โทษจำคุกครึ่งชีวิต-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ช่วงนี้ข่าวสารมะรุมมะตุ้มกับเรื่อง แตงโม ปูติน และยูเครน เสียเป็นส่วนใหญ่

โควิด-๑๙ ถูกลืมไปชั่วขณะ

คงเพราะเริ่มชาชิน กับยอดผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต กันไปแล้ว

ช่วงนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ที่ ๒ หมื่นรายต้นๆ

ตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ระหว่าง ๔๐-๕๐ คนต่อวัน

ดูเหมือนจะทรงๆ ตัว

แต่…อย่าเพิ่งตกใจถ้าตัวเลขพุ่งพรวดไปอีกเท่าตัว

ที่จริง ศบค.ก็บอกไบ้ในตัวแล้วว่า ตัวเลขที่ไม่เป็นทางการสูงกว่าที่ประกาศเป็นทางการมาก

ยกตัวอย่างวานนี้ (๓ มีนาคม) พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงยอดการตรวจ ATK วันที่ ๒ มีนาคม ตามการรายงานของกระทรวงสาธารณสุข มียอดผู้ติดเชื้อเข้าข่ายจำนวน ๔๒,๑๓๘ ราย

จำนวนนี้ไม่รวมในการรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ซึ่งยืนยันผลด้วย RT-PCR เมื่อรวมกับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่วันที่ ๓ มีนาคม ๒๓,๖๑๘ ราย

จะเท่ากับมีผู้ติดเชื้อ ๖๕,๗๕๖ คน

กรมควบคุมโรคคาดการณ์หลังพบว่า ปลายเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงขณะนี้ ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หากยังคงมาตรการต่างๆ ไว้ ตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจสูงถึงประมาณ ๔-๕ หมื่นรายในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งก็คือช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์

หากไม่คงมาตรการควบคุม หรือย่อหย่อน การ์ดตก อาจทำให้ยอดผู้ติดเชื้อพีกสุดประมาณ ๑ แสนคนต่อวัน

แต่หากมีการเพิ่มมาตรการเข้มข้น ปฏิบัติตามการเตือนภัยระดับ ๔ อย่างเคร่งครัด จะทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดอยู่ที่ประมาณ ๒ หมื่นคน

เอาเข้าจริงประเทศไทยไม่น่าห่วงเท่าไหร่ ใช้มาตรการเตือนภัยระดับ ๔ อย่างเคร่งครัด ไปเรื่อยๆ จำนวนผู้ติดเชื้อไม่พุ่งพรวดอย่างแน่นอน

วันนี้ถือว่าคนไทยสร้างสมดุลระหว่างโรคระบาดกับเศรษฐกิจได้ดีพอสมควร

ธุรกิจเดินไปได้ การติดเชื้ออยู่ในระดับที่ระบบสาธารณสุขเอาอยู่ ยืดเยื้อไปอีก ๒-๓ เดือน สถานการณ์น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ

เปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านย่านเอเชียแล้ว ถือว่าไทยยังทำได้ดี

เกาหลีใต้ ๒๑๙,๒๓๗ คน

เวียดนาม ๑๑๐,๓๐๑ คน

ญี่ปุ่น ๖๑,๘๔๓ คน

ฮ่องกง ๕๕,๓๕๓ คน

อินโดนีเซีย ๔๐,๙๒๐ คน

มาเลเซีย ๒๗,๕๐๐ คน

หลายประเทศเคยทำได้ดีกว่าไทยเยอะ เช่น เกาหลีใต้ เวียดนาม แต่วันนี้ทั้ง ๒ ประเทศ การติดเชื้อกระโดดไปจุดที่ไกลกว่าไทยหลายเท่าตัว

หรือกระโดดไปดูนิวซีแลนด์ น่าห่วงครับ จากประเทศที่ติดเชื้อวันละหลักสิบคน มาเป็น ๒๔,๑๐๖ คน แต่อัตราการเสียชีวิตยังต่ำมากๆ

เป็นความรู้ในเชิงวิชาการครับ ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) อธิบายประเด็นนี้ในเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana

….นิวซีแลนด์เป็นประเทศระดับต้นๆ ของโลกที่มีความสามารถในการควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสโรคโควิด-๑๙ ในประเทศได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นรอบแรก รอบแอลฟา หรือแม้แต่เดลตา ก็ทำอะไรประเทศนี้ไม่ได้ จะเห็นได้ว่าจำนวนเคสการติดเชื้ออยู่ในระดับต่ำมากมาตลอด

ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนให้กับประชากรนิวซีแลนด์ครบแล้วที่ ๗๘% ซึ่งทำให้รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการ และเปิดประเทศรับความเสี่ยงได้มากขึ้น

ตัวเลขวันนี้ล่าสุดนิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อสูงถึงเกือบ ๒ หมื่นคน และเมื่อดูกราฟแสดงผู้ติดเชื้อจะเห็นได้ชัดมากว่า กราฟสูงเป็นเส้นตรงเกือบ ๙๐ องศากับแกนนอน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อที่ไวมากๆ

เป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่า นอกจากโอมิครอนจะแพร่กระจายได้ไวแล้ว ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนที่คิดว่าน่าจะช่วยให้การระบาดไม่ไปไวอย่างที่คิดคงไม่เป็นไปตามนั้น

และเนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ได้ภูมิมาจากวัคซีนกันเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากการแพร่กระจายของไวรัสในประชากรมีน้อย ภูมิคุ้มกันแบบ HYBRID ที่คิดว่าจะต่อสู้กับโอมิครอนได้ดี จะมีไม่มากเท่ากับหลายๆ ประเทศที่ผ่านการระบาดมาหลายระลอก


ข้อมูลผู้ป่วยในนิวซีแลนด์น่าจะช่วยบอกได้ว่า ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนช่วยเราได้มากขนาดไหน เพราะข้อมูลจากฮ่องกงที่โดนโอมิครอนโจมตีในตอนนี้ สอดคล้องกับผู้ติดเชื้อที่มีไม่มากจากนโยบายเข้มงวดในการป้องกันระลอกระบาดที่ผ่านๆ มา ก็เห็นภาพการป่วยหนักและเสียชีวิตที่ไม่น้อยเช่นกัน

คำถามที่ตามมาคือ ถ้าประเทศจีนที่ไม่ผ่านการระบาดระลอกใหญ่ๆ มาเหมือนกัน แล้วปล่อยให้มีกราฟสูงเป็นเส้นตรงดิ่งขนาดนี้ในประชากรจำนวนมหาศาล จะเกิดอะไรขึ้น นโยบาย Zero COVID จะเป็นอย่างไร

ให้กำลังใจให้ประเทศจีนยื้อสำเร็จครับ…

เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า ทุกประเทศมีความเสี่ยงหมด อยู่ที่จะถึงคิวเมื่อไหร่เท่านั้น

ข้อมูลพวกนี้เอาไว้เป็นความรู้ครับ เพราะวันข้างหน้าหากไทยติดเชื้อหลักแสนจะได้ไม่ตกใจ แต่จะเป็นการมองโควิดอย่างเข้าใจ

ประเทศไหนคลีนชีต ใช่ว่าจะสะอาดปราศจากโควิดตลอดไป

ก็กลายเป็นว่ายิ่งปลอดโควิดยิ่งอันตราย เช่น นิวซีแลนด์

ครับ…ข่าวใหญ่วันนี้ (๔ มีนาคม) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร เวลา ๑๔.๐๐ น.

เมื่อปี ๒๕๖๐ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิด “วัฒนา เมืองสุข” อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

พร้อมจำเลยคนอื่นๆ อีก ๑๔ คน

กรณีทุจริตเรียกรับสินบนจากบริษัท พาสทิญ่า จำกัด ผู้รับเหมาโครงการบ้านเอื้ออาทร ผ่านบริษัทและลูกจ้างบริษัท เพรซิเด้นท์เทรดดิ้ง จำกัด จำนวนเงิน ๘๒.๖ ล้านบาท

๒๔ กันยายน ๒๕๖๓ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก “วัฒนา เมืองสุข” จำเลยที่ ๑ ตามความผิดตามมาตรา ๑๔๘ ของประมวลกฎหมายอาญาทั้งสิ้น ๑๑ กระทง

กระทงละ ๙ ปี รวม ๙๙ ปี

แต่คงจำคุกจริง ๕๐ ปี

“วัฒนา เมืองสุข” ยื่นอุทธรณ์ คดีนี้เป็นมหากาพย์อันยาวนานที่ต่อสู้กว่า ๑๖ ปี ได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

“วัฒนา เมืองสุข” บอกว่าไม่หนี ก็นับเป็นนิมิตหมายที่ดี เป็นตัวอย่างให้นักการเมืองยืนหยัดอย่างรับผิดชอบ

ถ้าศาลพิพากษายืนก็ คุก ๕๐ ปี

หากไม่ผิดเป็นเครื่องการันตีความสะอาด สามารถทำงานการเมืองต่อไปอย่างมีศักดิ์ศรี

อย่าให้เหมือน “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ”

นั่นมันแค่เชื้อโรคการเมือง

Written By
More from pp
สุดยอดศูนย์การค้าแห่งปี สยามพิวรรธน์คว้า 3 รางวัลใหญ่ จาก Retail Asia Awards 2023 ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการพัฒนาแลนด์มาร์คระดับโลก
กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม ไอซีเอส และ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต...
Read More
0 replies on “โทษจำคุกครึ่งชีวิต-ผักกาดหอม”