จะชังชาติไปถึงไหน – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

มีจริงนะ…ไม่ใช่เรื่องเล่น
“ขบวนการชังชาติ”
เกลียดรัฐบาลพอฟังได้ เพราะคนเกลียดรัฐบาลมี ทุกยุค ทุกสมัย ทุกรัฐบาล
แต่คนเกลียดรัฐบาลยุคนี้เลยเถิดถึงขั้นชังชาติตัวเอง
มองทุกเรื่องในชาติขวางหูขวางตาไปหมด
พอถูกเรียกว่า “พวกชังชาติ” ก็พากันปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ใช่ ยืนกรานตัวเองเป็นแค่พวกชัง “รัฐบาลลุง” เท่านั้น
ลืมไปว่าพฤติกรรมที่แสดงออก ด้อยค่าประเทศตัวเองทุกเรื่อง แม้เรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

    หลายคนมีความรู้ แต่หลับหูหลับตาชังชาติ ไม่สนใจถูกผิด

    ยกตัวอย่าง “ชาญวิทย์ เกษตรศิริ” แชร์โพสต์ของใครก็ไม่รู้ ไม่ตรวจสอบที่มา ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ ไม่มีการพิจารณาในข้อเท็จจริงเลย

    “…ด่วน! ข่าวที่คนไทยต้องตะลึง ประเทศไทยครองอันดับ ๑ ประเทศที่มีราคาน้ำมันแพงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับค่าแรงและรายได้ของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ…”

    น่าแปลกใจครับ…นักประวัติศาสตร์ระดับชั้นเอกที่หนึ่งของประเทศไทย หลวมตัวไปแชร์โพสต์ลักษณะนี้โดยไม่ใช้สมองได้อย่างไรกัน
ช่างน่าตกตะลึง!

    ข้อความแบบนี้ในแง่ข้อเท็จจริง มันเป็นไปไม่ได้เลย
คนแชร์ต้องตะขิดตะขวงใจบ้างว่า น่าจะเป็นเรื่องเท็จ

    แต่…ระดับผู้นำทางความคิด ผู้นำจิตวิญญาณชาวสามนิ้วเป็นแบบนี้
แล้วเด็กๆ มวลชนสามนิ้วจะเป็นแบบไหน
น่าเป็นห่วงอนาคตของชาติจริงๆ

    เรื่องน้ำมันราคาแพง เชิญด่าครับ แต่ต้องด่าให้ถูกเรื่องและถูกคน
เปรียบเทียบราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลระหว่างไทยกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน วันที่ ๑๘ ตุลาคม ดูครับ

    ของไทยลิตรละ ๒๘ บาทปลายๆ
สิงคโปร์ ลิตรละ ๕๓ บาท
สปป.ลาว ลิตรละ ๓๑.๕๐ บาท

    กัมพูชา ลิตรละ ๓๐.๒๔ บาท
ฟิลิปปินส์ ลิตรละ ๒๘.๖๙ บาท
เมียนมา ลิตรละ ๒๖.๙๕ บาท

    และมาเลเซีย ในฐานะผู้ส่งออกน้ำมัน ลิตรละ ๑๗.๔๒  บาท

    ทีนี้ไปดูค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละประเทศว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง เพราะโพสต์ข้างบนบอกว่า ประเทศไทยครองอันดับ  ๑ ประเทศที่มีราคาน้ำมันแพงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับค่าแรง และรายได้ของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ
ก็ตามนี้ครับ…

    สิงคโปร์ ๒,๐๐๐ บาท
ไทย ๓๐๐ บาท
ฟิลิปปินส์ ๓๐๐ บาท

    มาเลเซีย ๒๗๐ บาท
เมียนมา ๑๑๐ บาท

    ลาว ๘๐ บาท
กัมพูชา ๗๕ บาท

    เมียนมา ลาว กัมพูชา ค่าแรงขั้นต่ำน้อยกว่าไทย แต่ราคาน้ำมันแพงกว่า
ก็สรุปว่า “ชาญวิทย์” เฒ่าสามนิ้วแชร์เฟกนิวส์

    และสามนิ้วเอาโพสต์ของ “ชาญวิทย์” ไปแชร์ต่อ เป็นลูกโซ่เชื่อเป็นตุเป็นตะว่าประเทศไทยเป็นขุมนรกของคนใช้น้ำมันจริงๆ

    น้ำมันแพงก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง จะเรียกร้องให้รัฐบาลปรับลดภาษีสรรพสามิตร ลดเงินเข้ากองทุนน้ำมัน VAT ไม่ต้องมี

    หรือจะให้รื้อโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่หมด ก็เชิญเรียกร้องครับเพราะสังคมนี้เป็นสังคมประชาธิปไตย เปิดกว้างเสมอ

    จะเอาแบบมาเลเซีย น้ำมัน ๑ ลิตรขายกันแบบเนื้อน้ำมันล้วนๆ ไม่มีภาษี ก็เรียกร้องกันไป แต่ก็ต้องแลกกับรัฐสูญเสียรายได้ปีละ ๒ แสนกว่าล้านบาท

    นี่ยังไม่นับน้ำมันยิ่งถูก ยิ่งใช้กันเยอะ นำเข้าเยอะ รัฐก็สูญเสียรายได้เยอะตาม
ทั้งหมดก็เป็นทางเลือกหากต้องการใช้น้ำมันราคาถูกลง
แต่ไม่ใช่เอาความเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ สร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชนทั่วไป

    แบบนี้เขาเรียกว่าไร้ความรับผิดชอบ
ครับ…คนชังชาติมีให้เห็นแทบทุกวัน

    วันก่อนดาราชื่ออะไรนะ….เปิดประเทศก็ด่า ใครจะมาเที่ยว ไทยมีแต่โควิดเต็มเมือง ตอนปิดประเทศก็โวย ทำมาหากินไม่ได้ จะอดตายอยู่แล้ว

    อะไรก็ได้ขอค้านไว้ก่อน ทั้งที่หลายเรื่องสังคมโดยรวมได้ประโยชน์
เช่น ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ดูถูกดูแคลน ฝรั่งไม่มาหรอก ที่มาก็เอาเชื้อมาปล่อย ฯลฯ

    “รัสเซลล์ โครว์” มากักตัวก่อนถ่ายทำหนัง พวกชังชาติก็ไหลไปเรื่อย เขามาแฉประเทศไทย มีแต่สายไฟเต็มเมืองไปหมด

    ครับ…เฟซบุ๊กของ รัชดา ธนาดิเรก – รองโฆษกรัฐบาล  วานนี้ (๑๙ ตุลาคม) เขียนไว้น่าสนใจทีเดียว

     “…ต่างชาติเลือกไทยเป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ๗๑ เรื่อง  ทำเงินเข้าประเทศแล้วกว่า ๓.๔๕ พันล้าน

    #กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานในปี ๒๕๖๔  (มกราคม-ตุลาคม) มีบริษัทภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทยรวม ๗๑ เรื่อง ในพื้นที่ ๒๙ จังหวัด

    สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า ๓,๔๕๒ ล้านบาท

    โดยจังหวัดที่มีการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศสูงสุด  ๖ อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ๓๕ เรื่อง ภูเก็ต ๑๐ เรื่อง  สมุทรปราการ ๘ เรื่อง ปทุมธานี ๖ เรื่อง พังงา ๕ เรื่อง และลำปาง สุราษฎร์ธานี นครนายก สมุทรสาคร นครราชสีมา  และเชียงราย ๓ เรื่อง

    ส่วนประเทศที่สร้างรายได้สูงสุดในการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย ๕ อันดับ ได้แก่

     สหรัฐอเมริกากว่า ๒,๕๑๑ ล้านบาท
เขตบริหารพิเศษฮ่องกงกว่า ๒๘๖ ล้านบาท

    สิงคโปร์กว่า ๒๒๘ ล้านบาท
ฝรั่งเศสกว่า ๑๒๐ ล้านบาท
และจีนกว่า ๘๕ ล้านบาท…”

    เป็นเรื่องน่าดีใจ ต่างชาติให้ความสนใจมาก ประเทศไทยจึงเป็นศูนย์กลางในการถ่ายทำภาพยนตร์ในภูมิภาคนี้
รายได้ที่เข้ามา ก็กระจายไปแทบทุกระดับชั้น

    โรงแรมได้ พนักงานในโรงแรมก็ได้
ร้านอาหารภัตตาคารได้ พนักงานตั้งแต่คนครัว ยันคนเก็บโต๊ะ ก็ได้

    แต่ก็มีพวกโรคจิตชังชาติรอเหยียบซ้ำ คอยจับผิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง
อยากให้ประเทศฉิบหายถึงจะสาแก่ใจ เพราะคิดว่านั่นคือวิธีไล่รัฐบาล
ไม่ต่างอะไรกับ เผาบ้านไล่หนู

    นี่แหละพวกชังชาติ

 


Written By
More from pp
“อัครเดช” ยันรวมไทยสร้างชาติพร้อมใจหนุนร่างกฎหมายงบประมาณฯ อัดผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวจะมีการคว่ำงบประมาณฯ เพื่อหวังผลทางการเมืองทำให้เกิดความปั่นป่วน
22 มีนาคม 2567 ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวจะมีการคว่ำร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48...
Read More
0 replies on “จะชังชาติไปถึงไหน – ผักกาดหอม”