กรมปศุสัตว์ “เพชรฆาต” หมูเถื่อน -พบพระ เกศสุข

พบพระ เกศสุข ที่ปรึกษาด้านปศุสัตว์

หากติดตาม “หมูเถื่อน” มาตั้งแต่ต้นปี 2565 มาโดยตลอด จะรับทราบถึงปัญหาที่แท้จริง ว่า ทำไมผู้เลี้ยงต้องเรียกร้องให้ภาครัฐปราบปรามหมูลักลอบนำเข้าผิดกฎหมายจนสิ้นซาก ด้วยเหตุผลสำคัญ 3 ประการ คือ

1 .เกษตรกรต้องการขายหมูในราคาที่เป็นธรรม สอดคล้องกับต้นทุนการผลิต เพื่อความมั่นใจในการเลี้ยงหมูต่อเนื่อง

2. ป้องกันไม่ให้โรค ASF ในสุกร เข้ามาระบาดในไทยซ้ำอีก หลังทำให้ผลผลิตปีนี้เสียหายและคนเลี้ยงกังวลจนต้องเลิกเลี้ยงหรือชะลอการเข้าเลี้ยง ส่งผลให้ผลผลิตหมูหายไปมากกว่า 50%

และสุดท้าย 3. เพื่อป้องกันผู้บริโภคจากการได้รับสารปนเปื้อนจากหมูเถื่อน ที่ประเทศต้นทางโดยเฉพาะจากอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ อนุญาตให้ใช้สารเร่งเนื้อแดงซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง และอาจเป็นหมูคุณภาพต่ำหรือหมดอายุ

ที่ผ่านมา “มือปราบ” ภาครัฐที่โดดเด่นขอยกให้ “กรมปศุสัตว์” ในฐานะเป็นผู้นำการจับกุม โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร ตำรวจ และทหารตระเวนชายแดน หลักฐานประจักษ์จากสถิติการจับกุมระหว่างเดือนกันยายน – ตุลาคม 2565 จำนวน 18 ครั้ง ปริมาณหมูผิดกฎหมาย 380 ตัน (380,000 กิโลกรัม)

และยังมีคำสั่ง “ย้ายด่วน” และโยกย้ายข้าราชการระดับหัวหน้าด่านกักกันสัตว์ทั่วประเทศ 3 ครั้ง ใน 11 ด่าน เพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติราชการ รวมถึงการปราบปรามหมูเถื่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่สั่งการให้ปราบปรามหมูเถื่อนอย่างเด็ดขาด เพื่อความผาสุกของคนไทยและผู้เลี้ยงหมูไทย

ช่วง 2 เดือนก่อนสิ้นปี 2565 เชื่อว่าการปราบปรามหมูเถื่อนโดยกรมปศุสัตว์ จะต้องเข้มข้นมากขึ้นอีก เพราะหนึ่งในความรับผิดชอบสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ คือ การป้องกันไม่ให้โรค ASF กลับมาระบาดในไทยได้อีก

ขณะเดียวกันต้องขับเคลื่อนเป้าหมายในการนำผลผลิตหมูสู่ภาวะปกติ 19-22 ล้านตัว ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้คนไทยมีเนื้อหมูเพียงพอไม่ขาดแคลนและราคาเหมาะสมตามกลไกตลาดสอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น

สร้างความเชื่อมั่นให้เกษตรกรจากราคาที่เป็นธรรมและมีเสถียรภาพและประกอบอาชีพต่อเนื่อง เพื่อสร้างหลักประกันอาหารปลอดภัยและความมั่นคงทางอาหารของไทย

ที่ผ่านมา หากการปราบปรามหมูเถื่อนดำเนินการได้เบ็ดเสร็จตั้งแต่สินค้าเทียบท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการนำเข้าหมูผิดกฎหมาย อยู่ในความรับผิดชอบของ “กรมศุลกากร” ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง จับกุมที่ต้นทางนำเข้าและสาวให้ถึงตัวการใหญ่ นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ปราบให้สาบสูญได้ที่จุดเดียวทุกฝ่ายก็สมประโยชน์

แต่ไม่เคยแม้ครั้งเดียวที่จะจับ “ของกลาง” ได้คาท่าเรือ ต้องออกแรงไปจับกันนอกท่าเรือฯ ทั้งหมดและไม่เคยมีชื่อเจ้าของสินค้าปรากฎ หรือเปิดเผยความคืบหน้าของคดีให้สังคมรับทราบ…ไม่มีและไม่เคย

ทั้งนี้ ช่วงเดือนกรกฎาคม – 19 กันยายน 2565 กรมศุลกากรจับกุมหมูเถื่อนทั้งหมด 5 คดี ขณะขนส่งด้วยรถยนต์บรรทุกและรถบรรทุกพ่วง รวมของกลาง 43,800 กิโลกรัม มูลค่า 8.94 ล้านบาท และส่งมอบให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการกับของกลางทั้งหมด

เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากสารปนเปื้อนและเชื้อ ASF อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้เกษตรกรสามารถผลิตหมูไทยออกจำหน่ายและผลักดันให้กลไกทางการตลาดกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

รายงานล่าสุด หมูเถื่อนเบนหัวออกจากไทยไปเข้าท่าเรือที่เวียดนามแทน แต่ยังมีเป้าหมายส่งเข้ามาทำกำไรในประเทศไทย โดยแยกเป็น 2 เส้นทาง จากโฮจิมินห์ผ่านปอยเปต ในประเทศกัมพูชา มาเข้าชายแดนไทยที่อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

ส่วนเส้นดานัง ผ่านสะหวันนะเขตของประเทศลาวเข้าไทยที่จังหวัดมุกดาหารและนครพนม มาเป็นกองทัพมด แต่ไม่รอดสายตาทหารหาญไทย จับได้ตามช่องทางธรรมชาติ โดยมีกรมปศุสัตว์ร่วมชี้เป้า

Written By
More from pp
เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ร่วมกับ ททท. จัดมหากาพย์สงกรานต์ สาดความสุข สนุกทั้งครอบครัว ในงาน “THE MALL LIFESTORE SONGKRAN FESTIVAL 2025” ปักหมุดสาขา ‘บางแค’ จุดเช็กอินเล่นน้ำสงกรานต์กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก
เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์ครั้งยิ่งใหญ่ ในงาน “THE MALL LIFESTORE SONGKRAN FESTIVAL 2025...
Read More
0 replies on “กรมปศุสัตว์ “เพชรฆาต” หมูเถื่อน -พบพระ เกศสุข”