“ปัญหาเรื่องที่ดินในประเทศไทยเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน เป็นจุดกำเนิดของความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมทางสังคมในเชิงระบบ ถ้าเราไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ก็ยากที่จะลดความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมในสังคมด้านอื่นๆ ของประเทศได้” รศ.ดร.อภิวัฒน์ รัตนวราหะ ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาปรัชญา ประจำปี 2564 เผยถึงความสำคัญขององค์ความรู้เรื่องการบริหารจัดการที่ดินและการวางแผนจัดการเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งในงานวิจัยที่อาจารย์มุ่งมั่นศึกษาวิจัยมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
รศ.ดร.อภิวัฒน์ เปิดเผยว่า ที่ดินหมายถึงที่ตั้งและพื้นที่ในการสร้างความมั่งคั่งและความสุขพื้นฐานของคนในสังคม ทุกวันนี้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของที่ดินไม่จำกัดแค่ที่ดินในเชิงกายภาพเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงที่ดินที่อยู่บนโลกเสมือนคือตำแหน่งที่ตั้งและพื้นที่บนโลกดิจิทัลด้วย คนที่มีโอกาสมากก็จะจับจองที่ตั้งทบนโลกเสมือนหรือโลกดิจิทัลได้มากกว่า การใช้ชีวิตบนโลกเสมือนจะมีแพลตฟอร์มที่มีคนจับจองอยู่มาก จนเริ่มมีการผูกขาดบนโลกเสมือนมากยิ่งขึ้น ยิ่งมีการครอบครองพื้นที่ในโลกดิจิทัลได้มากเท่าไหร่ก็จะสร้างความมั่งคั่งได้เท่านั้น ดังนั้นงานวิจัยพยายามมองไปถึงที่ตั้งในโลกดิจิทัล ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากยิ่งขึ้นในอนาคต
ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยเรื่อง “คนเมือง 4.0” รศ.ดร.อภิวัฒน์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานโครงการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ “คนไทย 4.0” โดยใช้หลักคิดและวิธีการมองภาพอนาคตความเป็นไปได้ของการใช้ชีวิตของคนเมืองในอีก 10-20 ปีข้างหน้าว่ามีทางเลือกอะไรบ้าง และทางเลือกไหนมีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพื่อนำมาวางแผนเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตั้งแต่เรื่องของการเกิด การอยู่อาศัย การเดินทาง การทำงาน จนกระทั่งถึงการตาย
“คนเมือง 4.0 มีนัยสำคัญเชิงเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของสังคม เนื่องจากยุค 4.0 มีการผสมผสานและบรรจบกันของเทคโนโลยีทั้งด้านกายภาพ ดิจิทัล และชีวภาพอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว และจะเกิดขึ้นแน่นอนในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป ดังนั้นเราจะต้องคิดเรื่องการวางแผนเกี่ยวกับเมือง เตรียมพร้อมอย่างไรกับสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างกรณีโควิด-19 เป็นเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นแล้วทำให้วิถีชีวิตเราเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เช่น หลายคนทำงานจากบ้าน
แต่ในขณะเดียวกัน คนจำนวนมากต้องตกงาน จริงๆ แล้วเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นมานานแล้วก่อนโควิด-19 ระบาด โควิด-19 เป็นแค่การกระตุ้นแนวโน้มปัญหาสังคมที่เห็นอยู่แล้วทั้งในระดับโลกและสังคมไทยให้เห็นชัดเจนและรวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมรับมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจขึ้นอย่างไม่คาดฝันได้” รศ.ดร.อภิวัฒน์ กล่าว
นอกจากงานวิจัยเรื่องคนเมือง 4.0 แล้ว รศ.ดร.อภิวัฒน์ กำลังศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเมืองหลัก เมืองรอง และเมืองเล็กในภูมิภาคของประเทศไทยอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเรื่อง “โลกาภิวัตน์ของที่ดิน” โดยเปรียบเทียบสถานการณ์ที่ดินที่ไม่ได้เป็นสินค้าในระดับท้องถิ่นอีกต่อไป แต่กลายเป็นปัจจัยระดับโลกและยังเข้าไปสู่การเป็นสินค้าที่อยู่ในโลกดิจิทัลด้วย
งานวิจัยนี้เป็นการเปรียบเทียบระหว่างกรุงเทพฯ บอสตัน บังกาลอร์ บิทคอยน์ รวมถึงผลงานวิจัยเรื่อง “วิทยาศาสตร์เปิด” ซึ่งเกิดจากความสนใจส่วนตัวในเรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีกับสังคม เพื่อสร้างความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่เปิดให้คนทั่วไปเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างข้อมูลและความรู้
“หลักในการทำงานวิจัยที่ผ่านมาจะเริ่มจากการมองไปรอบตัว เมื่อเห็นปัญหาอะไรก็จะแปลงปัญหานั้นเป็นคำถามในการวิจัย พยายามพินิจพิเคราะห์เพื่อให้ได้คำตอบ จนนำไปสู่การแก้ไขปัญหานั้นๆ การทำงานวิจัยข้ามศาสตร์ มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน
การทำงานวิจัยให้ประสบความสำเร็จต้องเลือกประเด็นหรือหัวข้อที่เราสนใจ มีความชอบเป็นการส่วนตัว และมีความสงสัยในสิ่งที่อยากทำ ซึ่งจะทำให้เรามีพลังในการขับเคลื่อนเพื่อศึกษาหาคำตอบในสิ่งที่เราอยากรู้ได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย แม้ว่าจะมีปัญหาอุปสรรคต่างๆ เข้ามาก็ตาม เราก็จะสามารถแก้ไขให้ผ่านพ้นไปได้ การทำงานทุกอย่างต้องมีปัญหา แต่จะถือว่าปัญหาคือความท้าทายให้เราประสบความสำเร็จ” นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาปรัชญา ประจำปี 2564 กล่าวทิ้งท้าย