“คณะทำงานยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา พรรคภูมิใจไทย” เผย ขับเคลื่อน “กัญชา” เพื่อการแพทย์-เศรษฐกิจเต็มสูบ ปูพรมการเรียนรู้ผ่าน กศน.ทั่วประเทศ หลายสถาบันศึกษาทำหลักสูตรเรียนถึง ป.เอก ต่างชาติสนใจขอมีส่วนร่วมพัฒนา ลั่นเดินหน้าเพื่อประโยชน์สูงสุดของ ปชช. หวัง “กัญชา” เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ นำประเทศสู่ความมั่งคั่งในอนาคต
ดร.กมล รอดคล้าย คณะทำงานยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยผ่านรายการ “พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ” เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก ยูทูบ และ TikTok พรรคภูมิใจไทย ถึงการสนับสนุนหลักสูตรการศึกษากัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และทางเศรษฐกิจ หรือ “กัญชาศึกษา” ของพรรคภูมิใจไทยว่า
นโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ ของพรรคภูมิใจไทย ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และเตรียมจะขับเคลื่อนต่อไปในอนาคต โดยมุ่งเน้นไปที่กัญชาเพื่อการแพทย์ เพื่อการรักษาโรค ใช้กัญชาเป็นสารตั้งต้นในการแก้ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บของพี่น้องประชาชน ลดการสูญเสีย และการซื้อยาจากต่างประเทศ รวมไปถึงการประกอบอาหาร เครื่องดื่ม หรือสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัย ซึ่งที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทย ขับเคลื่อนผ่านโรงพยาบาลต่างๆ
ดร.กมล กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทย ยังมีการขับเคลื่อนผ่านระบบการศึกษา ให้มีการเรียนรู้กัญชาเพื่อการแพทย์ไปยังสถาบันการศึกษาของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ทั่วประเทศ รวมไปถึงได้มีการนำกัญชาไปจัดทำหลักสูตรจัดการเรียนการสอน ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี ถึงระดับปริญญาเอก ในสถาบันการศึกษาต่างๆ
โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาที่มี คณะแพทยศาสตร์ หรือคณะเภสัชศาสตร์ หรือที่มีโรงพยาบาลและสถานพยาบาล อาทิเช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเขตสมุทรสงคราม และมีการจัดทำหลักสูตรกัญชาเพื่อการแพทย์ถึงระดับปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีการจัดทำหลักสูตรกัญชาเพื่อการส่งเสริมด้านธุรกิจ มีความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา และบริษัทภาคเอกชนในต่างประเทศ อาทิในจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี และมาเลเซีย ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์ทั้งในทางการแพทย์ และในทางเศรษฐกิจ
“วันนี้ เรากำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำให้กัญชาเกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนชาวไทย นี่คือสิ่งที่ พรรคภูมิใจไทย กำลังขับเคลื่อน และดำเนินการอย่างเข้มแข็ง เราหวังว่ากัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ที่นำพาประเทศไปสู่ความมั่งคั่งอีกครั้งหนึ่งในอนาคต” ดร.กมล กล่าว