ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
ลาออกเถอะครับ ท่านนายกรัฐมนตรี
เปล่านะ..ผมไม่ได้พูด แต่เป็นข้อความของคุณภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านฯที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมถ้อยคำต่อมา..
“การยื้อยุดไปเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนหมดศรัทธา ผู้นำที่เข้าใจสถานการณ์และปรับตัวได้เร็ว ยังจะพอมีที่ยืนในประวัติศาสตร์แห่งอนาคตนะครับ”
นี่ไง..ย้อนกลับไปห้วงเวลาหนึ่ง ประโยค “ลาออกเถอะครับ ท่านนายกรัฐมนตรี” ก็เคยมีคนพูด และเสียงก็ดูจะดังกังวานไปทั่วทั้งประเทศเอาเสียด้วย
และคุณภูมิธรรมคนนี้แหละที่นั่งเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในฝั่งของคนเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ทำไมไม่ได้กระซิบข้างหู “นางสาว” ผู้นั้นล่ะว่า..
“ลาออกเถอะครับ ท่านนายกรัฐมนตรี”!
เพราะถ้าบอกเหมือนที่คิดได้ในตอนนี้ แล้วนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เชื่อ ไม่ดื้อ-ไม่ยื้อยุดไปเรื่อยๆ เหตุการณ์ “22 พฤษภา 2557” ก็จะไม่เกิด และ(อดีต)นายกรัฐมนตรีของคุณภูมิธรรมก็จะไม่ต้อง..
กลายเป็น “สัมภเวสี” เร่ร่อน ทรัพย์สมบัติถูกยึด ถูกขายทอดตลาด จนร้องโอดครวญอยู่ในเวลานี้หรอก ?
ก็..แปลกนะ ตอนอยู่ในอำนาจ นักการเมืองส่วนใหญ่จะ “สมองฝ่อ” ความคิด-ความอ่านไม่ค่อยปราดเปรื่อง เฉลียวฉลาด
แต่พอเป็น “ฝ่ายค้าน” ล่ะก็ รอบรู้ไปเสียทั้งจักรวาล พร้อมกับต่อมสามัญสำนึก ต่อมคุณธรรม ก็ดันทำงานขึ้นมาให้น่าอัศจรรย์ใจ!!
อย่างเรื่อง “ม็อบ” หรือการต่อสู้บนถนนที่สังคมกำลังวิตกกังวลอยู่ในขณะนี้ สมัยอยู่ซีกรัฐบาล นักการเมืองจะมีความคิด-มุมมอง..
“ไม่ควรมีม็อบบนถนน ควรใช้สภาแก้ไขปัญหาจะดีกว่า”! แต่พอเป็นฝ่ายค้าน (คนเดียวกัน) กลับเห็น-มองไปอีกด้าน..
“ถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และเป็นความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย” ไปโน่น!
สรุป..คือนักการเมืองไม่มีจุดยืน หรือ “มาตรฐาน” ให้เป็นที่น่าเชื่อถือ-เลื่อมใสต่อกัน และเมื่อไม่ความเชื่อถือ-ศรัทธาต่อกันเสียแล้ว..
ไม่ว่าใครจะพูด จะแสดงความคิดอ่านที่ดีแค่ไหน ก็เห็นจะไม่มีใครเชื่อใครฟัง!
ฉะนั้น..การลงสู้บนถนนของธนาธร-อนาคตใหม่ จะถูกต้อง-ไม่ถูกต้อง ควร-ไม่ควร พูด-วิจารณ์ไปก็หนวกหู-รำคาญ..
เมื่อเชื่อทุกอย่างบนโลกนี้ไม่มีคำว่า “บังเอิญ” ก็คอยดูที่นายปิยบุตรพูด.. “นี่เป็นหนังม้วนเก่า แต่จุดจบไม่เหมือนเดิม” นั้น..
จุดจบ ถูก “กำหนด” ไว้แบบไหน?