ข้อสอบรั่วพ่อยันลูก-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ก็เป็นธรรมชาติการเมือง

ก้าวขาลงเมื่อไหร่ กระบวนการตรวจสอบทำงานทันที

เรื่องเก่าเก็บ เรื่องใหม่

เรื่องข้อสอบเอนทรานซ์รั่ว ดูเหมือนจะมีการเตรียมรับมือสำหรับการเปิดตัว “แพทองธาร ชินวัตร” เอาไว้บ้างพอสมควร

และเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องเปิดตัวในตำแหน่ง “ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม”

ตอนนี้ก็เหมือนซ้อมงานการเมือง และ “อุ๊งอิ๊ง” ไม่เบาทีเดียว       

พร้อมปะทะ!

เรื่องข้อสอบเอนทรานซ์ปี ๒๕๔๗ รั่วจริงหรือไม่ ต้องเอาผลสอบฉบับเต็มของคณะกรรมการตรวจสอบ ชุดที่มี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นประธาน สรุปพฤติกรรมของ ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เลขาธิการการอุดมศึกษา ขณะนั้นมากางแล้วจะพบความจริง

หากเอาเฉพาะสิ่งที่ “อดิศัย โพธารามิก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้นแถลง และบอกว่าเป็นผลสอบ ของกรรมการสอบชุด ดร.สุเมธ ก็จะได้ใจความสำคัญอยู่ ๒ ประการ

๑.คณะกรรมการฯ ได้ศึกษาความเป็นไปได้ที่ข้อสอบจะรั่วไหลในการสอบวัดความรู้ในเดือนมีนาคม ๒๕๔๗ แล้ว เห็นว่ายังไม่ปรากฏหลักฐานสำคัญใดว่าจะมีการรั่วไหลของข้อสอบได้ จากการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลการสอบวัดความรู้ฯ ในบางวิชา เช่น วิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา ด้วยวิธีวิทยาทางสถิติที่ถูกต้องแล้วปรากฏว่า การเปลี่ยนแปลงในผลการสอบวัดความรู้ทั้งสองครั้งในปีการศึกษา ๒๕๔๗  ไม่มีความแตกต่างเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ และเป็นไปในทำนองเดียวกับในปีการศึกษาที่ผ่านมา จึงไม่มีข้อสงสัยว่าได้มีการรั่วไหลของข้อสอบ

๒.คณะกรรมการฯ เห็นว่าการที่ศาสตราจารย์ ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ได้นำเอาซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษามาดู โดยไม่เรียกประชุมคณะกรรมการอำนวยการส่งข้อสอบ และไม่เชิญอาจารย์ทั้งสองมาร่วมรู้เห็นนั้น เป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลอันสมควร และไม่พึงกระทำ ไม่ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ ได้ก่อให้เกิดความไม่วางใจในกระบวนการสอบวัดความรู้ นอกจากนี้ นางศศิธร อหิงสโก ผอ.สำนักทดสอบกลาง  สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งมีส่วนรับผิดชอบ มิได้ท้วงติงการกระทำดังกล่าว จึงเข้าข่ายมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สมควรถูกดำเนินการทางวินัย

ทั้ง ๒ ข้อนี้ไม่ได้ทำให้ “อุ๊งอิ๊ง” รอดจากข้อครหานะครับ

ข้อแรกเป็นการตรวจสอบในภาพรวมทั้งประเทศและสรุปออกมา  ไม่ได้เจาะจงไปที่ “อุ๊งอิ๊ง”

ส่วนข้อ ๒ เป็นพฤติกรรม ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ที่ฉ้อฉล น่าสงสัย

และสุดท้าย “ทักษิณ ชินวัตร” ปูนบำเหน็จให้ ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ด้วยตำแหน่ง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี

นั่นคือข้อเท็จจริง

แต่วันนี้คนในพรรคเพื่อไทยบอกว่า เป็นการใส่ร้าย กล่าวหากันเฉยๆ

เอาเรื่องเก่าเกือบ ๒๐ ปีมาโจมตี

ที่จริงพรรคเพื่อไทยเอาเรื่องของใครต่อใครหลายคนในอดีตมาโจมตีเหมือนกัน ก็น่าจะรู้ว่า การเป็นบุคคลสาธารณะ ไม่ว่าเรื่องเก่าใหม่ หากสุ่มเสี่ยงมีอิทธิพลต่อการทำงานทางการเมืองในอนาคต ก็ต้องถูกตรวจสอบ

ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่สบายใจ คิดว่าศัตรูทางการเมืองจ้องแต่ถล่ม  งั้นลองดูคนคุ้นเคยกับพรรคเพื่อไทย พูดถึง “ทักษิณ” ดูบ้างว่า เรื่องข้อสอบรั่วไม่ใช่เรื่องใหม่

ปี ๒๕๔๘ “เสนาะ เทียนทอง” ถ่ายทอดความรู้สึกของตนเองที่มีต่อ ทักษิณ ผ่านงานเขียนชื่อ “จะเอาทักษิณ หรือประเทศไทย” ตีพิมพ์ในหนังสือ “รู้ทันทักษิณ ๔ ฅนวงใน The Insiders” ของสำนักพิมพ์ “ขอคิดด้วยฅน”

————-

….รู้จัก ทักษิณ ตั้งแต่ปี ๒๕๒๙ แบบผิวเผิน ตั้งแต่เป็นนายตำรวจติดตามรัฐมนตรี

ทักษิณพยายามสร้างความสัมพันธ์กับหัวหน้าพรรคคือทำธุรกิจกับการเมือง วิ่งเต้นเข้าทางผู้ใหญ่สูงสุดของพรรค

ต่อมาผมย้ายไปเป็นเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ ทักษิณ ได้สนับสนุนปัจจัยการเมืองผ่านไปทาง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ในขณะนั้น ทักษิณ จึงได้เข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรี

เมื่อก่อนเกิดวิกฤตค่าเงินบาท นายอำนวย วีรวรรณ รมว.คลังในขณะนั้นลาออก มีการคิดกันว่าจะให้ตำแหน่งนี้กับ ทักษิณ ด้วยซ้ำ

ผมได้ไปทาบทามคนที่น่าเชื่อถือในสังคม โดย นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รับปากว่าจะเข้ามาช่วยเป็น รมว.คลัง

ปรากฏว่าทักษิณ ไปนำนายทนง พิทยะ ผู้บริหารธนาคารทหารไทยมารับตำแหน่งนี้แทน โดยที่ผมไม่รู้เรื่อง ทักษิณ ไปซุบซิบกับ พล.อ.ชวลิต และนายโภคิน พลกุล อดีต รมต.สำนักนายกฯ แล้วจึงมีคำสั่งแต่งตั้งนายทนง

ก่อนเงินบาทลอยตัว ผมไม่รู้เรื่องด้วย เพราะอยู่นอกวงของพวกเขา  คนที่เกี่ยวข้องกับการลดค่าเงินบาทในขณะนั้นมี ๔ คน คือ พล.อ.ชวลิต  พ.ต.ท.ทักษิณ นายทนง และนายโภคิน

ส่วนจะรู้เห็นกันขนาดไหนผมไม่รู้ เขาบอกว่าเขาไม่รู้อันนี้ไม่มีใบเสร็จ

แต่ถ้าถามผมว่าผลที่เกิดหลังค่าเงินบาทลอยตัวออกมาอย่างไร มันส่อชัดว่าทักษิณและบริษัทรอดวิกฤตคนเดียว คือผลลัพธ์มันสะท้อนชัดอยู่แล้ว

การที่มีคนไปซื้อประกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงินบาทเอาไว้มากๆ หรือไปซื้อดอลลาร์เอาไว้มากๆ ก่อนประกาศลอยค่าเงินบาท ก็เหมือนจุดไฟเผาบ้านตัวเองเพื่อเอาเงินประกัน

เศรษฐกิจของชาติพังเสียหาย แต่ตัวเองรอดพ้นวิกฤตเพราะได้ประกัน…

…ก่อนที่จะเกิดปัญหาทั้งหมดผมก็พยายามไปเตือน แต่เรื่องที่เตือนก็เป็นการขัดผลประโยชน์เขาทุกเรื่อง เช่นคิดว่ารัฐมนตรีคอร์รัปชัน

ผมก็ไปเตือนเพราะคิดว่าไม่รู้ ที่ไหนได้มันสั่งเอง ขนาดกลายเป็นว่ารัฐมนตรีคนไหนไม่ทำตามสั่ง ภายหลังก็อยู่ไม่ได้ ความขัดแย้งในปัจจุบันมีสาเหตุมาจากตัวปัญหาคนเดียวคือ ทักษิณ

คนคนนี้โกงเพื่อเข้ามาสู่อำนาจ เมื่อมีอำนาจก็โกงอีก อันตรายต่อบ้านเมืองสุดๆ ทักษิณ น่ากลัวเพราะเป็นคนมีวุฒิการศึกษา จ้องวางแผนเอาเปรียบคนอื่น ถือว่าต่ำต้อยเหลือเกินในการเป็นผู้นำประเทศ…

…ผมเคยหลงคิดว่าคนคนหนึ่ง รวยแล้วกลับใจ คิดใช้หนี้แผ่นดิน  ตอนนี้ผมรู้ความจริงแล้วว่า รวยจากโกงชาติ กล้าทำแม้เผาบ้านเมืองเพื่อเอาประกัน

คนรวยคนนี้รวยแล้วไม่รู้จักพอ ไม่ใช้หนี้แผ่นดินยังไม่พอ มันยังโกงกิน ทรยศต่อแผ่นดิน…

—————

วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๔๐ เวลา ๐๘.๓๐ น. ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาท

เปลี่ยนจากการผูกค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐในระบบ Pegged  Exchange Rate มาเป็นระบบลอยตัวแบบมีการจัดการ

ทำให้เงินสำรองระหว่างประเทศลดลงจาก ๔ หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น ๒.๘๕ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

วันนั้นประเทศแทบล่มสลาย ต้องปิด ๕๘ ไฟแนนซ์และธนาคารอีก ๖ แห่ง

บริษัทเอกชนหลายรายต้องล้มละลายเนื่องจากปัญหาหนี้สิน กลายเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้รัฐบาลไทยต้องขอรับความช่วยเหลือจาก IMF

แต่วันนั้นเศรษฐีนักการเมืองไทยรายหนึ่งรวยขึ้นทันตา เพราะข้อสอบรั่ว มีคนอินไซด์ข้อมูล ขายบาทซื้อดอลลาร์ ก่อนเช้าวันที่ ๒  กรกฎาคม

“โภคิน พลกุล” น่าจะรู้ดี

ก็มาดูประเด็นต่อเนื่องของ “โภคิน พลกุล”

วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ ประชาชาติธุรกิจ สัมภาษณ์พิเศษ  “โภคิน พลกุล” เป็น ๑ ใน ๓ แกนนำคนสำคัญ ที่ลาออกจากพรรคเพื่อไทย ตาม “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ไป สร้างไทย

 “คือการที่เอาคุณหญิงสุดารัตน์ออก แล้วอธิบายว่า อันนี้เป็นอันที่เขาลงทุนไว้แล้วเขาต้องบริหาร ผมยอมรับไม่ได้

ผมถามว่าแล้วต้นทุนที่คนอื่นจ่ายด้วยการติดคุก เช่น คนเสื้อแดง ที่ยากลำบาก คนเหล่านี้ไม่ได้ลงทุนหรือ เขาไม่ตอบ ผมก็จบ แค่นี้ ผมออกตามคุณหญิง ทั้งที่ผมไม่เคยทำงานกับคุณหญิงมาก่อนในชีวิต มาทำครั้งนี้”

 “จากนี้ไปในพรรคเพื่อไทยเขาจะบริหารพรรคแบบ family ก็เรื่องของเขา แต่จุดยืนประชาธิปไตยเขาตรงกับเราก็ทำงานกันได้  นโยบายตรงกัน คนได้ประโยชน์เหมือนกัน ไม่ว่ากัน”

 “ผมอยู่ในองค์กรแบบนั้น ผมก็เหนื่อย

เช่นพอตกลงแบบนี้เสร็จ…เดี๋ยวเอาใหม่ พอใครไปวิ่งไปหาก็เปลี่ยน อย่างนี้ไม่ได้ เข้าใจว่ามันต้องมีอะไรระดับหนึ่ง แต่เมื่อตกผลึกก็เดินไป ถ้าผิดพลาดก็แก้ไขซึ่งกันและกัน”

ครับ…สำหรับ “ทักษิณ” การเมืองเป็นการลงทุน

ฉะนั้นก็อย่าแปลกใจในวิธีการ


Written By
More from pp
กระโดดดึ๋ง…ถึง ‘ฮ่องกง’: แชร์ลิสต์ 5 สถานที่ “เที่ยวได้-เฮงด้วย” รับปีกระต่าย
ในโอกาสเทศกาลตรุษจีน ที่เมืองระดับโลกอย่างฮ่องกงพร้อมกลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งแล้ว จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะ ร่วมฉลองปีใหม่จีนในสไตล์ฮ่องกงอย่างแท้จริง
Read More
0 replies on “ข้อสอบรั่วพ่อยันลูก-ผักกาดหอม”