ผักกาดหอม
๓๐ กันยายนนี้จบครับ!
ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย ในคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคสาม ประกอบมาตรา ๘๒ ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๑๕๘ วรรคสี่ หรือไม่
ก็กรณีนายกฯ ๘ ปี นั่นแหละครับ
เวลาบ่าย ๓ ของวันที่ ๓๐ กันยายนไปแล้ว ก็จะทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
หรือจบเส้นทางการเมืองในฐานะนายกรัฐมนตรี เพียงแค่นี้
บวกลบคูณหารแล้ว หาก “ลุงตู่” ไม่ได้ไปต่อ ระยะเวลาเดือนครึ่งก่อนจะมีการประชุมระดับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก หรือ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ทัน
แถลงนโยบายต่อสภาเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็รับงานแรกคือ เป็นเจ้าภาพประชุมเอเปกได้เลย
หากมีโรคแทรกซ้อน ตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ทัน “ลุงป้อม” ก็ไปยืนรับแขกบ้านแขกเมืองแทน
ผู้นำเบอร์ใหญ่ทั้งนั้นที่จะมาร่วมประชุม
แต่ยังนึกภาพไม่ออกว่า “ลุงป้อม” จะยืนรับมือ “โจ ไบเดน” ของสหรัฐฯ กับ “วลาดิมีร์ ปูติน” แห่งรัสเซีย อภิมหาคู่กัดได้อย่างไร
ใจบันดาลแรงไหวหรือเปล่า
ทำอะไรก็เตรียมตัวกันให้พร้อมครับ เพราะเป็นหน้าตาของประเทศ
จะมาเล่นขายของไม่ได้ ขายขี้หน้าเขา
มีการตีความรัฐธรรมนูญอีกแนวทางคือ แม้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “ลุงตู่” อยู่ครบ ๘ ปีแล้ว ก็ยังกลับมารักษาการได้ จนกว่าจะมีนายกฯ คนใหม่
ครับ..ประเด็นนี้อาจมีการถกเถียงกันต่อไปหลังวันที่ ๓๐ กันยายน
แต่ถ้า “ลุงตู่” ได้ไปต่อ ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่
ที่เตรียมงานกันมาแบบไหน ก็ว่ากันต่อไปตามนั้น
ต้นปีหน้าไปแล้วก็จะเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
ระหว่างนี้ ดูลิเกหลงโรงไปพลางๆ
โทนี่ วูดซัม ยังขยัน พูดเรื่องตัวเองจะกลับบ้านอยู่
เมื่อคืนวันอังคาร ก็เอาอีกแล้ว
“…เรื่องงานครอบครัวเพื่อไทยที่เชียงใหม่ แล้วบังเอิญว่า คุณหญิงอ้อให้กำลังใจลูกสาว บางคนก็เอาไปวิเคราะห์กันหนักเกือบอาทิตย์แล้วว่า จะเป็น ‘บันได ๓ ขั้น’ มี ‘ดีลลับ’ ให้ผมกลับบ้าน หรือคุณหญิงเป็นแคนดิเดตตัวจริง ผมนี่ในฐานะคนที่รู้จักคุณหญิงอ้อดี ความจริงแล้วคุณหญิงไม่ชอบการเมืองเลย…”
“…สำหรับผมนะ ถ้าผมจะกลับบ้าน มันไม่ได้มีหมากหลายชั้นหรอก ที่ว่าจะให้รัฐบาลเพื่อไทยเสนออะไร ไม่มีหรอก ผมมีแต่หมากตื้นๆ กลับก็คือกลับ ไม่กลับก็คือไม่กลับ พวกนักวิเคราะห์อย่าไปคิดเยอะ ผมไม่มีอะไร…”
คนเปิดประเด็นนี้คือแฟนคลับทักษิณครับ เพราะอยากเห็น คนที่รักกลับบ้าน
คล้ายๆ กับที่ “ชลน่าน ศรีแก้ว” พูดปราศรัยในงาน “สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ” ว่า…
“…เราต้องการสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้สมัครของพรรคทั้ง ๔๐๐ เขตทั่วประเทศ ที่ต้องให้ได้แลนด์สไลด์ ๒๕๐ เสียงขึ้นไป เพื่อเอาหัวใจที่รักที่หวงแหนที่สุดกลับคืนมา แล้วเอาระบบประยุทธ์ ออกไป เอา ส.ว. ๒๕๐ ที่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป แล้วเอา ๒๕๐ เสียงมาเลือกนายกฯ ของเราเอง เอาหนี้ออกไป เอาความเป็นอยู่กินดีกลับคืนมา ถ้าไม่แลนด์สไลด์สิ่งที่กล่าวมาจะไม่เกิดขึ้น เราต้องเอาชนะให้ได้ และถ้าได้ ๒๕๐ เสียง…”
จะเห็นว่ามีความพยายามพูดถึงการพา “ทักษิณ” กลับซ้ำแล้วซ้ำอีก
ราวกับว่า นี่คือยุทธศาสตร์ ที่จะพาพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง แล้วสามารถพา “ทักษิณ” กลับมาได้จริงๆ
ก็จริงของ “ทักษิณ” ครับ กลับมาไม่ต้องมีหมากอะไร ง่ายๆ กลับคือกลับ และหนทางที่ง่ายที่สุดคือกลับมารับโทษ
กลับแบบนี้ง่ายมากครับ ไม่มีใครขวาง
กลับมาเมื่อไหร่ก็ได้
แต่สิ่งที่ “ทักษิณ” และบรรดาลูกสมุนสื่อออกมา คือการใช้ประชาชนเป็นเกราะกำบังตัวเอง
เมื่อชัยชนะแลนด์สไลด์ถูกผูกโยงกับการเอาหัวใจที่รักที่หวงแหนที่สุดกลับคืนมา
หายนะทางการเมืองก็มองเห็นอยู่รำไร
แน่นอนครับเมื่อเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกรัฐมนตรี บรรยากาศทางการเมืองจะหวนกลับไปเหมือนยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
เพราะจะมีการพูดเรื่องพา “ทักษิณ” กลับบ้าน
ถ้าไม่พูดก็เท่ากับแหกตามวลชนที่ลงคะแนนให้
การปรากฏตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ในงาน “สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ” เป็นการตอกย้ำชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ตระกูลชินวัตร คือเจ้าของพรรคเพื่อไทย สั่งซ้ายหันขวาหันได้
หัวหน้าพรรคเจอนายหญิง ยังต้องยืมกุมเป้า โค้งคำนับ
การมาของ “อุ๊งอิ๊ง” จึงไม่ใช่การตัดสินใจเพียงลำพัง
แต่ “ทักษิณ-พจมาน” ไฟเขียว
จึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจไม่น้อยว่าทำไม “หญิงอ้อ” ถึงยอมให้ลูกสาวเข้าสู่การเมือง ทั้งๆ ที่ได้รับบทเรียนจาก “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” มาแล้วว่าหากเกิดความผิดพลาด ต้องหนี!
“หญิงอ้อ” ยอมให้ “อุ๊งอิ๊ง” พูดเรื่องพาพ่อกลับบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับที่ “ยิ่งลักษณ์” พูดแล้วไม่มีแผ่นดินอยู่
“ทักษิณ” พูดอย่างภาคภูมิใจว่า
“…ถ้าอิ๊งจะเป็นนายกฯ ประชาชนต้องเป็นคนเลือก แต่ก่อนที่จะให้ประชาชนเลือก อิ๊งต้องชนะใจแม่ให้ได้ก่อน คือ ตัวผมก็แล้วแต่ลูก แต่ว่าแม่เขารักลูกมาก และอิ๊งยังมีลูกเล็กอีก เขาคงไม่อยากให้เป็นหรอก เพราะการเมืองที่ผ่านมามันแรงมาก คนเป็นแม่ก็คงคิดหนัก ผมเลยบอกไงว่า ต้องชนะใจแม่ก่อน ส่วนผม ผมคงไม่กล้าให้คะแนนอะไร…”
หมายความว่า ผ่านการกลั่นกรองกันมาแล้ว มีการวางตำแหน่งของ “อุ๊งอิ๊ง” อย่างชัดเจนภายใต้การเห็นชอบจาก “หญิงอ้อ”
ต่างจาก “ยิ่งลักษณ์” ที่ “ทักษิณ” เป็นคนตัดสินใจ
เมื่อชัดเจนอย่างนี้ โดยที่ พ่อ-แม่ ยินดี ส่งลูกสาว เล่นการเมือง ภายใต้เงื่อนไขหลักที่พูดกันมาหลายเดือนคือ พาพ่อกลับบ้าน ผลจะออกมาเป็นอย่างไร
จะเข็นกฎหมายนิรโทษกรรมกันอีกครั้งหรือเปล่า
หรือแค่พูดส่งเดช เป็นอุบายให้ประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย แห่กันไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์เท่านั้น
เพราะ “ทักษิณ” รู้ตัวเองดีว่า กลับไทยไม่ง่าย ต่อให้พรรคเพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์ หากไม่มีการนิรโทษกรรม คำพิพากษาของศาลก็ยังมีผลอยู่
ต้องกลับมาติดคุกอยู่ดี
เว้นเสียว่า “ทักษิณ” อยากเสี่ยงอีกครั้ง
แต่นั่นหมายความว่า “ลูกสาว” อาจต้องหนี เหมือนที่ “น้องสาว” ประสบชะตากรรมมาแล้ว
ก็ไม่เป็นไร ยังเหลือ “หญิงอ้อ” อีกคน