำแต่ละครั้งของแต่ละคนมากกว่า ด้วยหลักคิดว่า “ไม่มีอะไรที่สุดในทางเดียว” ตลอดไป
อย่าง “พระองคุลีมาล” ท่านยังกลับใจ บวชเป็นพระอรหันต์
“พระเทวทัต” เองก็เถอะ สุดท้ายก่อนแผ่นดินจะสูบท่านจมหายทั้งร่าง
พอถึงช่วงคาง ท่านสำนึกในอนันตริยกรรมที่ยุยงให้สงฆ์แตกแยกและทำร้าย “พระพุทธองค์” จนพระบาทห้อพระโลหิต
และถวายคางเป็นพุทธบูชา ก่อนจะจมหายไปในธรณี การสำนึกกรรมหนักในวาระสุดท้ายนั้น
มีอานิสงส์ตาม “พุทธทำนาย” ท่านจะได้กลับมาในแผ่นดินยุคพระศรีอริยเมตไตร!
มีคนส่งข้อความนี้มาให้ผม อ่านกันหน่อยนะ
……………………………….
ขอยกย่องผู้ชายที่ชื่อ “เปรมชัย กรรณสูต” คดีคุณเปรมชัย ถึงที่สุด รับโทษครบกำหนด ออกจากเรือนจำเรียบร้อย เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ราชกิจจานุเบกษา ประกาศลงวันที่ 25 เม.ย. 2566 เผยแพร่ประกาศโปรดเกล้าฯ เรียกคืนเครื่องราชฯ
จากคฤหาสน์ไปใช้ชีวิตในเรือนจำทองผาภูมิตั้งแต่ 8 ธ.ค. 2564 หลังศาลฎีกา พิพากษาจำคุก เป็นเวลา 2 ปี 14 เดือน
ชีวิตในคุกของคนระดับเจ้าสัว นับว่าไม่ง่าย โดยเฉพาะนายเปรมชัย มีโรคประจำตัวเรื้อรังหลายโรค
ไม่ว่าจะเบาหวาน ส่งผลให้เกิดแผลที่เท้าและเกิดปัญหาน้ำตาลขึ้นตา รวมถึงโรคความดัน และโรคหัวใจ
ระหว่างรับโทษ เขาดูแลครอบครัวของลูกน้องที่ต้องโทษพร้อมกันอย่างดี และช่วงเวลาอันยากลำบากผ่านพ้นไปแล้ว
การที่คุณเปรมชัย ไม่หนีคุก
แสดงให้เห็นว่า เขาเป็น “ลูกผู้ชายตัวจริง”
ของจริงไม่ลวงโลก
สุภาพบุรุษควรแก่การยกย่องจากสังคมยิ่งนัก
………………………
ครับ….ผมเห็นด้วย ล้านเปอร์เซ์นต์!
คดีคุณเปรมชัยที่จบเร็ว เพราะคุณเปรมชัยไม่เคยอ้างป่วย อ้างธุระใดๆ เพื่อขอเลื่อนนัดศาลระหว่างพิจารณาเลย
แค่ ๒ ปี คดีสิ้นสุดที่ศาลฎีกา ตัดสินจำคุก ๒ ปี ๑๔ เดือน
คุณเปรมชัย เฉพาะสินทรัพย์มีกว่า ๖ แสนล้านบาท เป็นเจ้าของธุรกิจก่อสร้างระดับโลก งานใน-นอกประเทศ มูลค่าไม่รู้อีกกี่แสนล้านบาท
เรียกว่า “เงินบริสุทธ์” มีมากกว่าทักษิณด้วยซ้ำ!
ถ้าจะหนี หนีเมื่อไหร่ ก็หนีได้
แต่คุณเปรมชัยในวัยเกือบ ๗๐ ไม่หนี ไม่พูดอะไรในทางลบหลู่ศาล รับคำพิพากษา เดินเข้าคุก ป่วยในคุก กินนอนเป็นนักโทษเท่าเทียมกันในคุก
รับโทษอยู่ในคุกตลอด ร่วม ๒ ปี เพิ่งพ้นโทษออกมา
คนอย่างนี้ ใช่แล้ว… “ลูกผู้ชายตัวจริง”!
ถ้าเจอคุณเปรมชัย ถึงไม่รู้จัก ผมก็จะยกมือไหว้
เพราะนี่แหละ ทองคำ ๙๙.๙๙% หุ้ม “หลักนิติธรรม” ไทย
ไม่ใช่ตะกั่วตีนแห หุ้ม “นักโทษเทวดา” บรรลัยจักร!
เปลว สีเงิน
๑๓ กันยายน ๒๕๖๖