คลิกฟังบทความ…⬇️
เปลว สีเงิน
ภาพที่คนไทยอยากเห็น แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็น
แต่ วันนี้ก็ปรากฏให้เห็นแล้ว!
คือภาพ “เหลือง-แดง”
“เพื่อไทย” กับ “รวมไทยสร้างชาติ-พลังประชารัฐ” ที่ประหนึ่งจะอยู่ร่วมชาติกันไม่ได้
ในที่สุด ก็กลับมาผนึกเป็นไตรรงค์ “แดง-ขาว-น้ำเงิน” ร่วมผืน
จบ “สงครามสี” ระหว่างคนไทยด้วยกันซะที!
จะด้วยจำใจหรือเต็มใจ
จะตลอดไปหรือเฉพาะกิจ นั่นก็ช่างเถอะ
แต่ด้วยเพราะการเมืองเรื่อง “เห็นแก่ตัว” อยู่เหนือชาตินั่นแหละ ที่ทำให้คนไทยต้องแตกแยก
และก็ด้วยการเมือง “เพื่อชาติมาก่อนเพื่อตัว” อีกนั่นแหละ ทำให้การแตกแยกนั้น คืนกลับ “สามัคคี-ปรองดอง” กันได้
ผมก็ต้องขอบคุณ “ทุกคน-ทุกพรรค”
ที่ทำให้พี่น้องไทยได้กลับมาร่วมไตรรงค์ผืนเดียวกัน นับเป็น “นิมิตมงคล” ประเทศยิ่ง
ต่อไปนี้ เมื่อหลุดบ่วงรัดความขัดแย้ง ไทยก็จะได้โชติช่วงชัชวาล ทะยานไปข้างหน้าด้วยกัน!
ผมเป็นคนโลกสวย
แต่กับเรื่องรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย แม้รู้เป็น “สามัคคี-สมานฉันท์” หลอก
ก็เต็มใจให้หลอก จะกี่ครั้งก็ตาม!
สังคมไทย ระดับชาวบ้าน เป็นสังคมถูกสอนให้ “คิดตาม-พูดตาม-ทำตาม”
นักการเมืองจึงเป็นตัวชี้นำชีวิตเขา “พูดจริง-พูดเท็จ” เขาเชื่อหมดและพร้อมให้จูง
ดังนั้น การเมืองชักนำ “ชาวบ้าน” ให้ “ทำบาป” กับบ้านเมืองมามากแล้ว นักการเมืองก็ช่วยกัน ชักนำชาวบ้านกลับสู่ “สัมมาทิฐิ” คือแนวคิดและการทำที่ถูกทางด้วยเถอะ
แม้การทำดี ใช้ล้างบาปไม่ได้ก็จริง
แต่นั่นเท่ากับได้ “ล้างใจ” ทั้งกับตัวเองและชาวบ้าน เป็นกุศลมหาศาล ทำบ่อยๆ จะเหมือนน้ำดี เข้าไปละลายน้ำครำ
ดำ คือ บาป…..
ด้วยระบบใจ “รีไซเคิล” ดำนั้นจางคลายกลายเป็นขาวได้!
ครับ วันนี้เป็นหลวงตา เทศน์ไปเรื่อย ก็รู้…ไม่มีใครฟัง
แต่การคิดสู่เขียน มีหนึ่งละ คือใจผม…เตือนใจตัวเอง!
อีก ๓ วัน คืออังคาร ๒๒ สิงหา.
ท่านประธานรัฐสภา “นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” เคาะแน่นอนแล้ว ประชุมโหวตเลือกนายกฯ
เพื่อไทย แกนจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ กี่พรรคผมจำไม่ได้ จำได้แต่มีเสียงรวม ๓๑๔ เสียง ยืนยันเสนอ “เศรษฐา ทวีสิน” ให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ
ฝ่ายเพื่อไทยมี ๓๑๔ ก็ต้องได้สว.ยกมือให้อีกราวๆ ๖๑ มือนั่นแหละ จึงจะมากกว่ากึ่งหนึ่งของทั้งสองสภา คือ ๓๗๕ เสียงขึ้นไป
แต่ได้ยินเพื่อไทยบอก รอบนี้ มั่นใจ “ม้วนเดียวจบแน่”!
ฟังดู ก็น่านะ…
เพราะมีทั้งพลังประชารัฐของลุงป้อมและรวมไทยสร้างชาติของลุงตู่สมัครสมานสามัคคีร่วมเพื่อไทย
แต่ผมว่ายังครึ่ง-ครึ่ง
เพราะภาพลักษณ์นายทุนผู้อหังการของนายเศรษฐา บวกกับที่นายชูวิทย์ขุดเรื่องมาแฉ
จึงมีสว. “สายแข็ง” แสดงท่าทีในลักษณะว่า “เศรษฐา” เปื้อนสีเทา “ที่ต้องมีการฟอกชำระให้ขาวสะอาดก่อน”!
แต่ท่านประธานวันนอร์ ประชุมตัวแทนฝ่ายสว.-สส.และฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวาน (๑๘ สค.) ได้ผลสรุป ว่า
ให้มีการอภิปรายก่อนลงมติโหวตเลือกนายกฯ ๕ ชั่วโมง
แบ่งเป็นสส.อภิปราย ๓ ชั่วโมง สว.๒ ชั่วโมง
จากนั้น จะโหวตกันตอน ๑๕.๐๐ น. คือบ่าย ๓ โมง
ขานชื่อ “ลงมติ” นับคะแนนกันเสร็จสรรพ ก็จะรู้ผลเศรษฐาสอบได้-สอบตก ราวๆ ๑๗.๓๐ น.
คอการเมือง ก็เปิดโทรทัศน์ “ช่อง ๑๐ รัฐสภา” ตามดู-ตามฟังได้ หรือไม่ก็ทาง “ไทยโพสต์” ออนไลน์ ตามถ่าย สดๆซิงๆ
มีประเด็นหนึ่ง น่าสนใจ
“เศรษฐา” เป็นแค่ “แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรค ไม่ใช่ สส.ถือเป็น “บุคคลภายนอก” ไม่มีสิทธิ์เข้าประชุมรัฐสภา
ทั้งมติที่ประชุม ๓ ฝ่ายเมื่อวาน ก็มีว่า ถ้าเสนอชื่อคนนอก ไม่จำเป็นต้องมาแสดงวิสัยทัศน์ต่อสมาชิกรัฐสภา!
นั่นคือ ๒๒ สิงหา.โหวตเลือกนายกฯ นายเศรษฐา นอกจากจะไม่ได้เข้าไปแสดงวิสัยทัศน์แล้ว
ยังไม่มีโอกาสได้ชี้แจงหรือตอบข้อซักถามใดๆ ต่อคำอภิปรายของสส.-สว.ซึ่งอาจมีเกี่ยวกับเรื่องที่นายชูวิทย์นำมาแฉ
ตรงนี้ เป็นเปอร์เซ็นต์สูงที่อาจทำให้ “ม้วนเดียวไม่จบ”!
จริงๆแล้ว รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดเรื่องนี้ไว้
ฉะนั้น ถ้าเพื่อไทย ในฐานะเศรษฐาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค จะร้องขอให้นายเศรษฐาเข้าไปแสดงวิสัยทัศน์ ตอบข้อสงสัย ที่สมาชิกซักถาม ก็สามารถทำได้
อย่างตอนกลุ่มไอลอว์ยื่นร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนในสภาสมัยที่แล้ว
ก็ยังให้นายใจ อึ๊งภากรณ์ นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ เข้าไปในฐานะ “ผู้ชี้แจง” ได้
ก็นั่นแหละ….
ขึ้นอยู่กับนายเศรษฐา “พร้อม-มั่นใจ” ในความโปร่งใสของตน ว่า ทำธุรกิจตรงไป-ตรงมา ชี้แจงข้อกล่าวหานายชูวิทย์ได้ชนิด “เคลียร์-คัต จัดเต็ม” ขนาดไหน?
แต่รายการ “จัดตั้งรัฐบาล” ของเพื่อไทยรอบนี้
ถึงพลังประชารัฐจะประกาศ “๔๐ เสียงเทให้ชนิดไม่มีเงื่อนไข” ก็จริง
แต่ดู “แปลก-แปร่ง” ชอบกล
๑.ลุงป้อม-ธรรมนัส “เก็บตัวเงียบ” ไม่พูด ไม่แอะใดๆทั้งสิ้น
๒.”ไผ่ ลิกค์” มือขวาธรรมนัส เป็นตัวแอกชั่นแทน และ
๓.แต่ละพรรคร่วม เพื่อไทยจะเชิญ “แถลงร่วม” ให้ปรากฎต่อสาธารณะเป็นทางการ
ยกเว้น “พลังประชารัฐ” มีไผ่ ลิกค์ ออกมาพูดเป็นตัวแทนพรรคคนเดียว ไม่มีการเชิญลุงป้อม-หัวหน้าพรรค, ธรรมนัส-เลขาพรรค แถลงร่วมเป็นทางการแต่อย่างใด!?
ไม่แปลก….แต่จริง!
เพื่อไทยเล่น “ซ่อนไพ่” หรือลุงป้อมเป็น “ไพ่ปริศนา” ในเกมนี้ ผมอาจคิดมากไปเองก็ได้
แต่ไม่เป็นไร เห็นว่า ๒๑ สิงหา.ทักษิณจะกลับมาเข้าคุก ผมจะแวะไปเยี่ยมแล้วกระซิบถามดู!
ยังไงๆ ผมก็ยังมั่นใจไม่ลงว่า ๒๒ สิงหา.เศรษฐาจะได้เป็นนายกฯ
ทั้งที่ใจจริง “ในภาพรวม” อยากให้มีรัฐบาลสมานฉันท์เข้าบริหารราชการงานเมืองเร็วๆ ก็ตาม
แต่เหมือนผีห่าซาตาน “กก.-กายแก้ว” เข้าประทับทรง เพ่งกี่รอบ..กี่รอบ มันก็ ไม่ ป.ก็ อ.นี่แหละ เป็นหน้าลอยอยู่ในอ่างน้ำมนต์!
ยังไงๆ “ก่อนตุลา.” ทุกอย่าง ทั้งนายกฯ ทั้งครม.ประกอบเป็น “คณะรัฐบาล” น่าจะได้เข้าบริหารประเทศ สืบต่อ “รัฐบาลนายกฯประยุทธ์”
แต่ใครเป็น “หัวรัฐบาล” ก็ยังน่า “ปวดหัวกบาล” อยู่!
ดูปฎิกริยาประชาชนช่วงนายกฯ ประยุทธ์จะต้องจากลา สังเกตอาการหนึ่งที่เกิดกับชาวบ้าน คือ
“จะรู้ว่าเป็นของมีค่า ก็ต่อเมื่อของนั้นหล่นหาย”!
ตอนอยู่ ก็รุมด่า-รุมไล่ ๘ ปี ไม่เห็นมีอะไร ทำประเทศล้าหลัง ชาวบ้านจะอดตายกันไปหมดแล้ว
ตอนใกล้จะไป…..
โน่นก็…ลุงตู่สร้างไว้, นี่ก็…ลงตู่ลงมือไว้, นั่นก็…ลุงตู่ให้ไว้ ไม่อยากให้ลุงตู่ไปเลย
ลุงตู่จะไป ก็ใจหาย อยากให้ลุงอยู่นานๆ บ้านเมืองจะได้พัฒนาก้าวหน้า ลุงตู่ไป หลายอย่างที่เริ่มไว้ รัฐบาลใหม่เขาจะทำต่อหรือไม่ ก็ยังไม่รู้!
ทองในท้องพระคลังของหลวงตามพระหาบัวจะยังอยู่ดีต่อไปหรือไม่?
เงินคงคลังจะไม่ถูกลากออกมาพล่าผลาญสนองนโยายแจกจ่าย “มัดใจ” เลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่?
“ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์” จะมั่นคงอยู่ดีสืบไปหรือไม่?
ผมตอบไม่ได้…….
ต้องไปถาม “รัฐบาลสมานฉันท์” โน่น!
เปลว สีเงิน
๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๖
