สันต์ สะตะแมน
“นักโทษหนีคดีนะจ๊ะมีใช่เทวดา..
การปฏิบัติของทางการไทยทุกคนต้องใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับนักโทษอื่น เดี๋ยวเจอร้องเรียนเลือกปฏิบัติโดยมิชอบนะ”
นี่..ไม่ใช่คำขู่ แต่น่าจะเป็นคำเตือนด้วยความปรารถนาดีจากคุณศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน กรณีนายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย
ซึ่งใครจะมองจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรก็สุดแท้ สำหรับผม..เมื่อนายทักษิณคือนักโทษทั้งที่หนีคุก ทั้งที่หนีคดี การปฏิบัติก็ต้องเป็นไปเหมือนเช่นนักโทษทั่วไป
ส่วนผู้ที่ยังรัก ยังศรัทธา หรือมีความผูกพันจะด้วยเหตุใดก็ตาม ก็เป็นสิทธิที่จะแสดงออกถึงความรักความศรัทธาความผูกพัน ไม่ว่ากัน..
อย่างผม ถ้าหัวปักหัวปำ รักนายทักษิณสุดหัวใจ ผมก็เห็นจะต้องไปยืนมือกุมไข่ต้อนรับ “นาย” กับเขาด้วยเช่นกัน และใครก็อย่ามาตำหนิผม!
เหมือนกัน..คุณศรีสุวรรณที่ออกมาเตือน หากเห็นว่าคำเตือนไม่เป็นผล หมายถึงการปฏิบัติต่อนักโทษเป็นไปราวกับนายทักษิณเป็นเทวดาอยู่ต่อไป..
ใครก็อย่าได้ไปตำหนิ หากแกจะนำเรื่องไปร้องเรียนกับองค์กรที่รับผิดชอบ!
เอ้า..แต่นั่นเห็นจะเกินเลยตำหนิ ก็ที่คุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย โพสต์นั่นไง..
“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ประกาศ ยุติบทบาท “ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย” แล้ว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบประการใดต่อการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยขณะนี้
ไม่ได้มีผลต่อความรับผิดชอบทางจริยธรรมสำหรับณัฐวุฒิ เพราะ ณัฐวุฒิ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจากการถูกตัดสิทธิ์
ส่วนครอบครัวเพื่อไทยจัดตั้งขึ้นมาเพื่อการโฆษณาหาเสียงและหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายจับผิดของการเลือกตั้งเท่านั้น
หลังจากนี้ไปก็หมดหน้าที่ ดังนั้นอย่างไรเสียตำแหน่ง ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยก็หมดบทบาทไปในที่สุด
การประกาศยุติบทบาทในครอบครัวเพื่อไทยจึงเป็นบันไดลงที่สวยงามตรงเส้นแบ่งระหว่างคำว่านักการเมืองผู้กล้าหาญทางจริยธรรมและนักการเมืองจอมกะล่อน”
เจ้าตัว-คุณณัฐวุฒิเห็นก็คงสะดุ้ง และยิ่งสะดุ้งหลายตลบเมื่อเจอเอากับคำถากถาง เยาะหยันเย้ยจาก “พี่ชายสุดเลิฟ” อย่างคุณจตุพร พรหมพันธุ์..
“นายณัฐวุฒิ ต้องทำอะไรได้มากกว่าการลาออกจากผอ.ครอบครัวเพื่อไทย เพราะตำแหน่งนี้เป็นกำลังสำคัญบนเวทีปราศรัย แล้วประกาศทวงความยุติธรรมให้คนตาย..
คุณต้องปฏิเสธอย่างแข็งขัน แต่วันนี้กลับมาอธิบายว่า เดินมาส่งจนสุดทาง และเห็นว่านายเศรษฐา ทวีสิน จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จแล้ว
พร้อมเข้าใจเพื่อไทยที่ตัดสินใจเลือกจับมือตั้งรัฐบาลอย่างนั้น เพียงแต่ตัวเองไม่เห็นด้วยจึงตัดสินใจยุติบทบาทในตำแหน่ง ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย..
เมื่อตัวเองไม่กล้าวิพากษ์ แต่มาส่งเขาจนถึงสำเร็จเป็นรัฐบาล และไม่ยืนขวางเพื่อไทยที่ไปทำตระบัดสัตย์ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นนักพูดปลุกคนให้หลงเชื่อ
ซึ่งเพื่อไทยไม่ใช่เรื่องของบ้านที่อยู่อาศัย แต่เป็นพรรคการเมืองที่ตระบัดสัตย์กับประชาชน..
เมื่อวิพากษ์วิจารณ์ พปชร. กับ รทสช. โครมๆ ได้ในตอนหาเสียงเลือกตั้ง แล้ววันนี้พูดมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ควรทำอะไรได้มากกว่านี้
โดยต้องกล้ายืนขวางตั้งแต่ต้นกับเพื่อไทยไปจับมือตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว โดยไม่ได้หวังถึงความสำเร็จ แต่ควรกล้ามีจุดยืนให้ชัดเจน
เมื่อไม่ทำอะไรยังพูดมาส่งจนสุดทาง ได้เป็นรัฐบาลสำเร็จ ซึ่งตัวเองไปต่อไม่ได้ ทำได้แค่นี้เหรอ”
ครับ..เห็นทีศึกพี่ตู่กับน้องเต้นดูท่าจะเป็นหนังเรื่องยาวเสียแล้ว ใครชอบความสนุกตื่นเต้น ก็ตามดู-ตามชมกันได้ เชื่อแน่ว่าไม่ผิดหวัง!
อ้อ..แต่ผมน่ะผิดหวังอีกแล้วครับทั่น เพราะรางวัลสุพรรณ์หงส์ 31 ที่สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ เพิ่งประกาศไปเมื่อวานซืน..
ไม่โดนใจ-ไม่เข้าตาอีกตามเคย..เซ็งวะ!