ก้าวไกลทัวร์ #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ตายน้ำตื้น….

ไม่ต้องเป็นรัฐบาลมันก็พอจะพิสูจน์ได้ว่า พรรคการเมืองนั้นๆ ทำได้อย่างที่พูดหรือไม่

เรื่องไปดูงานต่างประเทศ มันกลับมาทิ่มแทง พรรคก้าวไกลได้อย่างไร

ในโซเชียลเขาพูดกันขรมครับ เรื่องที่ “รังสิมันต์ โรม” นำทีมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี สส.พรรคก้าวไกลอยู่ด้วยหลายคนไปดูงานที่โปแลนด์

ไปดูพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ชนชาติยิว ที่กรุงวอร์ซอ

ไปดูแนวทางการรับรองผู้ลี้ภัยของสงครามยูเครน-รัสเซีย เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดการกับผู้ลี้ภัยอย่างมีประสิทธิภาพ และเปี่ยมด้วยมนุษยธรรม

หารือแลกเปลี่ยนประเด็นความท้าทายในการบริหารความมั่นคงทั้งที่ชายแดน และการเตรียมพร้อมต่อภัยสงครามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ไปชายแดนโปแลนด์-ยูเครน ดูการเตรียมรับมือกับภัยสงครามจากรัสเซีย

นี่คืองานที่ไปดูซึ่งต้องใช้เงินงบประมาณจากภาษีประชาชนคนไทยนับสิบล้านบาท

คำถามคือ จำเป็น และคุ้มค่าหรือไม่

แถมสิ่งที่ “รังสิมันต์ โรม” แจกแจงในการไปดูงาน มีเจตนาชัดเจน ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัสเซีย

ในฐานะสมาชิกรัฐสภาไทยมันจำเป็นต้องทำแบบนั้นหรือไม่

ย้อนกลับไปในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๖ ขณะนั้นมีข่าวพรรคก้าวไกลหัวเสียกับงบฯ ประจำ โดยเฉพาะข้าราชการบำนาญ ถูกเปรียบว่าเป็นงบฯ ช้างป่วย

“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เดือดครับ!

ยืนยันว่าไม่เคยพูด

และชี้แจงผ่านโซเชียล

“…มีข่าวปลอมข่าวหนึ่งที่วนกลับมา ถูกส่งต่อในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในกลุ่มไลน์ บิดเบือนว่าพรรคก้าวไกลมีนโยบายลดเงินเดือนหรือบำนาญของข้าราชการ

ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า เราไม่มีและไม่เคยมีนโยบายลดเงินเดือนหรือบำนาญของข้าราชการ

สิ่งที่เราเสนอคือให้ลดงบประจำที่ไม่ใช่เงินเดือนของข้าราชการ เช่น การไปดูงานเมืองนอก โครงการอบรมสัมมนา โครงการที่ซ้ำซ้อน รวมถึงลดงบกลางที่เป็นเงินสำรองที่เปิดโอกาสให้รัฐบาลเอาไปใช้ได้ตามใจชอบ โดยไม่เกิดประโยชน์…”

ก็ไม่เป็นไรครับ

ไม่ได้พูด ก็ว่าไปตามนั้น

แต่ที่พูดและยืนยันหนักแน่นคือ ลดงบฯ ไปดูงานเมืองนอก อบรมสัมมนา

หมายความว่าไงครับ

พรรคก้าวไกลคือพรรคการเมืองที่เสนอให้ลดงบฯ ไปดูงานต่างประเทศ

ความเข้าใจแบบบ้านๆ คือ พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับการที่ สส.และ สว. รวมถึงข้าราชการ ยกโขยงกันไปดูงานต่างประเทศ

เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เพราะเป็นผู้หนึ่งที่เสนอให้พรรคก้าวไกลยกเลิกการไปดูงานต่างประเทศ

“…เปลืองงบประมาณแผ่นดิน เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีการสื่อสารกว้างไกล ค้นคว้าเองก็ได้ หรือเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาบรรยายก็ได้ ควรยกเลิกการดูงานต่างประเทศเสีย

หากยังไม่ยกเลิก ต้องควบคุมเคร่งครัด ตัดลดงบ ห้ามไปซ้ำซ้อน เวียนประเทศในยุโรปอยู่ไม่กี่ประเทศ ประเภทปีที่แล้วคณะนี้ไป ปีนี้อีกคณะหนึ่งไป หรือเลือกประเทศที่ สส.อยากไปเที่ยว มากกว่าคิดเรื่องภารกิจ และเมื่อไปแล้ว ต้องทำรายงานการค้นคว้าด้วย

อยากเห็น สส.ก้าวไกล ทำเป็นตัวอย่างครับ

ถ้า สส.ก้าวไกล ทั้งพรรค ประกาศไม่ไปดูงานต่างประเทศ และรณรงค์ให้ยกเลิกงบส่วนนี้ จะดียิ่ง และยังช่วยกดดันไปยัง สส.พรรคอื่นด้วย…”

ยังมีโพสต์ในกรรมเดียวกันแต่ต่างวาระ

“…ไม่มีความจำเป็น กมธ.สามารถหาความรู้ด้วยการเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ หรือใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสื่อสารในการหาข้อมูลจากต่างประเทศก็ได้ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยประหยัดงบประมาณได้มากกว่า…”

“…ถึงเวลาที่ควรทบทวนเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง ต้องไม่ทำให้การดูงานต่างประเทศ กลายเป็นเรื่องคุ้นชิน จนเป็นสิทธิพิเศษของบรรดาทั่น สส., สว. ที่แต่ละปีจะได้ไปเที่ยวฟรี พักฟรี…”

จุดยืนชัดเจนนะครับ

แต่ สส.พรรคก้าวไกล ไม่เอาด้วย

สส.ก้าวไกลในคณะของ “รังสิมันต์ โรม” บอกว่าไปดูงาน แต่ไม่พลาดถ่ายรูปโชว์ในโซเชียลราวกับไปทัวร์ยุโรป

นี่คือตัวอย่างเล็กๆ ที่สะท้อนให้เห็นว่า เวลาพูดมันง่าย มีปากพูดอะไรก็ได้ แต่ปฏิบัติจริงกลับกลายเป็นคนละเรื่อง

ที่ไปก่นด่า สว., กกต., อบต., อบจ., พัดลม, ตู้เย็น, ไมโครเวฟ ไปดูงานต่างประเทศ ก็มันปากครับ

แต่ถึงเวลาตัวเอง อ้างว่าไปดูงานจริงๆ

ลองดูงานที่คณะของ “รังสิมันต์ โรม” ไปดูสิครับ คุ้มค่ากับงบประมาณที่เสียไปหรือไม่

การจัดการผู้ลี้ภัยของไทย ไม่น้อยหน้าประเทศใดในโลกครับ

เขาทำกันก่อน “รังสิมันต์ โรม” จะลืมตาดูโลกอีก

“รังสิมันต์ โรม” เกิดปี ๒๕๓๕ นี่เองครับ

เขมรแตกปี ๒๕๑๘ ชาวกัมพูชาอพยพหนีภัยสงครามเข้าไทยนับแสนคน

รัฐบาล พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายนับสิบล้านบาทต่อปี

ปี ๒๕๒๓ รัฐบาลในขณะนั้นได้จัดงบช่วยเหลือประมาณ ๒๐ ล้านบาท บวกกับเงินของ UNHCR อีกจำนวนหนึ่ง ก็ช่วยเหลือชาวกัมพูชาได้ตามอัตภาพ ไม่นับรวมที่ไทยต้องเผชิญกับกองกำลังเขมรแดงที่ลักลอบข้ามแดนมาเผาค่ายผู้อพยพอีก

ก็แค่จะบอกว่าเรามีประสบการณ์ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงครามมากพอ ไม่จำเป็นต้องไปดูงานที่โปแลนด์ แถมยังไปออกตัวเป็นศัตรูกับรัสเซียเสียอีก

ถ้าพรรคก้าวไกล ไม่ทำตัวเป็นพระเอก เที่ยวชี้หน้าด่าคนอื่น ใช้งบประมาณสิ้นเปลือง ไร้สาระ ไม่มีใครมาตั้งธงอมรมสั่งสอนพรรคก้าวไกลแบบนี้หรอกครับ

แต่เมื่อว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเสียเอง มันก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวานนี้ (๓ กรกฎาคม) “พิธา” หารือในที่ประชุมยกเอา เอ็มโอยูการร่วมเสนอชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งประธานสภาและรองประธานสภา ๒ คน จนทั้ง ๒ คือ “อาจารย์วันนอร์” กับ “รองอ๋องหมูกระทะ ปดิพัทธ์ สันติภาดา” มาเป็นประเด็น

เอ็มโอยูที่ว่าคือ นิรโทษกรรมคดีการเมืองเพื่อความยุติธรรม นิติรัฐ นิติธรรม แก้วิกฤตการเมือง และคนไทยที่เห็นต่าง ไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องลี้ภัย และแก้ไขกฎหมายเพื่อปฏิรูปกองทัพ

ดีลนี้พรรคก้าวไกลทำกับฝั่ง ๘ พรรคที่จะตั้งรัฐบาลด้วยกัน

มุมหนึ่งการหยิบยกดีลนี้มาเป็นเรื่องน่าขบขัน เพราะดีลเลือกประธานและรองประธานสภาฯ ผ่านก็จริง แต่ดีลตั้งรัฐบาลหลังจากนั้นล่ม

ที่ล่มเพราะก้าวไกลไม่ทันเกมเพื่อไทย

พูดง่ายๆ คือถูกหลอก จนประธานสภาไม่ได้เป็นคนของพรรคก้าวไกล

การมาทวงเอ็มโอยูในวันนี้จึงเหมือนโง่ซ้ำซาก

พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านยังไม่ทันเกม

ถ้าเป็นรัฐบาลประเทศไทยจะอยู่ในสภาพไหน

ไม่อยากคิดเลยจริงๆ

Written By
More from pp
เพื่อไทย แนะรัฐ วิธีจัดการปุ๋ยแพง ลั่น ถ้าทำไม่ได้ก็ยุบสภา อย่าเอาแต่จ่ายชดเชย
เพื่อไทย แนะวิธีจัดการปุ๋ยแพง บอกรัฐบาลอย่าคิดแต่จ่ายชดเชย ตรวจสอบราคาและคุณภาพควบคู่ด้วย ลั่น ถ้าทำไม่ได้ก็ยุบสภา พท.พร้อมนำเสนอนโยบายช่วยเกษตรกรแล้ว
Read More
0 replies on “ก้าวไกลทัวร์ #ผักกาดหอม”