ครม.มีมติเห็นชอบให้ ธอส. ปรับปรุงการกำหนดราคาซื้อ – ขาย / ค่าก่อสร้าง และปรับวงเงินกู้ “โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2” สูงสุดต่อรายต่อหลักประกัน เพิ่มจากเดิมไม่เกิน 1,200,000 บาท เป็นไม่เกิน 1,500,000 บาท

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปรับปรุงการกำหนดราคาซื้อ – ขาย / ค่าก่อสร้าง และปรับวงเงินกู้ “โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ ๒” สูงสุดต่อรายต่อหลักประกัน เพิ่มจากเดิมไม่เกิน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็นไม่เกิน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการหาซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับความสามารถในการผ่อนชำระ ภายใต้กรอบวงเงินโครงการ ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท คงอัตราดอกเบี้ยคงที่ ๔ ปีแรกเพียง ๑.๙๙% ต่อปี เงินงวดคงที่นานถึง ๘๔ งวดแรก

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานการประชุมในวันนี้ (๗ มิถุนายน ๒๕๖๕) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ ธอส. ปรับปรุงการกำหนดราคาซื้อ – ขาย / ค่าก่อสร้าง และปรับวงเงินกู้ “โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ ๒” สูงสุดต่อรายต่อหลักประกัน เพิ่มจากเดิมไม่เกิน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็นไม่เกิน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท

เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการหาซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น และสอดคล้องกับความสามารถในการผ่อนชำระเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น หลังจากที่ ครม.ได้มีมติเห็นชอบให้ ธอส. ดำเนินโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ ๒ ภายใต้กรอบวงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยเริ่มเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเพื่อรับรหัสสำหรับเข้าร่วมโครงการผ่าน Mobile Application : GHB ALL ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๔

ล่าสุด ณ วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ มีลูกค้าลงทะเบียนแล้วกว่า ๙๔,๐๐๐ ราย ในจำนวนนี้มีลูกค้าที่มีความพร้อมและยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาสินเชื่อแล้วจำนวน ๑๗,๐๐๐ ราย วงเงินรวม ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท และ ธอส. ได้อนุมัติสินเชื่อแล้วจำนวน ๑๖,๐๐๐ ราย วงเงินสินเชื่อรวม ๑๓,๕๐๐ ล้านบาท

โดยหลังจากนี้ธนาคารจะประสานกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอรับการส่งเสริมการลงทุนให้วงเงินสอดคล้องกันต่อไป

ทั้งนี้ ธอส. จัดทำโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ ๒ เพื่อช่วยประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้นด้วยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยคงที่ ๔ ปีแรกเท่ากับ ๑.๙๙% ต่อปี ผ่อนชำระได้นานสูงสุด ๔๐ ปี เงินงวดคงที่ ๘๔ งวดแรก (๗ ปี) ให้กู้เพื่อซื้อบ้าน หรือคอนโดมิเนียม (ห้องชุด) ทั้งที่เป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ บ้านมือสอง (รวมถึงบ้านมือสองของ ธอส.) เพื่อปลูกสร้าง

หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้าง และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยพร้อมกับการขอกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม และยังยกเว้นค่าธรรมเนียมให้กับผู้กู้  ๒ ประเภท ๑.ค่าประเมินราคาหลักประกัน และ ๒.ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถรับรหัสเข้าร่วมโครงการทาง Mobile Application : GHB ALL ยืนคำขอกู้และทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๖ หรือ ก่อนเต็มกรอบวงเงินของโครงการ

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ได้มีมติเห็นชอบให้ธนาคารปรับเพดานสัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) สำหรับลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในสัญญากู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ ๑ ที่มีราคาต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท ให้อยู่ที่ ๑๐๐% ของมูลค่าหลักประกัน พร้อมให้เงินกู้เพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อประโยชน์ในการอยูอาศัยอีก ๑๐% (รวมวงเงินให้กู้สูงสุด ๑๑๐% ของมูลค่าหลักประกัน)

เพื่อช่วยให้ประชาชนที่ต้องการมีบ้านและมีความต้องการวงเงินกู้เพิ่มในระดับที่สอดคล้องกับรายได้เพื่อนำไปใช้จ่ายในด้านการซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย โดยขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการกำหนดหลักเกณฑ์ของกลุ่มลูกค้าที่จะสามารถได้รับวงเงินกู้สูงสุด ๑๑๐% ของมูลค่าหลักประกัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดให้ประชาชนยื่นกู้ตามเพดาน LTV ใหม่อย่างเป็นทางการได้ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๕

ตามที่ธนาคารจัดทำ “มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน” เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จาก COVID-19 ให้ได้รับความช่วยเหลือต่อเนื่องจนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ โดย ณ วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ มีลูกค้าที่อยู่ระหว่างรับความช่วยเหลือตามมาตรการจำนวนกว่า ๘๕,๔๐๐ บัญชี เงินต้นคงเหลือ ๘๙,๓๐๐ ล้านบาท

และแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในปัจจุบันจะลดความรุนแรงลง แต่ยังคงมีผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าบางกลุ่ม ธนาคารจึงได้จัดทำ “มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน เฟส ๒” เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่อยู่ในมาตรการที่ ๑๘ และ ๑๙ และยังได้รับผลกระทบด้านรายได้จาก COVID-19 โดยขยายระยะเวลาความช่วยเหลือต่อเนื่องตั้งแต่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ซึ่งมีรายละเอียดของมาตรการ ดังนี้

มาตรการที่ ๑๘ [M18]  : สำหรับลูกค้ารายย่อยที่มีสถานะบัญชีปกติ รองรับลูกค้าเดิมที่อยู่ระหว่างใช้มาตรการที่ ๑๘ สามารถเลือกแบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ [ตัดเงินต้น ตัดดอกเบี้ย] เหลือ ๒๕% หรือ ๕๐% หรือ ๗๕% ของเงินงวดผ่อนชำระตามสัญญากู้เงิน และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากผลิตภัณฑ์สินเชื่อ/ประกาศที่ผู้กู้ใช้อยู่ลงอีก 0.๒๕-0.๕๐% ต่อปี ระยะเวลาความช่วยเหลือ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่าน Mobile Application : GHB ALL หรือ GHB Buddy บน Application Line หรือ www.ghbank.co.th หรือ สาขาทั่วประเทศได้แล้วตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๕

มาตรการที่ ๑๙ [M19] : สำหรับลูกค้าผู้ประกอบการสินเชื่ออพาร์ทเม้นท์ รองรับลูกค้าเดิมที่อยู่ระหว่างใช้มาตรการที่ ๑๙ สามารถเลือกแบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ [ตัดเงินต้น ตัดดอกเบี้ย] เหลือ ๒๕% หรือ ๕๐% หรือ ๗๐% ของเงินงวดผ่อนชำระปกติตามสัญญากู้เงิน และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากผลิตภัณฑ์สินเชื่อตามสัญญากู้เงินลงอีก 0.๒๕% ต่อปี ระยะเวลาช่วยเหลือ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่ ธอส. สำนักงานใหญ่และสาขาทั่วประเทศได้แล้วตั้งแต่บัดนี้ถึง ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕

ทั้งนี้ สำหรับมาตรการที่ ๑๘ ลูกค้าที่ต้องการขยายระยะเวลาความช่วยเหลือจะต้อง Upload เอกสาร/รูปถ่ายแสดงหลักฐานยืนยันว่าได้รับผลกระทบทางรายได้จาก COVID-19 ให้ธนาคารพิจารณาผ่าน Mobile Application : GHB ALL หรือ GHB Buddy บน Application Line กรณีที่ลูกค้าไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถกรอกข้อมูลเพื่อแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ที่ www.ghbank.co.th

ในส่วนของลูกค้าที่ต้องการขยายระยะเวลาความช่วยเหลือของมาตรการที่ ๑๙ ให้ยื่นเอกสาร/รูปถ่ายแสดงหลักฐานยืนยันว่าได้รับผลกระทบทางรายได้จาก COVID-19 ที่สำนักงานใหญ่/สาขาทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารได้ที่ GHBank Call Center โทร.๐-๒๖๔๕-๙๐๐๐ หรือ www.ghbank.co.th, Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ Application : GHB ALL


0 replies on “ครม.มีมติเห็นชอบให้ ธอส. ปรับปรุงการกำหนดราคาซื้อ – ขาย / ค่าก่อสร้าง และปรับวงเงินกู้ “โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2” สูงสุดต่อรายต่อหลักประกัน เพิ่มจากเดิมไม่เกิน 1,200,000 บาท เป็นไม่เกิน 1,500,000 บาท”