‘รมช.มนัญญา’ ยืนยัน ไม่มีการขายแบรนด์วัวแดงให้ต่างชาติ เผยเป็นเพียงการให้สิทธิ์การใช้แบรนด์ เฉพาะ “นมผงเลี้ยงทารก” เท่านั้น

‘รมช.มนัญญา’ ยืนยัน ไม่มีการขายแบรนด์วัวแดงให้ต่างชาติ เผยเป็นเพียงการให้สิทธิ์การใช้แบรนด์ เฉพาะ “นมผงเลี้ยงทารก” เท่านั้น โดยมีเงื่อนไขถ่ายทอดเทคโนโลยีและแบ่งปันผลประโยชน์ เบื้องต้น อ.ส.ค.อยู่ระหว่างหารืออัยการสูงสุด

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมหารือในประเด็น การอนุญาตให้เอกชนใช้เครื่องหมายการค้า “ไทย-เดนมาร์ค” หรือนมวัวแดง ร่วมกับ นางสาวณัฐภร แก้วประทุม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (สร.อ.ส.ค.) นายสาวิทย์ แก้วหวาน ที่ปรึกษาสมาพันแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)

โดยมี นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายประกอบ เผ่าพงศ์ อธิบดีกรมหม่อนไหม นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 134 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

รมช.มนัญญา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีประเด็นข่าวว่า อ.ส.ค.จะขายแบรนด์ไทย-เดนมาร์กให้ต่างประเทศเพื่อผลิตและจำหน่ายนมผง ซึ่งผิดวัตถุประสงค์การก่อตั้ง อ.ส.ค. นั้น วันนี้จึงได้เชิญสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (สร.อ.ส.ค.) มาประชุมและหารือร่วมกับ นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. เพื่อทำความเข้าใจที่ตรงกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ต่างฝ่ายต่างมีชุดข้อมูลที่ไม่เหมือนกัน อาจทำให้เกิดการเข้าใจผิด ซึ่งทั้งสองหน่วยงานต่างเป็นองค์เดียวกัน ควรมีความเข้าใจที่ตรงกัน

“อ.ส.ค. ได้ชี้แจงในที่ประชุมว่าโครงการดังกล่าวเป็นการอนุญาตให้เอกชนใช้เครื่องหมายการค้าเท่านั้น ไม่ใช่การขายแบรนด์ตามที่มีการพูดถึง เป็นเพียงการให้สิทธิ์การใช้เครื่องหมายการค้า เฉพาะ “นมผงเลี้ยงทารก” เท่านั้น ซึ่งยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ทำเช่นนั้น เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า อ.ส.ค. ก่อตั้งมาเพื่อเกษตรกรคนไทย โครงการนี้จึงเป็นเพียงการอนุญาตเครื่องหมายการค้าเท่านั้น

โดยมีเงื่อนไขในเรื่องของการแบ่งปันผลกำไร และการถ่ายทอดเทคโนโลยีนมผงสำหรับเลี้ยงทารก ซึ่งเป็นนมสูตร 2 สำหรับทารกอายุตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปี เท่านั้น เพราะปัจจุบันในประเทศไทยไม่มีโรงงานใดมีศักยภาพที่จะผลิตได้ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง

อย่างไรก็ตาม อ.ส.ค. ได้ชี้แจงว่า ขั้นตอนของโครงการนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดโดยสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ดังนั้น ระหว่างนี้จึงให้ อ.ส.ค. และ สร.อ.ส.ค. ไปหารือทำความเข้าใจกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับ อ.ส.ค.และประเทศ และไม่กระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม” รมช.มนัญญา กล่าว

นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. กล่าวว่า อ.ส.ค. ได้ทำการศึกษาโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2564 และเคยนำชี้แจงต่อที่ประชุมบอร์ด อ.ส.ค. แล้ว รวมถึงชี้แจงต่อที่ประชุมใหญ่ สร.อ.ส.ค. เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 ถึงแนวทางการพัฒนาธุรกิจ อ.ส.ค. ซึ่งมีโครงการนี้อยู่ด้วย ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าไม่ใช่การขายแบรนด์ แต่เป็นการให้สิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า เฉพาะ “นมผงเลี้ยงทารก” เท่านั้น (ทารกอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี)

ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยไม่มีโรงงานผลิตนมผงสำหรับทารก และหาก อ.ส.ค.จะลงทุนตั้งโรงงานต้องใช้งบประมาณมูลค่ากว่า 2,400 ล้าน ซึ่งเป็นงบที่สูงมาก เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ และต้องมีห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ หรือห้องแลป นอกจากนั้น โอกาสการแข่งขันทางการตลาดกับเอกชนผู้ผลิตนมผงเลี้ยงทารกรายใหญ่เป็นไปได้ยาก เพราะตลาดนมผงทารกในขณะนี้เป็นต่างประเทศทั้งหมด

“ก่อนหน้านี้ได้มีการหารือร่วมกับเอกชน และกงสุลไทยประจำออสเตรเลีย ซึ่งทางเอกชนสนใจที่จะนำนมผงมาจำหน่ายในไทยภายใต้แบรนด์วัวแดง จึงมีการหารือมาเป็นลำดับ โดยมีเงื่อนไขแบ่งปันผลประโยชน์ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทต่อปี และอาจจะขยายเพิ่มขึ้นตามยอดกำไรสุทธิ นอกจากนั้นยังมีเงื่อนไขว่า เอกชนจะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตนมผงทารก

ตั้งแต่การเลี้ยงวัวให้ได้คุณภาพน้ำนมดิบ และการพัฒนาโรงงาน การพัฒนาคน รวมถึงเอกชนจะต้องเป็นผู้ทำการตลาดเอง และหากไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงได้ อ.ส.ค.ก็มีสิทธิ์ยกเลิกสัญญา โดยที่ อ.ส.ค. ไม่ต้องมีการลงทุนใด ๆ และยืนยันว่าไม่กระทบกับธุรกิจของ อ.ส.ค. เนื่องจากผลิตภัณฑ์ไม่ซ้ำกัน และไม่กระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เนื่องจากคุณภาพน้ำนมที่เกษตรกรไทยผลิตได้ยังไม่สามารถใช้ผลิตนมผงสำหรับทารกได้” ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. กล่าว

ปัจจุบันน้ำนมดิบในประเทศมีปริมาณ 2,500 ตันต่อวัน จากเดิมที่ผลิตได้ 3,300 ตัน ซึ่งลดลงสาเหตุจากต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ราคาสูงขึ้น จากผลกระทบสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ทำให้เกษตรกรเลิกเลี้ยงวัวนม ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำนมดิบ 20.50 บาท ต่อกิโลกรัม และจากปริมาณผลผลิตที่ลดลงจึงมีการแย่งซื้อ ส่งผลให้ราคาน้ำนมปัจจุบันเพิ่มขึ้น 24 บาทต่อกิโลกรัม

ด้านนางสาวณัฐภร แก้วประทุม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (สร.อ.ส.ค.) กล่าวว่า ยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่ได้รับการสื่อสารโดยตรงจาก ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. ตลอดจนเอกสารโครงการงานวิจัยต่าง ๆ จึงต้องไปยื่นเรื่องร้องต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหลังจากนี้จะมีการหารือร่วมกันกับ ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. ให้มากขึ้น และเห็นว่า อ.ส.ค. ควรพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ อ.ส.ค. มีอยู่แล้วให้ดี และต้องสร้างความมั่นใจกับเกษตรกรผู้เลี้ยงนม ตลอดจนสมาชิก อ.ส.ค. ว่า สมาชิกจะไม่ได้รับผลกระทบ

Written By
More from pp
“สัมฤทธิ์” เห็นด้วยตั้ง กมธ.วิสามัญติดตามเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ฝากดูแลประชาชนที่ตกหล่นไม่ได้รับสิทธิ์จากการเยียวยา
11 มิ.ย.63 นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ เขต 3 กล่าวถึงญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินกู้ 3 ฉบับ วงเงิน 1.9...
Read More
0 replies on “‘รมช.มนัญญา’ ยืนยัน ไม่มีการขายแบรนด์วัวแดงให้ต่างชาติ เผยเป็นเพียงการให้สิทธิ์การใช้แบรนด์ เฉพาะ “นมผงเลี้ยงทารก” เท่านั้น”