14 ตุลาคม 2564 เวลา 14.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายนาชิดะ คาซูยะ (H.E. Mr. Nashida Kazuya) เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและญี่ปุ่นในด้านต่างๆ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับการเข้ารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นนายคิชิดะ ฟูมิโอะ ไทยพร้อมร่วมมือกับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่ของญี่ปุ่นเพื่อความสัมพันธ์ที่ก้าวหน้าต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอบคุณประเทศญี่ปุ่นด้วยใจจริงที่มีบทบาทสำคัญสนับสนุนการมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca เครื่องผลิตออกซิเจน 868 เครื่อง รวมถึงให้ความร่วมมือด้านห่วงโซ่ความเย็นและเวชภัณฑ์ ต่าง ๆ แก่ไทยเพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์โควิด-19
เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นเสมอมา ยินดีกับนายกรัฐมนตรีที่สถานการณ์โควิด-19 ในไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เชื่อมั่นในการดำเนินนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่จะสามารถควบคุมสถานการณ์ให้ดีขึ้นอีกเป็นไปตามแนวทางการดำเนินนโยบายผ่อนคลายและกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ประกาศเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ฝากความปรารถนาดี และความพร้อมที่จะผลักดันความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ในทุกด้านระหว่างญี่ปุ่นกับไทยเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการทูตซึ่งมีกำหนดครบรอบ 135 ปีในปี 2565
ในโอกาสนี้ การหารือเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายการเข้าเมือง เอกอัครราชทูตฯ ได้สอบถามถึงมาตรการที่ไทยกำหนดและประเทศที่พิจารณาอนุญาต ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการประกาศมาตรการผ่อนคลายให้ชาวต่างชาติซึ่งแน่นอนว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่ไทยให้ความสำคัญมากที่สุด ที่จะพิจารณาให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามขั้นตอน และกรอบเวลา โดยกำหนดมาตรการที่เหมาะสมควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วย ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ญี่ปุ่นสนับสนุนการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการการเข้าเมืองให้กับชาวไทยในกลุ่มต่าง ๆ เช่น นักธุรกิจ แรงงานทักษะ นักศึกษา รวมทั้งนักท่องเที่ยว เช่นเดียวกัน
ในส่วนของความสัมพันธ์พหุภาคี เอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าในฐานะที่ไทยเป็นประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน–ญี่ปุ่น ในห้วงปี 2564 – 2567 จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือเพื่อความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นแน่นแฟ้นมากขึ้น และขอสนับสนุนไทยในเวทีต่างๆ ได้แก่ การเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย และการเป็นที่ตั้งของศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ACPHEED) ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันความพร้อมของไทยที่จะร่วมมือกับญี่ปุ่นในทุกประเด็นเพื่อสนับสนุนผลประโยชน์ระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวเชิญชวนการลงทุนภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นที่สอดคล้องกับโมเดล เศรษฐกิจ BCG Economy ซึ่งสอดคล้องและจะส่งเสริมกับยุทธศาสตร์การเติบโตสีเขียว (Green Growth Strategy) ของญี่ปุ่น และหวังว่าจะได้มีโอกาสหารือกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในโอกาสแรกต่อไป