ผักกาดหอม
วันนี้มีเฉลย….
ที่สงสัยกันว่า อนาคตใหม่ไล่ ๔ ส.ส.แล้วไงต่อ
ต้องคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ใหม่หรือไม่
อนาคตใหม่ได้ ส.ส.เท่าเดิมหรือลดลง
ตามที่ “อุดม รัฐอมฤต” อดีตโฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ชี้แจงก็ตามนี้
………การเปลี่ยนแปลง ส.ส.ภายในพรรค ที่มาจากการลงมติไล่ให้ออกจากพรรคนั้น เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑ พรรคสามารถมีมติให้ ส.ส.พ้นจากการสังกัดพรรคการเมืองได้
และให้สิทธิ ส.ส.ที่ถูกลงมติให้พ้นพรรคนั้นหาสังกัดใหม่ได้ภายใน ๓๐ วัน
แต่จะไม่มีผลให้พรรคได้การเติมเต็ม ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ
เพราะการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่นั้นจะใช้เฉพาะกรณีเดียวคือ การกระทำที่ทุจริตการเลือกตั้ง ภายใน 1 ปีนับจากวันเลือกตั้งทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๔ กำหนดเท่านั้น……..
ก็….ชัดเจนนะ
เมื่อเป็นฝ่ายไล่ ส.ส.ออกจากพรรค ก็ไม่สามารถอ้างสิทธิ์ให้คำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคใหม่ได้
อนาคตใหม่จะเหลือเก้าอี้ ส.ส. ๗๖ ที่นั่ง
ส่วน ๔ เสียงจากอนาคตใหม่ก็ไปเติมในฝั่งรัฐบาล
จะไปจับจองที่ทางกันแบบไหน ก็รอดู ไม่กี่วันน่าจะจบ
ถ้ารอเกิน ๓๐ วัน พ้น ส.ส. ต้องเลือกตั้งซ่อม
แต่ฝั่งอนาคตใหม่เขาคิดเป็นตุเป็นตะว่า หายไป ๔ กกต.ต้องเติมกลับให้ครบ
๔ คนที่ไล่ออกไปเป็น ส.ส.เขตทั้งหมด
ประชาชนโหวตให้ ๑.๖ แสนคะแนน
คะแนนนี้อนาคตใหม่ยังเคลมว่าเป็นของเขา
รวมอยู่ใน ๖.๒ ล้านเสียง
ฉะนั้นอนาคตใหม่จะได้ ส.ส.พึงมี ๘๑ คน
ตอนนี้เหลือ ๗๖
ฉะนั้น กกต.ก็ต้องเลื่อนปาร์ตี้ลิสต์ให้ครบ ๘๑ คน
ก็ฝันไป ไล่ไปแล้วไปเลยไม่มีกลับ
แต่ยังมีประเด็นที่น่าสะพรึงกลัวกว่าสำหรับการเมืองโดยรวม
พรรคคนรุ่นใหม่เล่นการเมืองแบบตามล้างตามผลาญ ไล่จิก ดูถูกเหยียดหยาม อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
วานนี้ (๑๗ ธันวาคม) พลพรรคส้มหวานออกอาละวาดในโซเชียล อ่านแล้วได้ข้อสรุปนี่คือผลิตผลจาก “ฮ่องเต้ซินโดรม” จริงๆ
มาดูกัน
———-
“อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
……ยังกล้าเรียกตัวเองว่าผู้แทนราษฎรอยู่อีกหรือ
พวกคุณไม่มีสถานะเป็นผู้แทนประชาชนอีกต่อไป
การไปอยู่พรรคอื่นในฐานะ ส.ส.ของคุณมันไม่ชอบธรรมอีกต่อไป เพราะคุณทรยศคนที่เลือกคุณเข้ามา ควรลาออกไปลงเลือกตั้งใหม่เองดีกว่ารอให้พรรคขับออก ให้ประชาชนตัดสินใหม่อีกที
พรรคอนาคตใหม่พยายามสร้างความเชื่อและศรัทธาต่อพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด
การเมืองไทยไม่มีทางก้าวไปไกลหากยังมีคนที่คิดแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวแบบนี้อยู่
ประชาชนขาดศรัทธาต่อการเมืองในระบอบเพราะเจอนักการเมืองกลับกลอกเช่นนี้
อย่างไรก็ตามเมล็ดพันธุ์แห่งประชาธิปไตย หว่านลงตรงไหนก็งอกงาม เมล็ดพันธุ์แห่งเผด็จการหว่านออกไปไม่นานก็ฟ้องตัวเองว่า….
เป็นเพียงวัชพืช
หลังจากนี้อนาคตใหม่จะเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งประชาธิปไตยที่จะเติบโตรวดเร็วเพราะเราถอนวัชพืชที่ทำลายต้นกล้าทิ้งแล้ว ประชาชนจงเติบโตประชาธิปไตยจงงอกงาม……..
———-
“ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์” รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์แฟนเพจเฟซบุ๊กว่า
……..ก่อนอื่นผมต้องขอโทษพี่น้องประชาชนทั้ง ๔ เขตที่เลือกตัวแทนทั้ง ๔ คนนี้เข้ามา เพราะไว้ใจพรรคอนาคตใหม่
วันนี้เบื้องต้นที่ประชุมวิสามัญประจำปีของพรรคอนาคตใหม่ มีมติขับทั้ง ๔ คนออกจากสมาชิกพรรค เพื่อส่งเรื่องต่อไปยังที่ประชุม ส.ส. และกรรมการบริหารพรรคเพื่อพิจารณาต่อไป ผมในฐานะ ส.ส.และสมาชิกพรรค เราจะลงมติเพื่อรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน
วันนี้ถามว่าพรรคเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม่ที่เสียจำนวน ส.ส.ให้ฝั่งรัฐบาล ตอบตรงๆ ว่าเสียเปรียบ แต่พรรคอนาคตใหม่ไม่ต้องการแค่เล่นเกมทางการเมืองเพราะพรรคอนาคตใหม่คือการเดินทาง หากเพื่อนร่วมทางมีเป้าหมายไม่ตรงกัน การแยกทางกันก่อนจะเดินทางต่อเป็นสิ่งที่ควรทำ
อยากจะฝากให้ทั้ง ๔ คนคิด หากประชาชนและพรรคอนาคตใหม่ไม่ให้โอกาสคุณ จะมีโอกาสมากอบโกยกินกล้วยแบบนี้หรือไม่
นี่คงเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่จะได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
พวกคุณน่าจะสร้างความทรงจำที่ดีกว่านี้ให้ตัวเองและครอบครัวได้ภูมิใจมากกว่าการเหยียบย่ำหัวใจประชาชนเช่นนี้
ขอให้พวกคุณโชคดี
ส่วนพวกเราพรรคอนาคตใหม่โชคดีมากที่วันนี้พรรคได้คัดกรองคนที่หักหลังประชาชนออกไป…
———-
ณิชชา บุญลือ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขตบางกะปิ โพสต์ข้อความว่า….
……..พลอยขออนุญาตชี้แจงให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนทราบนะคะว่า พลอย และ คุณศรีนวล บุญลือ (ส.ส.เชียงใหม่ เขต ๘) ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันในฐานะเครือญาติใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ เป็นเพียงความบังเอิญที่นามสกุลเหมือนกันค่ะ โปรดอย่าเข้าใจผิดนะคะ และพลอยขอความเห็นใจอย่าเอาพลอยไปเชื่อมโยงถึงบุคคลดังกล่าวค่ะ
โดยส่วนตัวพลอยได้มีโอกาสพูดคุยทักทาย กับคุณศรีนวล ๑-๒ ครั้ง เมื่อมีโอกาสได้เจอกันที่รัฐสภา
พลอยก็เคารพในฐานะผู้ใหญ่ท่านนึงค่ะ
เคยชื่นชอบในครั้งเลือกตั้งซ่อมที่มีคะแนนมากที่สุดอันดับ ๑ ของประเทศไทย
แต่กับเหตุการณ์ครั้งนี้ พลอยรู้สึกผิดหวังกับพฤติกรรมในเรื่องการโหวตสวนมติพรรคของ ส.ส.ทั้ง ๔ ท่านค่ะ
ถึงอย่างไรก็ตาม จงอย่าลืมจุดเริ่มต้นของวันแรกที่ได้ก้าวเข้ามาในพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขตเหมือนกัน ย่อมเข้าใจคนในพื้นที่ของตัวเองดี ว่าต้องการอะไร
ประชาชนเลือกคุณมาเพราะอะไร
เป้าหมายของการเป็นผู้แทนคืออะไร และเพราะอะไร
ณ วันนั้น คุณถึงเลือกพรรคอนาคตใหม่ และสิ่งสำคัญจงอย่าลืมว่า ถ้าไม่มีคุณธนาธร ถ้าไม่มีพรรคอนาคตใหม่ คุณก็อาจจะไม่ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้แทนของประชาชนได้ค่ะ
———-
และพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคบอกว่า….
………เรื่องนี้เมื่อเทียบกับบรรทัดฐานที่พรรคต้องดำเนินการ ก็ถือว่าคุ้มค่า
เรื่องที่ต้องจับตาคือ พรรคใดที่รับ ส.ส.เหล่านี้ไป ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่าที่ผ่านมามีแต่คนพูดว่า ให้กล้วยรับกล้วย แต่คราวนี้จะได้ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญคือ อุดมการณ์ของพรรค ซึ่งหากเสียงที่มีอยู่ไม่ได้เป็นไปตามอุดมการณ์ของพรรค
เราก็ไม่จำเป็นต้องรักษาเสียงเหล่านั้นไว้………….
———-
เป็นไงครับ ผิดจากนี้ไม่ใช่เรา
คิดไม่เหมือนกันอยู่ร่วมกันไม่ได้
ไอ้พวกวัชพืช
กอบโกยกินกล้วย นี่เป็นครั้งเดียวที่ได้เป็น ส.ส.
ถ้าไม่มี ธนาธร ไม่มีพรรคอนาคตใหม่ ก็ไม่ได้เป็น ส.ส.
ไม่จำเป็นต้องรักษาเสียงเหล่านี้ไว้
การเมืองแบบนี้อันตราย
พรรคการเมืองมีสิทธิ์ขับ ส.ส.ออกจากพรรคก็จริง
แต่อย่าลืมว่า ส.ส.เองก็มีรัฐธรรมนูญคุ้มครองเพื่อให้การใช้สิทธิ์เป็นไปโดยอิสระ
เพื่อประโยชน์ตัวเองแล้ว อนาคตใหม่มองมุมเดียว คือตัวเองต้องได้
เช่นกรณี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลโหวตให้ฝ่ายค้านในญัตติตั้งกรรมาธิการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และศึกษาผลกระทบจาก ม.๔๔ กลับได้รับการย่องจาก อนาคตใหม่ ว่า “ดีงาม” มาแล้ว
ถ้าวัดกันแล้วมันไม่ต่างจากกรณี ๔ ส.ส.
และที่สังคมไทยไม่ควรลืมนั่นคือ….
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจาก ส.ส.อนาคตใหม่กลุ่มนี้บางคนโหวตงดออกเสียง จากการลงมติพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยงานบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์
นั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งความไม่พอใจของชนชั้นสูงในอนาคตใหม่
ทีนี้กลับไปที่ ฮ่องเต้ซินโดรม
“ธนาธร” บอกว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มี ๒ ทางเลือก
คือ แก้แต่โดยดี หรือจะแก้ด้วยเลือด
และ “ธนาธร” กำลังจะนำม็อบลงถนนเดือนหน้า
จะเกิดอะไรขึ้น
ก็ลองดูนะ “ทอน”
เสื้อแดงลงทุนเผาบ้านเผาเมือง แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ยังอยู่ กว่าจะยุบสภาเลือกตั้งใหม่ก็อีก ๑ ปีผ่านไป
มวลมหาประชาชนเรือนล้านลงถนนไล่ “ยิ่งลักษณ์” แต่หนูไม่รู้ไม่ชี้ เกาะเก้าอี้แน่น
ไล่กันข้ามปี สุดท้ายบ้านเมืองไปไม่ได้ เกิดรัฐประหาร
แล้ว “ทอน” จะเอาแบบไหน
นิสัยเด็กฮ่องเต้ซินโดรมคือ อยากได้ไว แต่ความอดทนต่ำ
๔ ส.ส.ถูกขับยังมีที่ไปให้เลือกเยอะแยะ
แต่หาก “ทอน” พลาด เพราะใช้เลือดเล่นการเมือง
ก็ดูแกนนำม็อบรุ่นพี่เป็นตัวอย่าง
ที่ไปของหลายคนคือคุก.