ขบวนการอุ้ม “ทักษิณ” – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

คงจะเป็นประเด็นให้นินทากันข้ามปี

เรื่อง นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร นี่แหละครับ

ไม่น่าจะจบง่ายๆ ตราบใดที่ นักโทษซึ่งก่ออาชญากรรมร้ายแรง คอร์รัปชันขณะที่มีอำนาจบริหารประเทศ ยังไม่ติดคุกแม้วันเดียว

ต่อให้พ้นโทษออกจากคุกกลับเข้าสังคมไปแล้วก็ตาม แต่คำว่า “นักโทษคดีโกงไม่ติดคุกแม้วันเดียว” จะยังถูกพูดถึงไปอีกยาวนาน

สถานการณ์ ณ เวลานี้คงไม่ถึงกับมีการล้มรัฐบาล

หรือมีม็อบขนาดใหญ่ออกมาชุมนุมประท้วงเหมือนสมัยต่อต้านกฎหมายนิรโทษโกงสุดซอย ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์

เพราะคนที่จะมานำการชุมนุมยุคนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ เนื่องจากวันแรกที่ตัดสินใจเป็นผู้นำม็อบ ขาข้างหนึ่งก็เข้าไปอยู่ในคุกอย่างแน่นอนแล้ว

แต่กระนั้นก็ตาม ใช่ว่ารัฐบาลเศรษฐาจะนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้

ตราบาปจะเกิดขึ้นในใจของผู้ร่วมขบวนการช่วยเหลือไม่ให้ นักโทษชายทักษิณติดคุก จะต้องอยู่กับความรู้สึกนี้ไปจนตาย

เว้นเสียว่าคนในขบวนการนี้ชั่วสุดจะพรรณนา!

นักโทษชายทักษิณสามารถอยู่นอกคุกโดยถูกกฎมาย แต่ก็เต็มไปด้วยข้อกังขานี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นมาอย่างบังเอิญ

แน่นอนครับมีการวางแผนมาเป็นปีๆ

รอจนมั่นใจแล้วว่า ทุกอย่างพร้อม นักโทษชายทักษิณถึงได้เดินทางกลับไทย เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคมที่ผ่านมา ไปพร้อมๆ กับขบวนการอุ้มนักโทษไปอยู่นอกคุกก็เริ่มต้นทันที

ฟังนายกฯ เศรษฐาให้สัมภาษณ์วานนี้ (๒๔ ธันวาคม) แล้ว ถูกต้องครับ ทุกอย่างเดินไปตามกฎระเบียบ และกฎหมาย

“…ขอให้เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์กับโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งผมมั่นใจว่าเขาไม่ได้ออกกฎระเบียบมาเพื่อดูแลคนคนเดียว ต้องคิดถึงส่วนรวมเป็นหลัก รวมถึงเชื่อว่าทั้งสองหน่วยงานจะยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย…”

“….ทุกเรื่องก็คงเป็นประเด็นการเมืองทั้งหมดหากจะโยงกันจริงๆ แต่เราก็ยึดมั่นในกฎระเบียบที่ไม่ได้ทำมาเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง

ถ้าเป็นไปตามกฎแล้วทุกคนมีสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ถูกกล่าวโทษหรือผู้ที่อยู่ในโรงพยาบาลตำรวจเอง ท่านเองก็เป็นนายกรัฐมนตรีมาสองสมัย และเป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมา ท่านก็ได้รับการดูแล

แต่เชื่อทุกอย่างเป็นไปตามกฎกติกาที่ได้วางกันไว้ ส่วนเรื่องจะมาเป็นประเด็นทางการเมืองมากน้อยขนาดไหนอย่างไร ผมคงไม่ไปทำนายส่วนนั้นได้…”

ครับ…เป็นไปตามกติกาทั้งหมด รวมทั้งระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.๒๕๖๖

ประเด็นคือ กติกาที่นายกฯ เศรษฐาพูดนั้น เป็นกฎหมายหรือระเบียบที่ทำเพื่อนักโทษทุกคนที่เข้าข่าย แต่นักโทษชายทักษิณได้ด้วย

หรือทำเพื่อนักโทษชายทักษิณ แต่นักโทษทุกคนมีโอกาสได้ด้วย

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน

แต่เจตนารมณ์นั่นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

จำคำว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อน” และ “ทุจริตเชิงนโยบาย” ได้หรือเปล่าครับ

นักโทษชายทักษิณไม่ติกคุกแม้วันเดียว ก็มีผลประโยชน์ทับซ้อน และทุจริตเชิงนโยบายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

เป็นมุกเดิมที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่

“ผลประโยชน์ทับซ้อน” และ “ทุจริตเชิงนโยบาย” ในยุคที่นักโทษชายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จิ้มไปตรงไหนก็เจอ

ที่ทำให้ “นักโทษชายทักษิณ” ต้องเผ่นไปต่างประเทศก็มีหลายเรื่อง

เรื่องแรกๆ ที่ถึงคุก ก็รู้จักกันดีในนาม ซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก

ผัวเซ็นเมียซื้อ

คณะรัฐมนตรีทักษิณมีมติบังคับให้วันพุธที่ ๓๑ ธันวาคม ปี ๒๕๔๖ ไม่เป็นวันหยุดราชการ เพื่อเอื้อประโยชน์ในการโอนที่ดิน หากไม่ทันจะเสียค่าธรรมเนียมมากกว่าเดิม

แต่ก็มีหลายกรณี กฎหมายไปไม่ถึง เพราะมีการแก้กฎหมาย หรือไม่ก็ออกระเบียบ ออกประกาศ ให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ “นักโทษชายทักษิณ” ได้ประโยชน์

หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ และหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับของวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ ตีพิมพ์ข่าวระบุว่า บริษัท ท่าอากาศยาน จำกัด (ทอท.) ลดค่าหลุมจอด

บอร์ด ทอท.ยุคนั้นมีคนของตระกูลชินวัตรรวมอยู่ด้วย

ผลการประชุมของบอร์ด ทอท.ขณะนั้น รออนุมัติให้ ทอท.สนับสนุนบริษัทแอร์เอเชียที่กลุ่มชินคอร์ปถือหุ้นอยู่ ๕๑% เข้ามาดำเนินธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ

และแก้ไขข้อบังคับ ทอท.ว่าด้วยอัตราค่าภาระการใช้ท่าอากาศยาน ทรัพย์สิน บริการ และความสะดวกในกิจการของ ทอท. สำหรับท่าอากาศยานกรุงเทพ และภูมิภาค

สายการบินได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า รวมทั้งแอร์เอเชียในขณะนั้น

นี่คือการแก้ข้อบังคับเพื่อทุกสายการบิน โดยแอร์เอเชียได้ประโยชน์ด้วย

หรือแก้ข้อบังคับเพื่อแอร์เอเชีย แต่เพื่อไม่ให้น่าเกลียด สายการบินอื่นจึงได้ประโยชน์ด้วย

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ขณะนั้นเป็นเพียง สส.ฝ่ายค้านคนหนึ่ง ไปปราศรัยว่า ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นักโทษชายทักษิณเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตระกูลชินวัตร ๑๔ กรณี

หนึ่งในนั้นคือ การเอื้อประโยชน์ให้กับแอร์เอเชีย

ผลคือถูกฟ้องทั้งจุรินทร์ และไทยโพสต์

เรียกค่าเสียหาย ๕๐๐ ล้านบาท

แต่ศาลยกฟ้องทั้งชั้นต้นและอุทธรณ์

ศาลเห็นว่าทั้ง ๑๔ เรื่องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลซึ่งมีรายละเอียดข้อเท็จจริง บุคคล และเอกสารที่เกี่ยวข้องประกอบ

มาวันนี้คล้ายกับว่ามีเรื่องเดิมวนกลับมาอีก

ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.๒๕๖๖ ที่รัฐบาล กระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ให้เหตุผลว่าออกมาเพื่อแก้ปัญหานักโทษล้นคุก แต่พฤติการณ์เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่

ทำไมระเบียบนี้ช่างออกมาประจวบเหมาะกับไทม์ไลน์ชีวิตของ “นักโทษชายทักษิณ” เสียเหลือเกิน

ถ้า “นักโทษชายทักษิณ” ยังอยู่ดูไบ จะมีคนกุลีกุจอเข็นระเบียบนี้ออกมาหรือไม่

ที่สงสัยก็เพราะตอน “นักโทษชายทักษิณ” อยู่ดูไบ ไม่เห็นมีใครพูดถึงระเบียบนี้แต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ควรออกตั้งแต่ปี ๒๕๖๐

“นักโทษชายทักษิณ” เพิ่งจะมาพูดเรื่องกลับไทยอย่างจริงจังและถี่ยิบตั้งแต่ปี ๒๕๖๔

ให้หลังร่วม ๓ ปี “นักโทษชายทักษิณ” กลับไทยและยังไม่ติดคุกแม้วันเดียว

มีใครคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญบ้างครับ

0 replies on “ขบวนการอุ้ม “ทักษิณ” – ผักกาดหอม”