“สมศักดิ์” มอบเหรียญยุติธรรมธำรง-ที่ปรึกษาป.ป.ส. ให้ “ชูวิทย์” ในฐานะพลเมืองแจ้งเบาะแสแก๊งจีนเทา แจงยึดทรัพย์ “ตู้ห่าว” แล้ว 1,131ล้านบาท จ่อยึดอีก 1,800 ล้าน พร้อมไล่เช็คบริษัทตั้งแต่เข้าไทย
ขณะที่ “เฮียชู” แนะยึดทรัพย์ต้องเร็ว ชี้หัวใจหลักอยู่ที่โรงแรมมูลค่า 2,000 ล้านบาท “บิ๊กโจ๊ก” ยันตู้ห่าวไม่หลุดคดีแน่ ด้านกลต.รับลูกสอบหุ้นเครือข่ายทั้งหมด
8 ธันวาคม 2565 เวลา 13.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ส. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม ในฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม เพื่อการบูรณาการการปราบปรามและยึดทรัพย์จากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ ว่าที่ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ กลต. นายสราวุธ ศิริปัทมานนท์ ผู้ช่วยผอ.ฝ่ายตรวจสอบธปท. พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รองผบ.ปส. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ น.ส.สลักจิต พงษ์ศิริจันทร์ รองอธิบดีกรมสรรพากร พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ ผู้แทนสำนักงาน ปปง. และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พลเมืองดีผู้แจ้งเบาะแสยาเสพติด
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในฐานะ ผอ.ศูนย์ฯ มีหน้าที่บูรณาการทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงได้มีการประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ เพราะขณะนี้สังคมได้ให้ความสนใจในเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ว่าภาครัฐได้ดำเนินความคืบหน้าอย่างไร โดยกรณีนี้ที่นายชูวิทย์ ออกมาแจ้งเบาะแส ถือเป็นพลเมืองดีและน่ายกย่อง สิ่งที่นายชูวิทย์ทำเหมือนเป็นการกระตุ้นให้สังคมตื่นตัว และทำให้หน่วยงานที่คิดจะชะลอหรือคิดไม่ดีได้เปลี่ยนใจและเดินไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
“ในฐานะที่คุณชูวิทย์ได้มีความกล้าหาญ แจ้งเบาะแสยาเสพติด กระทรวงยุติธรรมได้พิจารณามอบเหรียญยุติธรรมธำรง เพื่อเป็นเกียรติประวัติในการทำความดีและเป็นตัวอย่างให้สังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหายาเสพติด นอกจากได้ช่วยประเทศแล้วยังจะได้รับรางวัลนำจับ 5% ด้วย” นายสมศักดิ์ กล่าว
ด้านนายวิชัย กล่าวรายงานความคืบหน้าการตรวจทรัพย์สินเครือข่าย ตู้ห่าว ว่า ขณะนี้ได้มีการลงนามตรวจสอบทรัพย์สินเครือข่ายทั้งหมด 7 ราย 52 รายการ เช่น บัญชีธนาคาร 18 บัญชี มูลค่า 1.7 ล้านบาท เครื่องบิน 1 ลำ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 33 แปลง มูลค่า 876 ล้านบาท และล่าสุดมีคำสั่งตรวจยึดอีก 34 รายการ เช่น เงินสด รถยนต์ 33 คันมูลค่า 95 ล้านบาท
ทำให้ขณะนี้เรายึดอายัดทรัพย์ได้ทั้งหมด 1,131 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการบูรณาการร่วมกันเพื่อยึดทรัพย์อีก 1,800 ล้านบาท เช่น บริษัทจำนวนมาก รถโดยสาร 229 คัน ซึ่งสาเหตุที่อายัดล่าช้า เพราะต้องขูดเลขตัวถังอย่างละเอียดเพื่อให้ตรงกับทะเบียน แต่จะใช้เวลาไม่นาน เพราะได้ดึงภาคเอกชนมาร่วมด้วยแล้ว รวมถึงการทำงานชุด พาลีปราบยา ที่จะเน้นไปที่นิติบุคคล ที่ไม่ปรากฎชื่อของตู้ห่าว โดยพบแล้วหลายแห่ง มีเงินหมุนเวียนหลักพันล้านบาท อาจจะเข้าข่ายฟอกเงิน จึงมีการเช็คย้อนหลังตั้งแต่เข้าประเทศและถือทรัพย์อะไรบ้าง
ด้านนายชูวิทย์ กล่าวว่า การปราบปรามยาเสพติดจะมีประสิทธิภาพ การยึดทรัพย์ต้องรวดเร็ว เพราะหัวใจของประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ คือการ อายัดอย่างรวดเร็ว ตนเชื่อมั่นว่า ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามเป้าหมาย 1 แสนล้านบาทได้ แต่ตนอยากให้ทุกหน่วยงามช่วยกันบูรณาการทำงานร่วมกัน เพราะกรณีนายตู้ห่าว ก็มีตนเพียงคนเดียวที่ออกมาติดตาม กว่าจะอายัดเงินในบัญชีได้ก็เหลือเพียง 1 แสนบาท ทั้งที่มีธุรกิจใหญ่โต โดยตั้งแต่นายสมศักดิ์ เป็นนักการเมือง เป็นรัฐมนตรี ตนเห็นว่า ไม่เคยทำให้ที่ไหนผิดหวัง และทำอะไรแปดเปื้อน จึงเชื่อว่าจะเดินหน้าแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
นายชูวิทย์ ยังกล่าวว่า ในเครือข่ายทุนจีนสีเทา โรงแรมคือหัวใจสำคัญ ที่ต้องตามยึดอายัดให้ได้ เพราะเท่าที่ตนประเมินมีมูลค่ามากกว่า 2 พันล้านบาท รวมถึงรถบัสจาก 500 คันเหลือเพียงร้อยกว่าคัน จึงอยากให้หน่วยงานรัฐเร่งทำงานให้ทันเครือข่ายเหล่านี้ เพราะเขาได้มีวิธีการฟอกเงินจำนวนมาก เช่น การซื้อหุ้นไทยจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันตนยังมีความกังวลว่านายตู้ห่าวจะหลุดคดี จึงอยากขอความมั่นใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะไม่มีมวยล้มต้มคนดู
ด้านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ชี้แจงว่า ขณะนี้ ตนได้นำสำนวนสืบสวนสอบสวนมาทำเองทั้งหมดแล้ว ซึ่งในช่วงต้นที่มีปัญหาติดขัดเนื่องจากท้องที่แยกกันทำ แต่วันนี้เรามีการรวมสำนวนทั้งหมดโดยตนดูแลเอง ขอให้นายชูวิทย์หมดความกังวลใจได้ เพราะตนก็มีการทำงานคืบหน้าตามลำดับ และล่าสุดก็ได้มีการติดตามเส้นทางการเงินร่วมกับ ป.ป.ส. ปปง. โดยมีการแบ่งงานกันแล้วว่า ปปง.จะขยายเส้นทางการเงินทั้งหมด เพราะมีเครื่องมือพร้อม ส่วน ป.ป.ส.จะดำเนินการยึดทรัพย์ ซึ่งทุกหน่วยงานยืนยันแล้วว่ามีการบูรณาการที่เข้มแข็ง
นอกจากนี้ภายหลังการหารือ นายสมศักดิ์ ได้มอบเหรียญยุติธรรมธำรงค์ให้กับนายชูวิทย์ พร้อมหนังสือเชิญเป็นที่ปรึกษา ป.ป.ส. ซึ่งนายสมศักดิ์ ได้เสนอให้นายชูวิทย์ ใช้ชุดคุ้มครองพยานของดีเอสไอ เพื่อความปลอดภัยของนายชูวิทย์และคนที่นำข้อมูลมาให้ ขณะที่นายชูวิทย์ กล่าวขอบคุณกระทรวงยุติธรรมที่ได้มอบรางวัลให้กับตน ซึ่งมีมูลค่าทางจิตใจมากกว่ารางวัลนำจับ 5% ส่วนตำแหน่งตนขอบคุณที่เสนอมา โดยตนไม่ได้คาดหวังในตำแหน่ง เพราะไม่ต้องการเล่นการเมืองแล้ว แต่ตนจะรับไว้พิจารณา เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับสังคมในการเป็นพลเมืองดี แจ้งเบาะแสยาเสพติด เพื่อทำให้สังคมเข้มแข็งและมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจากทุกภาคส่วน