นายกกล่าวปาฐกถาพิเศษ เปิดงาน Global Compact Network Thailand พลิกโฉมประเทศ มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาพิเศษ “บทบาทผู้นำ มุ่งสู่การลงมือแก้ไขปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Leadership for Climate Actions)” เปิดงาน Global Compact Network Thailand – (GCNT) Forum 2021 “พลิกโฉมประเทศ” วางเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2065  ยกร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครอบคลุมประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในทุกมิติ

11 ตุลาคม  2564 เวลา 9.00 น. ณ ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงาน  Global Compact Network Thailand – (GCNT) Forum 2021 ภายใต้หัวข้อ
“บทบาทผู้นำ มุ่งสู่การลงมือแก้ไขปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Leadership for Climate Actions)” ผ่านระบบการประชุมทางไกล  โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คุณกีต้า ซับบระวาล ผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย
คุณศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรสมาชิก GCNT 74 องค์กรในประเทศไทยจากภาคธุรกิจ ภาครัฐ ภาคประชาสังคม เข้าร่วมงาน ภายหลังเสร็จสิ้น นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) ซึ่งมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาในทุกระดับ ที่ผ่านมายังได้มอบสัตยาบันสารเข้าเป็นภาคีความตกลงปารีสให้กับเลขาธิการสหประชาชาติด้วยตนเองเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2559 ที่นครนิวยอร์ก
ซึ่งเวทีสหประชาชาติได้ใช้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความตกลงปารีสเป็นแนวทางการแก้ปัญหาร่วมกัน โดยไทยให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างสมดุลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG
ตลอดจนหามาตรการเพื่อแก้ไขปัญหา climate change โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการลดและควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ต้องใช้เทคโนโลยีที่ค่อนข้างสูงเพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางการผลิตและพฤติกรรมการบริโภค ที่ผ่านมาประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดกระแสต่อต้านสินค้าบางประเภทแล้ว
อาทิ กรณีการต่อต้านน้ำมันปาล์มที่ผลิตในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในสหภาพยุโรป (อียู) และปัจจุบัน อียูอยู่ระหว่างร่างระเบียบมาตรการการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (CBAM) ซึ่งคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2566 ครอบคลุมสินค้า 5 ประเภท ได้แก่
ซีเมนต์ พลังงานไฟฟ้า ปุ๋ย เหล็กและเหล็กกล้า และอะลูมิเนียม และมีแนวโน้มที่จะขยายไปยังสินค้าอื่น ๆ ในอนาคต ขณะเดียวกัน เริ่มมีกระแสในสหรัฐฯ และแคนาดาที่อาจพิจารณาใช้มาตรการในลักษณะคล้ายคลึงกันด้วย
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นโอกาสที่ไทยจะ “พลิกโฉมประเทศ” สู่เศรษฐกิจสร้างคุณค่า เน้นการเติบโตที่สมดุล ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น สร้างพลวัตใหม่ให้แก่เศรษฐกิจ และจะเป็นประโยชน์สำหรับภาคธุรกิจทุกขนาด
ทั้งนี้ ไทยต้องเร่งพัฒนาองค์ความรู้และเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ใช้ประโยชน์จากกองทุนระหว่างประเทศ และประโยชน์จากกลไกที่มีอยู่เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านโครงการทวิภาคีเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีต่าง ๆ และโครงการแบ่งปันคาร์บอนเครดิตร่วมกัน
ซึ่งที่ผ่านมา ไทยได้ประโยชน์จากโครงการกลไกเครดิตร่วม ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2558 และกำลังพิจารณาขยายความร่วมมือไปยังประเทศอื่น ๆ อาทิ สวิตเซอร์แลนด์
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงภาคเอกชนไทยจำเป็นต้องปรับตัว แม้การปรับตัวจะมีค่าใช้จ่าย แต่การไม่ปรับตัวจะทำให้มีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าในระยะยาวซึ่งภาคเอกชนไทยหลายบริษัทเริ่มปรับตัวแล้ว โดยรัฐบาลให้คำมั่นว่าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดผลกระทบน้อยที่สุด
ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลอยู่ระหว่างการจัดทำยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำซึ่งกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุด ในปี 2573 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์โดยเร็วที่สุดภายในครึ่งหลังของศตวรรษนี้ โดยภาคพลังงานและขนส่งยังคงเป็นภาคส่วนหลักในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงพลังงาน ได้จัดทำเป้าหมายการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2065 ด้วย ได้บรรจุประเด็น climate change ในนโยบายระดับประเทศ ภายใต้กรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13

โดยมีหมุดหมายที่สำคัญ คือ หมุดหมายที่ 10 การพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ และหมุดหมายที่ 11 การลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็น 2 หมุดหมายที่ตอบสนองต่อประเด็น climate change โดยตรง ขณะเดียวกัน รัฐบาลอยู่ระหว่างการยกร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในทุกมิติ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยต่อยอดจากหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อาทิ รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะปลูกต้นไม้ 100 ล้านต้นภายในปี 2565 และขอเชิญชวนภาคเอกชนมีส่วนร่วมในโครงการนี้ รวมทั้งการริเริ่มโครงการอื่น ๆ ที่มุ่งใช้จุดแข็งในเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่น และทรัพยากรธรรมชาติของไทยและส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ปรับตัวตามทิศทางบรรทัดฐานใหม่ ๆ ในเวทีระหว่างประเทศ

โดยที่ผ่านมา รัฐบาลช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมทำความเย็นในการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอนที่ทำลายชั้นบรรยากาศและปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง และผลักดันเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ไทยสามารถเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและเปลี่ยนผ่านไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ โดยตั้งเป้าที่จะให้มีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้ร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมด รวมทั้งมีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 15 ล้านคัน หรือ 1 ใน 3 ของยานยนต์ทั้งหมดภายในปี 2578

นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น การติดตามประเมินการดำเนินงานตามแผนที่กำหนดไว้ เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ปรับตัวและก้าวผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและเชื่อมั่นภาคเอกชนไทยมีบทบาทอย่างมากในการเป็นผู้นำเพื่อแก้ปัญหา climate change และสิ่งแวดล้อม

ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีร่วมถ่ายภาพและเป็นสักขีพยายานกับผู้เข้าร่วมประชุมในการประกาศเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา climate change อย่างยั่งยืน ของสมาชิก GCNT -Global Compact Network Thailand

อนึ่ง UN Global Compact คือ กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติเพื่อขยายความร่วมมือจากบริษัท ทุกภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงมูลนิธิ องค์กรไม่แสวงหากำไร และสมาชิกอื่นๆที่ไม่อยู่ในรูปบริษัท เพื่อกำหนดเป้าหมายความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกิจการ


Written By
More from pp
มหกรรมกัญชา ขอนแก่น “สร้างสุขภาพ สร้างรายได้” ประสบผลสำเร็จ นำกัญชากัญชง มาเป็นส่วนผสมอาหาร สร้างรายได้ ทั้ง ไส้กรอก ไก่ย่าง พร้อมจับคู่ต่อยอดทางธุรกิจ
มหกรรมกัญชา ขอนแก่น “สร้างสุขภาพ สร้างรายได้” ประสบผลสำเร็จ นำกัญชากัญชง มาเป็นส่วนผสมอาหาร สร้างรายได้ ทั้ง ไส้กรอก ไก่ย่าง พร้อมจับคู่ต่อยอดทางธุรกิจ...
Read More
0 replies on “นายกกล่าวปาฐกถาพิเศษ เปิดงาน Global Compact Network Thailand พลิกโฉมประเทศ มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน”