สันต์ สะตอแมน
และแล้ว..
“เลือดสุพรรณ” ก็เป็นหนังเรื่องยาวจนได้ เพราะแม้คุณแอ๊ด คาราบาว ศิลปินแห่งชาติ จะได้รู้สึกสำนึกผิดและโพสต์..
“กระผมนายยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) ได้ใช้วาจาลบหลู่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีจากบนเวทีต่อหน้าผู้คนนับพัน เมื่อคืนวันที่ 12 ต.ค. 2565 ณ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี
ต่อมาท่านผู้ว่าฯ ออกมาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นการเข้าใจผิด กระผมได้ฟังคำอธิบายแล้วรู้สึกสำนึกผิด มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบของผมที่ขาดสติไป
จึงขอกราบขออภัยท่านผู้ว่าฯ และขอบพระคุณที่กรุณาออกมาชี้แจงความจริง ส่วนเรื่องคดีความผมพร้อมอ้าแขนรับความผิดเต็มๆ เลยครับ ขอบพระคุณครับ” ไปแล้วก็ตาม
แต่..ทางผู้ว่าฯ ก็ยังคงเดินหน้าดำเนินคดีต่อไป โดยมอบหมายให้นายเดชะ สิทธิสุทธิ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรีเข้าแจ้งความแล้ว พร้อมยืนยัน..
จะดำเนินคดีถึงที่สุด เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี!
ก็..เห็นจะได้ “อ้าแขนรับ” จริงๆ แล้วล่ะ และไม่เพียงเรื่องของคดีความ วันก่อนนู้นอ่านพบในผู้จัดการออนไลน์ มีรายงานว่า..
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรีได้รายงานเหตุการณ์ดังกล่าวไปถึงกรมส่งเสริมวัฒนธรรมแล้ว (สวธ.) ในประเด็นเข้าข่ายศิลปินแห่งชาติที่มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือไม่
หากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) เห็นว่าเป็นความประพฤติที่ทำให้เสื่อมเสียก็สามารถพิจารณาถอดถอนออกจากศิลปินแห่งชาติได้
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทาง ผวจ.สุพรรณบุรี ว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อทาง “แอ๊ด คาราบาว” หรือไม่”
โดยหลักเกณฑ์ในกฎกระทรวง ได้มีการระบุไว้ว่า.. “เมื่อได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ใดเป็นศิลปินแห่งชาติแล้ว
หากปรากฏว่าศิลปินแห่งชาติผู้นั้นมีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
คณะกรรมการโดยมติด้วยคะแนนเสียงอย่างน้อยสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่อาจยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติได้”
นี่..ก็ให้หวาดเสียวใจแทน คุณแอ๊ดอาจจะไม่ได้รู้สึกยินดี-ยินร้ายกับการถูกถอด-ไม่ถูกถอดจากศิลปินแห่งชาติ แต่ภายในลึกๆกับสำนึกของศิลปินที่เป็นที่รัก-ศรัทธาของมหาชนมายาวนาน..
คงจะก่อให้เกิดความทุกข์ขึ้นในอก-ในใจอยู่บ้างแหละ ในห้วงนี้!
และจากกรณีนี้ ก็น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับทั้งตัวคุณแอ๊ดและศิลปิน ดารา นักร้อง ได้มีความระมัดระวังเรื่องของอารมณ์ยามอยู่หน้าเวทีให้มากขึ้น..
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องระลึกอยู่เสมอ..เวทีการแสดงไม่ใช่เวทีไฮด์ปาร์ค ต้องแยกออกจากกันให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็จะเป็นเช่นนี้แล!
อ้อ..และที่คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์..”พี่แอ๊ดน่าจะทราบ ประเทศไทยเป็นระบบ “ราชการเป็นใหญ่” ศิลปินอย่างพี่แอ๊ดหากวิพากษ์วิจารณ์บนพื้นฐานข้อเท็จจริง
ก็ไม่ต้องมานั่งขอโทษขอโพย สำนึกผิด” นั้น..
ไม่ทราบพี่แอ๊ดอ่านแล้วเข้าใจรึเปล่า ส่วนผมงงอ่ะ ไม่รู้คุณชูวิทย์ต้องการจะสื่อความหมายอะไร และเกี่ยวอะไรกับ “ระบบราชการเป็นใหญ่”?
ที่พี่แอ๊ดจิก-ด่าผู้ว่าฯ ก็ได้ยอมรับเอง ด้วยอารมณ์โมโห ขาดสติ ไม่เกี่ยวกับระบบราชกง-ราชการแต่อย่างใด หรือว่าคุณชูวิทย์มีเจตนาจะตบหน้า อบรม สั่งสอน..
หมายถึง..ถ้าพี่แอ๊ดวิพากษ์วิจารณ์บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ก็จะได้ไม่ต้องมานั่งขอโทษ สำนึกผิด..
อย่างนั้นกระมัง?
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์