“ลิ้น” เป็นอวัยวะสำคัญในการรับรสชาติ การรับประทานอาหารและการพูด และเป็นอวัยวะที่สามารถเกิดมะเร็งได้เหมือนกับอวัยวะอื่น ๆ หรือที่เรียกว่า “มะเร็งลิ้น” โดยโรคมะเร็งลิ้น จัดเป็นโรคมะเร็งในช่องปากที่พบบ่อยที่สุด หากไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรง
นายแพทย์ดนุภัทร รัตนวราห แพทย์เฉพาะทางด้านโสต ศอ นาสิกวิทยา อนุสาขาด้านศัลยกรรมโรคมะเร็งศีรษะและลำคอ โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า โรคมะเร็งลิ้น เป็นหนึ่งในโรคมะเร็งช่องปากที่มีความรุนแรง และมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยค่อนข้างมาก โดยสาเหตุหลักของการเกิดโรคมาจากพฤติกรรมสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาถึงพฤติกรรมการเคี้ยวหมาก และการมีแผลบริเวณลิ้นเรื้อรัง ซึ่งอาจจะมีส่วนทำให้เกิดโรคมะเร็งลิ้นได้
อาการแสดงที่ควรสงสัยว่าอาจเป็นโรคมะเร็งลิ้น ได้แก่ มีก้อน เจ็บ หรือมีแผลที่ลิ้นเรื้อรังนานประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ขึ้นไป หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที เนื่องจากหากพบว่าเป็นโรคมะเร็งลิ้นตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โอกาสในการรักษาหายมีมากกว่า
หลักการวินิจฉัยของโรคมะเร็งลิ้น เบื้องต้นแพทย์จะตรวจดูลักษณะและขนาดของก้อนหรือแผล และตัดตัวอย่างชิ้นเนื้อตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อให้ได้ผลตรวจยืนยันอย่างทางการ รวมถึงอาจมีการทำ CT Scan หรือ MRI ร่วมด้วย เพื่อดูขนาดของก้อนเพิ่มเติม
การรักษาโรคมะเร็งลิ้น จะขึ้นกับระยะของตัวโรคและสุขภาพของผู้ป่วย โดยส่วนใหญ่จะเริ่มด้วยการผ่าตัดเป็นหลัก จากนั้นจะดูความรุนแรงของโรคจากผลชิ้นเนื้อหลังการผ่าตัดประกอบว่าผู้ป่วยควรได้รับรังสีรักษา และหรือให้ยาเคมีบำบัดต่อไปหรือไม่
ซึ่งหลักการของการผ่าตัดลิ้น ที่สำคัญคือเอาส่วนที่เป็นมะเร็งออกให้หมด และจะพิจารณาต่อไปว่าสูญเสียเนื้อลิ้นไปเพียงใด และสามารถซ่อมแซมอย่างไรได้บ้าง หากสูญเสียไม่มาก อาจซ่อมแซมโดยการเย็บปิดแผลได้เลย แต่หากสูญเสียเนื้อลิ้นมาก อาจจำเป็นต้องนำเนื้อเยื่อบริเวณอื่นมาซ่อมแซม เพื่อให้ลิ้นมีรูปร่างและการทำงานใกล้เคียงภาวะปกติ เช่น
ผิวหนังบางๆบริเวณต้นขา ผิวหนังและหรือร่วมกับกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก ผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังแบบหนาบริเวณแขนหรือต้นขายกลอยมาซ่อมแซมซึ่งกรณีนี้ต้องมีการเย็บต่อเส้นเลือด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสุขภาพผู้ป่วยและดุลยพินิจของแพทย์
บางกรณีอาจต้องมีการผ่าตัดเลาะต่อมน้ำเหลืองที่คอร่วมด้วยเนื่องจากมะเร็งลิ้นมักจะมีการแพร่กระจายไปตามต่อมน้ำเหลืองที่คอ ส่วนในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ แพทย์อาจพิจารณาให้รังสีรักษา และหรือให้ยาเคมีบำบัดต่อไป
อย่างไรก็ตาม การสูญเสียเนื้อลิ้น อาจมีผลต่อการพูด และการรับประทานอาหารไปบ้าง แต่เนื้อลิ้นส่วนที่ยังอยู่ จะสามารถรับรสชาติได้เท่าหรือใกล้เคียงของเดิม
“ “เวลา” เป็นสิ่งสำคัญในชีวิต ในเรื่องของมะเร็งลิ้นก็เช่นกัน หากปล่อยทิ้งไว้นาน แล้วไม่ได้รับการรักษาจนกระทั่งผ่าตัดไม่ได้ หรือมีการลุกลามหรือแพร่กระจายของมะเร็ง การรักษาจะยากลำบากมากกว่า ทำให้เสียโอกาสที่จะรักษาหายไป แต่หากตรวจพบเร็ว อาจจะผ่าตัดได้ในระยะเริ่มต้น การพยากรณ์โรคก็จะดีกว่า โอกาสหายก็จะมากกว่า ” นายแพทย์ดนุภัทรกล่าว
จะเห็นได้ว่าการเป็นมะเร็งลิ้นนั้นส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นเหนือสิ่งอื่นใด การป้องกันการเกิดโรคจึงมีความสำคัญที่สุด โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรคเช่น การสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลิ้นแล้ว ยังลดความเสี่ยงการเกิดโรคอื่นๆ และทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงอีกด้วย
นายแพทย์ดนุภัทร รัตนวราห
แพทย์เฉพาะทางด้านโสต ศอ นาสิกวิทยา
อนุสาขาด้านศัลยกรรมโรคมะเร็งศีรษะและลำคอ
โรงพยาบาลเวชธานี