ผักกาดหอม
ยังมีความเข้าใจกรณี รัสเซียบุกยูเครน ในแง่ของความเป็นจริงคลาดเคลื่อนกันเยอะครับ
มีคนบอกว่า ยูเครน เป็นประเทศประชาธิปไตย รัสเซียจะเล่นบทนักเลงโตเข้าไปยึดไม่ได้
บางคนบอกว่า ประเทศบริวารของรัสเซียส่วนใหญ่ ไม่ได้รับการพัฒนา เพราะยังติดหล่มคอมมิวนิสต์ ผิดกับชาติที่แยกตัวมาแล้วปกครองระบอบประชาธิปไตย
เช่นยูเครน เศรษฐกิจดีวันดีคืน
ที่จริงคิดแบบนี้ไม่ได้ผิดเสียทีเดียว แต่มันไม่ได้เป็นปัจจัยหลักก่อให้เกิดสงคราม
ประเด็นมันอยูที่ว่า หลายประเทศโซนดังกล่าวจะอยู่เป็นสังคมที่สงบสุขได้อย่างไร
ระบอบการเมืองต่างกันไม่ใช่ปัญหา
ที่ต่างคือ มีใครมาขว้างหลังคาบ้านหรือเปล่า
วันดีคืนร้ายเพื่อนบ้านสมคบกับนักเลงต่างซอย เตรียมจะขนก้อนหินมาไว้ในบ้าน เพื่อเปิดยุทธการปาหลังคา เพราะเพื่อนบ้านไม่ไว้ใจกัน
มีความเหม็นขี้หน้ากัน
ขาใหญ่ประจำซอย เห็นดังนั้น เกิดความไม่พอใจ ตบหัวเด็กจอมซ่าเข้าไปทีหนึ่ง
กลุ่มนักเลงต่างซอยไม่กล้าเข้าตะลุมบอน เพราะขอพ่วงน้ำไฟจากขาใหญ่ใช้อยู่ ทำได้แค่แอบส่งท่อนไม้ ก้อนหินให้เด็กจอมซ่า รบกับขาใหญ่
มันไม่ใช่เรื่องการทำมาหารับประทาน
แต่เป็นเรื่องของความปลอดภัย
ที่บอกว่าอย่าไปยึดติดกับเรื่องระบอบการปกครอง เพราะรัสเซียปัจจุบันแทบไม่หลงเหลือความเป็นคอมมิวนิสต์ แล้ว แต่เป็นสหพันธ์สาธารณรัฐ
มีการเลือกตั้ง
ที่บอกว่าสาเหตุหลักมาจากเรื่องความปลอดภัย ระดับประเทศเขาเรียกว่าความมั่นคง รัสเซียมองว่า “นาโต” รุกคืบ จนรู้สึกว่าตัวเองมีภัยมาจ่อหน้าประตูบ้าน
และเรื่องนี้มันไม่ได้เกิดเฉพาะกับรัสเซีย
อเมริกา จีน ก็มีความรู้สึกแบบนี้บ่อยๆ
ตัวอย่างล่าสุด พอเทียบเคียงกับกรณี รัสเซีย-ยูเครน ได้ ก็คือ จีน จะเข้าไปตั้งฐานทัพในหมู่เกาะโซโลมอน กลางมหาสมุทรแปซิฟิก
มีคนเดือดร้อน และมีความรู้สึกเดียวกับรัสเซียเป็นอยู่ตอนนี้ คือ “ภัยความมั่นคง”
ครับ…ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เต้นผาง!
เรื่องของเรื่องคือ ไม่กี่วันก่อน จีนไปลงนามตกลงเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงกับหมู่เกาะโซโลมอน
ประเทศหมู่เกาะนี้อยู่ห่างจากออสเตรเลีย เกือบ ๒ พันกิโลเมตร ก็ราวๆ แม่สาย ไป เบตง
ส่วนนิวซีแลนด์ ห่างกันกว่า ๓ พันกิโลเมตร
ชายแดนไม่ได้ติดกับเหมือน รัสเซีย กับ ยูเครน
แล้วจีนไปทำอะไรที่นั่น?
ตามข่าวบอกว่า จีนจะเข้าไปติดตั้งขีปนาวุธ สร้าง สนามบิน ส่งเครื่องบินรบ และอาวุธทันสมัยไปยัง
เกาะโซโลมอน ซึ่งจะมีระยะยิงได้ถึงออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัย สำหรับการลงทุน
เรื่องนี้ “มาริส เพย์น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของออสเตรเลีย บอกว่า
“เคารพในสิทธิ์การตัดสินใจของหมู่เกาะโซโลมอน แต่ออสเตรเลียมีความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับพฤติกรรมใดๆ ที่อาจบ่อนทำลายเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค
รวมถึงการจัดตั้งสิ่งที่ปรากฏถาวรอย่างเช่นฐานทัพ”
“สกอต มอร์ริสัน” นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กังวลอย่างหนัก
“…มีความวิตกอย่างยิ่งทั่วมหาสมุทรแปซิฟิก หลังหมู่เกาะโซโลมอน ลงนามข้อตกลงความมั่นคงกับจีน สร้างความวิตกกังวลให้แก่กลุ่มพันธมิตรของสหรัฐฯ อย่าง ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เกี่ยวกับการขยายอิทธิพลของจีนเข้ามาในภูมิภาคแปซิฟิกใต้….”
ก่อนนี้ นาโต มีความพยายามจะเข้าไปตั้งฐานปล่อยขีปนาวุธในยูเครน ที่มีพิสัยทำการถึงกรุงมอสโก ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ทุบโต๊ะดังผาง!
“การที่นาโต ยังคงเดินหน้าเสริมกำลังทางทหาร ตามแนวพรมแดนทางตะวันออก เป็นภัยคุกคามต่อแกนกลางด้านผลประโยชน์ของรัสเซีย”
ฉะนั้นที่บอกว่า รัสเซียกลัวอะไรนักหนา
วันนี้ก็ย้อนถาม ออสเตรเลีย กับ นิวซีแลนด์ ว่า กลัวอะไรกัน
ถ้าจะให้ชัดขึ้นอีก ในวันที่อเมริกาใช้ไทยเป็นฐานทัพในการทำสงครามเวียดนาม วันนั้นเราต้องยอม เพราะเป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ
วันนั้นเราก็กลัว
กลัวว่าโดมิโนจะล้ม ไทยจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์
แล้วในช่วงเวลาที่ว่า เรารู้สึกอย่างไรกับการที่ เครื่องบินทิ้งระเบิดของอเมริกาขึ้นจากสนามบินอู่ตะเภานำระเบิดไปปูพรมในลาวในเวียดนาม
ตราบใดที่เรารู้สึกมีภัย อย่างแรกที่ต้องทำคือ ขจัดต้นตอของภัย
นี่คือสิ่งที่ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน รู้สึกและทำอยู่
ถูกผิดเป็นอีกเรื่อง แต่เมื่อมีภัยจิตใต้สำนึกของมนุษย์ ต้องหาทางป้องกันตัวเองเสมอ
ถึงบอกว่า กรณีรัสเซียยูเครน ไม่ใช่เรื่องเป็นประชาธิปไตย หรือไม่เป็นประชาธิปไตย มันเป็นเรื่องการป้องกันตัว เช่นที่ ออสเตรเลีย กับ นิวซีแลนด์ กำลังตั้งคำถามกับจีนอยู่
ในแง่ความมั่นคง ยังซับซ้อนกว่าที่หลายๆคนคิด
กรณีกัมพูชา ให้จีนวางฐานทัพเรือที่ สีหนุวิลล์ สร้างความวิตกกังวลให้ไทยเช่นกัน แม้ไทยจะถูกมองว่าเป็นพันธมิตรด้านทหารกับจีนก็ตาม
ขณะที่อเมริกาเดือดดาลอย่างมาดกับการขยายอิทธิพลของจีนในอาเซียน เพราะเกรงกระทบกับผลประโยชน์ของตัวเอง
หรือกรณีจีนมอบเรือดำน้ำให้เมียนมา ก็กลายเป็นภัยคุกคามกับไทย
เราเองก็ซื้อเรือดำน้ำจากจีนมาป้องกันตัว
เรื่องแบบนี้หากมองอย่างโลกสวย จะไม่เห็นอะไรเลย เหมือนคนตาบอด และการเสพสื่อตะวันตกมากเกินไปมันจะสร้างทัศนคติที่ผิดเพี้ยนไป
ความเป็นประเทศนั้น ไม่ว่าจะปกครองด้วยระบอบไหน “ความมั่นคง” มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ชนิดที่พวกโลกสวยไม่มีทางเข้าใจ หรือพยายามจะไม่เข้าใจ
จริงอยู่ครับ การที่ประเทศหนึ่งไปรุกรานประเทศหนึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
เพราะผู้ได้รับผลกระทบมากกว่าใครคือ ประชาชน ลูกเล็กเด็กแดง ที่ต้องเสี่ยงชีวิต ต้องหลบหนี ไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติสุขได้
แต่มันก็เกิดเรื่อยมา
เกือบศตวรรษนี้เมริกาคือผู้รุกรานชาติอื่นมากที่สุด
โดยมีคำว่า “โลกเสรี” เป็นเกราะป้องกัน สร้างความชอบธรรมในการเข่นฆ่าชาติพันธุ์อื่น
วันนี้อเมริกายังติดนิสัยกระหายสงคราม จนเกิดข้อเปรียบเทียบว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถึงจะบ้าๆบอๆ แต่หลีกเลี่ยงสงคราม
ต่างจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน กลายเป็นผู้นำกระหายสงครามไปแล้ว
การที่ “โจ ไบเดน” กล่าวถึง “ปูติน” ว่า “เห็นแก่พระเจ้าเถอะ ชายผู้นี้ไม่ควรจะอยู่ในอำนาจอีกต่อไปแล้ว”
“โจ ไบเดน” เจตนาจะสร้างจินตภาพต่อชาวโลกว่า “ปูติน” ก็ไม่ต่างจาก “ซัดดัม ฮุสเซน” อดีตผู้นำอิรัก ฉะนั้นต้องโค่นอำนาจลงให้ได้
ก็ยังดีครับ ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯแก้ข่าวว่า แท้จริงแล้วคำพูดดังกล่าวมีความหมายเพียงไม่ควรยอมให้นายปูตินใช้อำนาจข่มเหงเพื่อนบ้านหรือภูมิภาคยุโรปตะวันออก ไม่ใช่คำพูดแสดงเจตนาที่จะโค่นล้มรัฐบาลของปูตินแต่อย่างใด
ทำไมต้องแปลงภาษาอเมริกันเป็นอเมริกัน ก็เพราะคำพูดของ “โจ ไบเดน” ไม่ต่างจากการแสดงเจตนาจะบุกรัสเซีย
สงครามจะไม่เกิดขึ้นหากมวลมนุษยชาติต่างไว้วางใจกัน
แต่นั่นเป็นอุดมคติ
ความจริงคือ สงครามจะเกิดต่อไป เมื่อใครก็ตามคิดว่าตัวเองไม่ปลอดภัย
ที่มา : https://www.thaipost.net/columnist-people/112679/
ขอบคุณภาพจาก : สถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย