“สุดารัตน์โมเดลปฏิวัติคอร์รัปชัน สร้างไทยที่โปร่งใส ไม่ปล่อยให้คนโกงลอยนวล” ด้วยยุทธศาสตร์ 8 ด้าน 

เนื่องในวันต่อต้านการทุจริตสากล (International Anti-Corruption Day) สถานการณ์คอร์รัปชันของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงและตกต่ำอย่างที่สุด ดัชนีชี้วัดการคอร์รัปชันปี 2564 ซึ่งเป็นดัชนีภาพลักษณ์ความโป่รงใส หรือ CPI ไทยได้เพียง 35 คะแนน และได้ลำดับที่ 110 จาก 180 ประเทศ
เป็นตัวเลขที่ตกต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับแต่เราเข้าร่วม CPI ปี 2538 เราสอบตกมาโดยตลอด ยิ่งหลังการรัฐประหาร ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อ้างเหตุเรื่องการคอรัปชั่นในการรัฐประหาร การคอรัปชั่นกลับยิ่งเลวร้ายลงในปี 2557 ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นไทยอยู่ที่ 38 คะแนน ได้ลำดับที่ 85 ของโลก แต่จากการปกครองประเทศของผู้ที่อาสาจะเข้ามาปราบโกงคะแนน CPI ตกลงมาโดยตลอด

พรรคไทยสร้างไทย มีเป้าหมายในการกำจัดคอร์รัปชั่น โดยขอประกาศการปฏิวัติคอร์รัปชัน ให้เป็นวาระแห่งชาติ และจะทำให้คะแนนดัชนีภาพลักษณ์ความโปร่งใส ของไทยขึ้นมาอยู่ที่ 50 คะแนนให้ได้

จากความเลวร้ายที่เกิดขึ้น พรรคไทยสร้างไทย มียุทธศาสตร์ “สุดารัตน์โมเดลปฏิวัติคอรัปชัน สร้างไทยที่โปร่งใส ไม่ปล่อยให้คนโกงลอยนวล”ด้วยยุทธศาสตร์ทั้ง 8 ด้านประกอบไปด้วย

1. ผู้นำต้องตั้งใจจริง
ผู้นำประเทศจะต้องมีความตั้งใจจริง ที่จะปราบคอร์รัปชั่นให้สิ้นซาก การปราบคอร์รัปชั่นจึงจะประสบความสำเร็จ ในขณะเดียวกัน ผู้นำประเทศจะต้องเป็นต้นแบบในการถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นเพื่อแสดงความจริงใจ ความโปร่งใสและสร้างบรรทัดฐานให้กับผู้อื่นต่อไป โดยเรื่องดังกล่าวต้องถูกประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ ไม่ใช่เอามาเป็นข้ออ้างในการรัฐประการ แต่การทุจริตกลับเพิ่มขึ้น

2. ทุกคนต้องถูกตรวจสอบหมด
การปราบคอรัปชั่นต้องจริงจังในทุกภาคส่วน องค์กรตรวจสอบก็ต้องถูกตรวจสอบด้วยโดยไม่มีข้อยกเว้น เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน แล้วเปิดเผยต่อสาธารณชนทุกปี รวมไปถึงคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วย เพื่อความโปร่งใสและลดโอกาสในการกระทำการทุจริต

3. มีเส้นตายการสืบสวนสอบสวนและการพิจารณาคดี
การสืบสวนสอบสวนการทุจริต ต้องมีการกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จให้ชัดเจน เมื่อถึงกำหนดเวลาหากการสืบสวนสอบสวนไม่แล้วเสร็จ จะต้องมีการทำรายงานชี้แจงต่อหน่วยงานตรวจสอบถึงเหตุผลของการล่าช้า

4. ลงโทษหนักทั้งผู้ให้ผู้รับ
โดยสร้างวัฒนธรรมใหม่ ให้คนไทยโกงไม่มีที่ยืนในสังคม ไม่ใช่เพียงภาครัฐแต่ภาคเอกชนก็ต้องเข้ามาดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง นโยบายของพรรคไทยสร้างไทยจึงมีความพยายามในการดึงภาคเอกชนเข้าสู่ระบบให้มากที่สุด

5. ให้อำนาจประชาชนแจ้งเบาะแสและฟ้องได้โดยตรง
การแจ้งเบาะแสเรื่องทุจริต จะต้องสะดวกง่ายดายและเป็นความลับ มีระบบคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส สามารถร้องเรียนผ่านระบบออนไลน์ซึ่งจะต้องจัดไว้ตามองค์กรภาคธุรกิจ ชุมชนและสถาบันการศึกษา เมื่อได้รับการร้องเรียน องค์กรที่รับผิดชอบจะต้องมีการตอบสนองต่อการร้องเรียนอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง และต้องแจ้งกลับผู้ร้องเรียนว่าจะดำเนินการอย่างไรภายใน 14 วัน

6. สื่อมวลชนมีเสรีภาพ
เสรีภาพของสื่อมวลชนต้องได้รับการรับรองและคุ้มครองอย่างเต็มที่ รวมถึงสิทธิการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เพราะเสรีภาพของสื่อมวลชนเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นต่อการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล องค์กรอิสระและหน่วยงานต่างๆ รวมถึงการตรวจสอบการทำงานขององค์กรและหน่วยงานปราบคอรัปชั่น

7. นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วย
เพื่อป้องกันการโกงโดยใช้ AI หรือเทคโนโลยีบล็อกเชน เช่นนโยบายบำนาญประชาชนสามพันบาท จะต้องนำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาบริหารจัดการ เพื่อป้องกันการโกง ไม่ใช่ปล่อยให้มีผีมารับเงินบำนาญประชาชน และยังเป็นการลดต้นทุน ลดงบประมาณและป้องกันการทุจริตได้

8. ให้อำนาจประชาชนผ่านสภาชุมชนกำหนดงบประมาณและตรวจสอบการใช้งบประมาณ
กำหนดงบประมาณในการพัฒนาท้องถิ่น ให้ใช้วิธีการ Participatory Budgeting ซึ่งกำหนดให้ท้องถิ่นหรือชุมชนมีส่วนร่วมในการกำหนดงบประมาณของโครงการในพื้นที่ตั้งแต่เริ่มวางแผนโครงการเพื่อเป็นการป้องกันการทุจริตตั้งแต่ต้น และกำหนดให้ท้องถิ่นหรือชุมชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบความคืบหน้าของโครงการ การตรวจรับงานและการเบิกจ่ายงบประมาณจนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ โดยผ่านกลไกสภาชุมชนมาร่วมตรวจรับงาน มีสิทธิในการคัดค้าน

Written By
More from pp
เขี่ยซาก ‘พิธา’ ลงจากฝัน – ผักกาดหอม
ผักกาดหอม ก็แปลกดี พรรคก้าวไกล เป็นพรรคที่ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ ใครแหลมมาเมื่อไหร่ทัวร์ลง แต่พรรคก้าวไกลกระเหี้ยนกระหือรือ จะแก้กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ให้การวิจาณณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ทำได้ง่ายขึ้น เพราะจะกำหนดบทโทษที่เบาลง
Read More
0 replies on ““สุดารัตน์โมเดลปฏิวัติคอร์รัปชัน สร้างไทยที่โปร่งใส ไม่ปล่อยให้คนโกงลอยนวล” ด้วยยุทธศาสตร์ 8 ด้าน ”