เบาหวานไม่เบาใจ ตอบปัญหาความเข้าใจผิด ๆ เรื่องเบาหวานที่ทุกคนควรรู้

อีกหนึ่งภัยเงียบที่ทำร้ายสุขภาพและสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตของผู้คนคือโรคเบาหวาน ปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคเบาหวานและไม่ได้รับข้อมูลความรู้ รวมถึงการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง หากปล่อยไว้ อาจมีความเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา อาทิ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ ไตวาย โรคเกี่ยวกับดวงตา และอาจอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่รู้ตัวและปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเสียแต่เนิ่น ๆ 

เนื่องในโอกาสวันเบาหวานโลก (14 พฤศจิกายน ของทุกปี) เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับบริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด และเฟซบุ๊กเพจ ร้อยเรื่องโรคเบาหวาน จัดกิจกรรมพูดคุยออนไลน์ในหัวข้อ “วันดีดีเกี่ยวกับเรื่องเบาหวาน” ขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงภัยของโรคเบาหวานและลดจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานให้น้อยลง โดยได้รับเกียรติจาก รศ.นพ.เพชร รอดอารีย์ เลขาธิการ สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ มาร่วมไขข้อสงสัยและตอบคำถามต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคเบาหวานให้เราได้ทราบ

รศ.นพ.เพชร รอดอารีย์ กล่าวว่า “เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา มีคนไทยป่วยเป็นโรคเบาหวานสูงถึงกว่า 5 ล้านคน ควบคู่มากับภาวะอ้วน ซึ่งก่อให้เกิดโรคร้ายแรงตามมาอีกมากมาย การจัดกิจกรรมครั้งนี้จึงสอดคล้องกับธีมรณรงค์ประจำปีนี้ของสมาพันธ์เบาหวานโลก นั่นคือ ความสำคัญของการเข้าถึงข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องในการป้องกันและรักษาดูแลโรคเบาหวานที่ต้องทำเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ (access to diabetes care – If not now, when?) เพราะหากไม่ทำทันที อาจส่งผลกระทบที่ไม่ใช่แค่คนคนเดียว แต่จะกระทบถึงลูกหลานและสังคมของเราโดยรวมได้มากกว่าที่เราคิด”

รู้รอบเรื่องเบาหวาน กับคำถามและความเข้าใจผิด ๆ ที่ (เคย) คิดว่าใช่

คำถาม/ความเชื่อจริงหรือไม่ที่โรคเบาหวานมักมาคู่กับความอ้วน

คุณหมอตอบเป็นความจริงเพียงส่วนหนึ่ง คนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานจะแบ่งเป็น 2 ประเภท ประเภทแรก คือคนที่เป็นเบาหวานโดยไม่รู้ตัว เริ่มจากน้ำหนักตัวที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 126 เท่ากับเป็นเบาหวานแล้ว (เทียบกับระดับน้ำตาลในเลือดปกติควรอยู่ที่ 100) เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาก ๆ และมีภาวะอ้วน ร่างกายจะดื้อต่อการใช้อินซูลินและทำให้มีปริมาณน้ำตาลในร่างกายเกินความจำเป็น แม้น้ำหนักจะลดลงภายหลังก็ไม่ควรย่ามใจ เพราะแท้จริงอาจเป็นเบาหวานแล้ว ต้องเฝ้าระวังและหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะคนที่คนในครอบครัวมีประวัติเป็นเบาหวานอยู่แล้ว รวมถึงคนที่มีภาวะอ้วนลงพุงก็เสี่ยงเช่นกัน โดยวัดจากขนาดรอบเอวที่เหมาะสมด้วยการนำส่วนสูงมาหารสอง ขนาดรอบเอวที่ดีไม่ควรเกินเลขส่วนสูงหารสอง หากมากกว่านั้นก็เสี่ยงเป็นเบาหวานได้

ส่วนผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่สองคือ เป็นเบาหวานที่พบตั้งแต่เด็ก ไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับภาวะอ้วน ร่างกายของผู้ป่วยกลุ่มนี้จะขาดอินซูลิน ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ ร่างกายจะผอมมาก ถือเป็นเบาหวานขั้นรุนแรง และมีความจำเป็นที่ต้องใช้อินซูลินในการรักษา

คำถาม/ความเชื่อโรคเบาหวานสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่นได้จริงไหม และคนที่เป็นลูกของผู้ป่วยเบาหวานจะต้องเป็นเบาหวานแน่นอนหรือเปล่า

คุณหมอตอบโรคเบาหวานสามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกหลานได้ แต่ไม่ใช่ว่าต้องเป็นทุกคน มีงานศึกษาวิจัยที่ศึกษาครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่เป็นเบาหวาน พบว่าร้อยละ 60 ของบุตรหลานผู้ป่วยเหล่านั้นไม่เป็นเบาหวานหากมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง ในทางกลับกัน สำหรับคนที่มีพฤติกรรมชอบรับประทานหวานมาก ๆ แม้ไม่มีพ่อแม่เป็นผู้ป่วยเบาหวาน ก็สามารถสร้างยีนส์โรคเบาหวานขึ้นมาและส่งต่อให้ลูกหลานได้เช่นกัน โดยเฉพาะคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หากพบว่าเป็นเบาหวาน ปริมาณน้ำตาลที่มากเกินพอดีจะถูกส่งไปที่ลูกในครรภ์ ทำให้ลูกมีขนาดตัวใหญ่ผิดปกติและส่งผลเสียต่อสุขภาพของลูกได้

สิ่งที่ต้องพึงระวังมากกว่าคือ การได้รับอิทธิพลพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้องในหมู่คนใกล้ชิดโดยไม่รู้ตัว ที่ไม่ใช่แค่กับคนในครอบครัว แต่รวมถึงเพื่อน และเพื่อนร่วมงาน ที่พากันรับประทานหวานกันเป็นกลุ่ม เช่น ชวนกันกินของหวานหรือดื่มชาไข่มุกหลังมื้อเที่ยงเป็นประจำ จำเป็นต้องรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

คำถาม/ความเชื่อสัญญาณเตือนโรคเบาหวานมีอะไรบ้าง และหากป่วยเป็นเบาหวานแล้ว ควรดูแลตัวเองอย่างไรไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา

คุณหมอตอบสัญญาณเตือนแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มเสี่ยงแต่ไม่มีอาการ ได้แก่ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นผิดปกติ ระดับน้ำตาลในเลือดสูงแต่ไม่มีอาการ หรือกลุ่มคนที่มีประวัติพ่อแม่ป่วยเป็นเบาหวาน กลุ่มที่สองคือกลุ่มที่มีอาการมา ๆ หาย ๆ ได้แก่ อ้วนแล้วผอมลง อ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำมาก รับประทานอาหารเก่งแต่ไม่อ้วนขึ้น ตาพร่ามัวชั่วคราว สายตาเปลี่ยนเร็ว มือเท้าชา กลุ่มคนเหล่านี้ควรไปตรวจสุขภาพ

สาเหตุส่วนใหญ่ของเบาหวานคือ รับประทานหวานมากเกินความจำเป็นและไม่มีการออกกำลังกายและ/หรือเคลื่อนไหวร่างกายเพียงพอ น้ำตาลจึงเข้าไปสะสมและก่อโรคที่ไม่ใช่แค่เบาหวาน แต่รวมถึงโรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ไขมันพอกตับ และโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า วิธีดูแลตัวเอง คือ ควบคุมอาหารให้เหมาะสมและออกกำลังกาย หากรับประทานหวานแล้ว ควรออกเดินและ/หรือออกกำลังกายภายในวันเดียวกัน สิ่งสำคัญคือการได้รับข้อมูลความรู้ในการดูแลป้องกันตัวเองที่ดีและถูกต้อง และปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด

คำถาม/ความเชื่อผู้ป่วยเบาหวาน ถ้าใช้อินซูลินแล้ว แปลว่าเป็นเบาหวานระยะสุดท้าย จริงหรือไม่

คุณหมอตอบไม่จริง ความจริงแล้วอินซูลินมีบทบาทสำคัญต่อการรักษาผู้ป่วยเบาหวานเกือบทุกระยะ เนื่องจากอาการเบาหวานของผู้ป่วยแต่ละคนแตกต่างกัน บางรายเป็นเบาหวานระยะเริ่มต้นแต่จำเป็นต้องได้รับอินซูลินสม่ำเสมอเพราะร่างกายไม่สามารถดึงเอาน้ำตาลมาใช้ได้ปกติ และในอนาคต อินซูลินอาจพัฒนาไปมากขึ้นจนสามารถฉีดได้สัปดาห์ละครั้ง เทียบกับปัจจุบันที่ต้องฉีดวันละหลายครั้ง และมีขนาดพกพาเท่าปากกา รวมถึงการสร้างตับอ่อนเทียมเพื่อช่วยสร้างอินซูลิน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้กับผู้ป่วยเบาหวานได้ดียิ่งขึ้น 

การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคเบาหวานถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้เราสามารถดูแลตัวเองและคนที่เรารักได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้เอาชนะโรคเบาหวานไม่ใช่เรื่องใครคนใดคนหนึ่ง เราทุกคนล้วนมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างจริงจังในระยะยาว ทั้งกับครอบครัว เพื่อน และที่ทำงาน เพื่อป้องกันโรคร้ายนี้ให้ลดน้อยลงไปและช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นไปด้วยกัน



Written By
More from pp
กลุ่ม ปตท. ถวายเงิน 2 ล้านบาท สนับสนุนการฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจาก COVID-19
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช รับมอบเงินสนับสนุนจำนวน 2,000,000 บาท จาก นายเทอดเกียรติ  พร้อมมูล  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เพื่อนำไปใช้สนับสนุนการฌาปนกิจศพแก่ผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในโครงการประทานพระอนุเคราะห์จากเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม...
Read More
0 replies on “  เบาหวานไม่เบาใจ ตอบปัญหาความเข้าใจผิด ๆ เรื่องเบาหวานที่ทุกคนควรรู้”

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
'); }); var ratingTotalIndicator = function() { var indicator = document.querySelectorAll('.rating-total-indicator'); if (typeof indicator === 'undefined' || indicator === null) { return; } for ( var i = 0, len = indicator.length; i < len; i++ ) { var circle = indicator[i].querySelector('.progress-ring__circle'); var radius = circle.r.baseVal.value; var circumference = radius * 2 * Math.PI; circle.style.strokeDasharray = `${circumference} ${circumference}`; circle.style.strokeDashoffset = `${circumference}`; function setProgress(percent) { const offset = circumference - percent / 100 * circumference; circle.style.strokeDashoffset = offset; } var dataCircle = indicator[i].getAttribute('data-circle'); setProgress(dataCircle); } }; ratingTotalIndicator(); var slideDock = function() { var slide_dock = document.querySelector('.slide-dock'); if (typeof slide_dock === 'undefined' || slide_dock === null) { return; } function isVisible (elem) { var { top, bottom } = elem.getBoundingClientRect(); var vHeight = (window.innerHeight || document.documentElement.clientHeight); return ( (top > 0 || bottom > 0) && top < vHeight ); } viewport = document.querySelector('#footer'); window.addEventListener('scroll', function() { if ( isVisible(viewport) ) { slide_dock.classList.add('slide-dock-on'); } else { slide_dock.classList.remove('slide-dock-on'); } }, false); var close = document.querySelector('.close-dock'); close.addEventListener('click', function(e) { e.preventDefault(); slide_dock.classList.add('slide-dock-off'); }); }; slideDock();