โฆษกรัฐบาลเผย รัฐบาลเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ล็อตเตอรี่แพง ตามข้อสั่งการ “นายกฯ” ย้ำ ตช.-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการทำงานป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนโดยเร็วที่สุด

โดยนายกรัฐมนตรี ได้กำชับสั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง พร้อมกับสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาแนวทางเสริมภูมิความรู้ให้กับประชาชนด้วย

ซึ่งขณะนี้ปรากฏผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกฯ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอส.ตร.) หรือ PCT :Police Cyber Taskforce ประสานทางการกัมพูชา เข้าทลายออฟฟิศใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใจกลางเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชาเมื่อ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา

สามารถจับกุมผู้ต้องหา 28 ราย เป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับไว้แล้วทั้งหมด ช่วยเหลือเหยื่อคนไทย 5 ราย และอยู่ระหว่างคัดแยกว่าเป็นเหยื่อหรือผู้ต้องหาอีก 28 ราย รวม 61 ราย หลังสืบทราบว่าหลอกเป็นตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ และพนักงานบริษัทขนส่ง DHL Fed EX มีผู้เสียหายที่ถูกหลอกโอนเงินจำนวนมาก

ซึ่งทีมสืบสวนได้ประสานขอความร่วมมือกับตำรวจประเทศกัมพูชา สืบสวนจนทราบฐานปฏิบัติการของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายนี้ โดยตำรวจประเทศกัมพูชาได้สนธิกำลังกับตำรวจฝ่ายไทย นำกำลังเข้าตรวจค้นโรงงานร้างและอาคารในเมืองพระสีหนุ ฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนสามารถจับกุมตัวการใหญ่ชาวจีน รวมทั้งคนไทยที่ร่วมขบวนการ พร้อมยึดของกลางคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือหลายรายการ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ภาครัฐยังได้เดินหน้าเร่งแก้ไขปัญหาล็อตเตอรี่แพง โดยเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจค้นตามหมายค้นศาลอาญาที่บริษัท มังกรฟ้า ล็อตเตอรี่ จำกัด สำนักงานใหญ่ เลขที่ 24 ม.2 ต.อ้อมเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

ภายหลังสืบสวนจนทราบว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้รับการจัดสรรโควต้า แล้วมีการกว้านซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจากผู้ได้รับโควต้าผู้ค้ารายย่อยและบุคคลทั่วไป มากกว่า 2 ล้านฉบับ แล้วนำเข้าสู่ระบบแพลทฟอร์มมังกรฟ้า เสนอขายหรือแทรกแซงกลไกราคาจนทำให้ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลมีมูลค่าสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยพบเงินหมุนเวียนนับ 100 ล้านบาท

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความปรารถนาดีถึงประชาชน ฝากย้ำเตือนประชาชนว่าอย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อง่าย ๆ หากพบเบาะแสอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ศูนย์ PCT 08-1866-3000 หรือ สายด่วนกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) 1441 หรือ www.pct.police.go.th ตลอด 24 ชม. หรือผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com