เปลว สีเงิน
ผมดูๆ ข่าวช่วงนี้ ทะแม่งๆ ยังไงไม่รู้นะ?
เรื่อง ป.ป้อม-ป.ประยุทธ์ นั่นแหละ
สื่อบางสำนักตีข่าวเป็นจริง-เป็นจัง โดยจับประเด็นมาจาก ป.ประยุทธ์ หักป.ป้อม ปลด “ธรรมนัส-นฤมล” จากรมช.โดยไม่บอก
ป.ป้อม ก็หักกลับ ป.ประยุทธ์
ไม่ให้ธรรมนัสลาออกจากพรรค ให้เป็นเลขาฯ พปชร.ต่อเหมือนเดิม
๒ ป.เลยแตกกัน ส่งผลถึงพปชร.แยกเป็น ๒ ซีก คือซีกป้อม-ธรรมนัส กับซีกนายกฯ ประยุทธ์
แล้วเป็นตุ-เป็นตะต่อเนื่อง…….
นายกฯ จะตั้งพรรคใหม่ จะยุบสภาเลือกตั้งต้นปีหน้า ป.ป้อม กับ ป.ประยุทธ์ “ตัดพี่-ตัดน้อง” แยกทางกันเดิน!
เอากันถึงขนาดนั้น
ไปถึงขั้นว่าตอนนี้ “นายกฯ ตีนลอย” สส.พลังประชารัฐซีกพลเอกประวิตร จะยกมือคว่ำนายกฯ ในสภา
ฟังแล้วก็สนุกดี!
แต่ใครก็อย่าถามผม ว่าจริงมั้ย เบื้องลึก-เบื้องตื้นมันเป็นยังไง ยอมรับว่า ผม “โง่จริงๆ” คือไม่รู้อะไรเขาเลย
แต่ถ้าถามความเห็น ผมว่ากระเดียดเป็น “ข่าวนิมิต” ผสมเสี้ยมนะ
ถ้าจะให้สมบูรณ์ ต้องฟังที่ “ท-ทักษิณ” พูดคลับเฮาส์เมื่อ ๑๕ กันยา.ประกอบ ภาพจะชัดขึ้น เอามาให้อ่านก็ได้นะ
………………………..
“ตอนที่ผมกลับจากอเมริกา รัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ตอนนั้นผมไปอยู่กับ “ปรีดา พัฒนถาบุตร” เป็นรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ผมก็ขอไปอยู่ เป็นตำรวจติดตาม
แต่ว่าท่านให้เป็นเลขา ทำเรื่องมากกว่านั้น
ต้องกลั่นกรองเรื่องต่าง ๆ ที่จะเข้ามาที่สำนักนายกฯ ตั้งแต่อายุ ๒๕-๒๖ ปี เวลากฎหมายสำคัญเข้า ก็ต้องแจกกล้วย
กล้วยสมัยก่อนถูก ๕ หมื่น งบประมาณเข้าสภา คว่ำต้องเจ๊ง เลยแพงหน่อยแสนนึง ฝ่ายค้านจ่าย ๒ แสน แค่ให้งดออกเสียง นี่คือ ๓๖ ปีที่แล้ว
ผมถูกใช้ให้ทำเรื่องแบบนี้ ก็เลยเห็นการเมืองแบบนี้ และผมไม่ชอบเลย และรู้ว่า การเมืองแบบนี้ เป็นการเมืองเพิ่มต้นทุน
แล้วเงินมาจากไหน?
ก็คอร์รัปชั่น ผมไปเอาที่ไหนบ้าง ไม่พอผมก็ต้องไปเอา แล้วไปรวม ๆ มาแจก ทำบัญชี ผมเดินขบวนทุกขบวน
ผมรับเองหมดแทนรัฐบาล ไม่ว่าจะเขียงหมู รถเมล์ถูกยกเลิก สหภาพแรงงาน ผมรับเองหมด ทำทุกอย่าง
ผู้ใหญ่ในรัฐบาล เวลาจะมานั่งรอชี้แจงครม. ก็ต้องมานั่งกินข้าวกับผม ผมก็เลี้ยงข้าว ก็สนิทกันหมด ก็เลยคุ้นเคย มีเครือข่ายขึ้นมา
การเมืองพอเป็นแบบนี้ ๔ คน ได้โควตารัฐมนตรี ๑ คน และผลัดกัน การเมืองแบบนี้ตลก นึกว่าจะมีการปฏิรูป ผลสุดท้ายมีแต่ลูบๆ คลำๆ งบประมาณ
การเมืองที่ปฏิรูปจริง คือใช้รัฐธรรมนูญ ๔๐ การเลือกตั้ง ไม่มีพรรคเล็กพรรคน้อยมาต่อรอง ทำให้นายกฯ มีภาวะผู้นำ ในการแก้ปัญหาชาติได้เต็มที่
ผมคิดว่าเป็นรัฐธรรมนูญ ที่ดีที่สุด หลังจากนั้นหายไป พอเป็นรัฐธรรมนูญ ๕๐ แย่หน่อย แต่ ๖๐ เลวร้ายที่สุด
คิดจะทำร้ายคนอื่น แต่ตัวเองโดนเอง การเมืองอ่อนแอ มีพรรคเล็กพรรคน้อย ปัดเศษ ออกมาแล้วเหนื่อย
“นี่…ที่มีปัญหาเรื่องธรรมนัส
มีคนปล่อยข่าว ว่าผมใช้ ๒,๐๐๐ ล้านให้ธรรมนัส แต่ล้มไม่สำเร็จ ผมเลยแย่ คนอย่างผม หาเงินโดยเริ่มจากศูนย์ คิดเป็น ใช้เงินไม่โง่
สมมติผมจะใช้เงิน ๒,๐๐๐ ล้าน คุณประยุทธ์หายไป ๒๘ เสียง หลุดจากนายกฯ ๒,๐๐๐ ล้าน ถ้าใช้นี่ คนละ ๗๐ ล้านนะ แค่ ๕ ล้าน วิ่งกันหางชี้แล้ว ผมโง่เหรอ ผมไม่เคยคิด เพราะผมเกลียด ผมไม่ชอบ ผมเลยเข้าอาสาการเมืองปี ๔๐ เพราะระบบมันดี
ทุกคนไปเห็นว่าผมมีเงิน จะซื้อเสียงงั้นงี้ การปล่อยข่าวต้องเช็ก แต่เดี๋ยวนี้ เด็กรุ่นใหม่รู้ดี คนที่ปล่อยข่าวแบบนี้ คือควายเท่านั้น เป็นคนอย่าให้ควายจูง ปล่อยข่าวเรื่องนั้นนี้
ผมรำคาญมาก เรื่องการปล่อยข่าว มีอะไรมาถามตรงๆ ในคลับเฮาส์ ผมจะบอกหมด ถ้าผมพูด ผมไม่โกหก ถ้าคิดว่าสิ่งนั้นไม่สมควรพูด ผมจะไม่พูด
ที่ดีลล่ม เพราะ โลภ โกรธ หลง ทำให้โง่ ท่านโกรธ (บิ๊กป้อม) ที่ไปปลดธรรมนัส นฤมล กล่องดวงใจพี่ป้อมเขานะ เขาเป็นหัวหน้าพรรคนะ ไปทุบกล่องดวงใจเขา เขาโกรธนะ แต่เขาแก่กว่า เลยสุขุมกว่า เขาเลยไม่ยอมลาออกจากหัวหน้าพรรค ธรรมนัสก็ไม่ลาออกจากเลขาฯ
วันนี้ พรรคที่เป็นแกนสนับสนุนรัฐบาลจริง ๆ คือ พปชร. นายกฯ ตัดขาตัวเองตีนลอย ที่ไปทุบแบบนี้
การเมืองต่อจากนี้ ราคาแพงนะ เพราะต้องเก็บทุกเม็ด ไม่งั้นแพ้โหวต
เมื่อไม่กี่วันนี้ ที่ชนะกัน ใช้กล้วยเป็นหวี แต่ผมไม่เสียซักกล้วยเลย เพราะผมเชียร์ฝ่ายค้าน รัฐบาลตีกัน ฝ่ายค้านก็ชอบ
คราวที่แล้วสู้เป็นหวี จากนี้ จะอยากอยู่นาน ต้องแจกกล้วยเป็นเครือ แล้วจะอยู่ได้ไง คอรัปชั่นก็เต็มที่ ประเทศชิบหาย
ถึงเวลาไม่นาน นายกฯ ต้องยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ถ้าท่านมั่นใจ คิดว่าบริหารดี คนชอบ กู้เงินมาแจก มั่นใจตรงนี้ ก็ยุบสภาเลือกตั้งใหม่เลย ไม่ต้องแจกกล้วยเป็นเครือ
“ผมทำนายว่า กุมภาพันธ์ .- มีนาคม ปีหน้าเลือกตั้งใหม่ แต่ผมว่าเร็วกว่านั้น ใครจะบอกว่าอยู่ครบเทอม ก็ได้เลย แจกทีละเครือ หมดสวนแน่นอน”
ผมขอยืนยันว่า การเมืองที่มันเน่า เพราะไม่ปฏิรูป แต่คิดจะสืบทอดอำนาจอย่างเดียว เป็นกรรมของประเทศ ถ้าไม่แก้ บ้านเมืองจะแย่”
……………………
เนี่ย ฟังทักษิณพูด พอปะติด-ปะต่อได้ถึงเชื้อ “ข่าวนิมิตผสมเสี้ยม” ที่บังเอิญลงตัวกันพอดี
ทักษิณถามเอง กล้วยในการเมืองมาจากไหน?
แล้วก็ตอบเอง”มาจากคอรัปชั่น”
นึกถึงที่ “เสนาะ เทียนทอง” คนปั้นทักษิณเป็นนายกฯ เขียนไว้ในหนังสือ “รู้ทันทักษิณ” ขึ้นมาติดหมัด
ต้องงัด “หนังเก่า” มาฉายกันอีกรอบแล้วหละ!
“……….ก่อนการเลือกตั้ง ๒ เมษายน ๒๕๔๙ มีการทำผิดกฎหมาย คือขนคนมาฟังการปราศรัยโดยจ้างมา มันผิดกฎหมายแน่นอน แต่ กกต.กลับเฉย
พ.ต.ท.ทักษิณเคยบอกรัฐมนตรีในรัฐบาลว่า “ไม่ต้องคิดอะไรมาก ขอให้ทำตามก็พอ”
หากรัฐมนตรีของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนที่คิดมาก รอบคอบ คอยตักเตือน จะอยู่ไม่ได้เลย คนที่อยู่ได้จะต้องตอบ “เยส” อย่างเดียว
เช่น นายพ…เคยพูดว่า “ท่านนายกฯ ผมไม่เคยเห็นใครคิดได้ดีเท่านี้เลย” หรือนาย น…ก็มักพูดว่า “ดีนายๆ”
ด้วยเหตุนี้ รัฐมนตรีบางคนในช่วงเทศกาลเลือกตั้ง มักมีบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์เกินอยู่เต็มรถ จึงได้รับการฟูมฟักอย่างดี เหนียวแน่น ถูกเรียกใช้งานบ่อยๆ ในช่วงหลัง
ยิ่งกว่านั้น…..
ยังมีการใช้ระบบธุรกิจครอบครัวมาจัดการผลประโยชน์ในรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จ
ตั้งแต่ขนคนที่เคยทำงานกับตัวเองในบริษัทแบบยกชุด วางคนของตัวเองไปในทุกกระทรวง โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างเป็นทางการ
แต่ทุกคนในกระทรวงจะรู้ดีว่า คนคนนี้ คือคนของเขา จะทำอะไรก็ต้องผ่านคนคนนี้
เรียกว่ามี ๒-๓ คน ไปดูแลผลประโยชน์ทุกกระทรวง เป็นเสมือนหลงจู๊
แล้วยังส่งคนไปยึดตำแหน่งใน กมธ.ชุดต่างๆ ของสภาผู้แทนฯ ใน ครม.ก็ไม่ต่างกัน
ทุกโครงการที่จะมีการอนุมัติ ถ้ารัฐมนตรีคนไหนเสนอเรื่องขอใช้งบกลางที่จัดสรรไว้มหาศาล ก็ต้องไปเคลียร์กับคนของเขาให้เรียบร้อยก่อน
รัฐมนตรีหลายคน จะมีคนของเขาเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวทำงบฯ จะเอากี่พันล้าน แต่ต้องเอาเข้าพรรค ๑๐ เปอร์เซ็นต์
หมายความว่า ……
จะไปทำอะไรขึ้นมาก็ได้ ไปเขียนโครงการมา
ถ้ารัฐมนตรีคนไหนทำไม่ได้ ก็อยู่ไม่ได้ เวลาทำโครงการก็ต้องจ้างที่ปรึกษาที่เป็นคนของตัวเอง
แล้วใช้วิธีที่เก่งที่สุด คือ ยกเว้นระเบียบพิเศษ ยิ่งใช้วิธีขีดเส้นตาย ว่าต้องเสร็จวันนั้น-วันนี้
เหมือนกรณี “สนามบินสุวรรณภูมิ” เพื่อจะได้ใช้วิธี “จัดซื้อ-จัดจ้าง” แบบพิเศษ นโยบาย ๑๐ เปอร์เซ็นต์
รัฐมนตรีต้องทำโครงการ โดยตบแต่งงบประมาณขึ้นมาก่อนว่า มูลค่าของโครงการ “จะครอบคลุม ๑๐ เปอร์เซ็นต์” ที่ต้องหักเข้าพรรค
จากนั้น ไปตกลงกับคนของเขาผ่านคุณหญิง
เมื่อเรียบร้อยเมื่อใดก็ส่งมาให้ตัวตาย-ตัวแทนทางการเมืองที่เขาไว้ใจ
พอเข้า ครม.นายกฯ จะเสนอโครงการ และอนุมัติให้เองเสร็จสรรพ รัฐมนตรีไม่ต้องคิด ไม่ต้องสงสัย
ทุกวันนี้ ยังไม่มีใครรู้-ใครเข้าใจ ว่า….
“๑๐เปอร์เซ็นต์ มีอยู่เท่าไร” คงต้องไปถามคุณหญิง
สิ่งที่สุดทนจริงๆ คือ กรณีผู้ว่าฯ สตง.ที่ถูกแทรกแซงการทำงาน แทรกแซงองค์กรอิสระ และละเมิดพระราชอำนาจ มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่สำคัญ….
ที่ทำให้ผมลุกขึ้นอภิปรายเมื่อ ๘ มิ.ย.๒๕๔๘ การประกาศ “ตัดขาด-แตกหัก” กลางสภาฯ
พูดได้ว่า ถ้ามันเอาชีวิตได้ มันเอาไปแล้ว มันแค้น แต่ก็ไม่กล้า ตอนหลังคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ติดต่อมาหลายครั้ง
ผมพูดตรงๆ ไปว่า….
เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว เมื่อไม่ยอมลดละเอง จนเราต้องแตกหักไปสู่สาธารณชนแล้ว
สิ่งสำคัญ นายกฯ ก็ต้องแก้ข้อกล่าวหาทั้งหมดให้ได้ และผมยังพูดอีกว่า
“ถ้าบอกจะกินข้าวกันตอนนี้ มันยังไงล่ะ ให้พี่เป็นผู้เป็นคนดีกว่า อย่าให้พี่เป็นหมาเลย”
ก่อนที่จะเกิดปัญหาทั้งหมด ผมก็พยายามไปเตือน แต่เรื่องที่เตือน ก็เป็นการขัดผลประโยชน์เขาทุกเรื่อง
เช่นคิดว่า รัฐมนตรีคอร์รัปชัน ผมก็ไปเตือน เพราะคิดว่าไม่รู้ ที่ไหนได้….มันสั่งเอง
กลายเป็นว่า รัฐมนตรีคนไหนไม่ทำตามสั่ง ภายหลังก็อยู่ไม่ได้
ความขัดแย้งในปัจจุบัน สาเหตุมาจากตัวปัญหาคนเดียวคือ พ.ต.ท.ทักษิณ คนคนนี้ โกงเพื่อเข้ามาสู่อำนาจ
เมื่อมีอำนาจ ก็โกงอีก อันตรายต่อบ้านเมืองสุดๆ พ.ต.ท.ทักษิณน่ากลัว….
เพราะเป็นคนมีวุฒิการศึกษา จ้องวางแผนเอาเปรียบคนอื่น ถือว่าต่ำต้อยเหลือเกินในการเป็นผู้นำประเทศ
ผมจำคำพูดของทักษิณที่เคยบอกว่า
“พี่เหนาะ ผมพร้อมแล้ว สมบัติส่วนหนึ่งผมให้ลูก อีกส่วน เก็บไว้สำหรับตายาย กินจนตายก็ไม่หมด สมบัติอีกส่วน จะทำเพื่อบ้านเมือง จะใช้หนี้แผ่นดิน”
คำพูดนั้นๆ ผมเคยหลงคิดว่าคนคนหนึ่ง “รวยแล้วกลับใจ” คิดใช้หนี้แผ่นดิน
ตอนนี้ ผมรู้ความจริงแล้วว่า “รวยจากโกงชาติ กล้าทำแม้เผาบ้านเมืองเพื่อเอาประกัน”
คนรวยคนนี้ รวยแล้วไม่รู้จักพอ ไม่ใช้หนี้แผ่นดินยังไม่พอ มันยังโกงกิน ทรยศต่อแผ่นดิน
ผมเคยพูดและเตือนกับคุณหญิงว่า
“น้อง ถ้ามันได้มาอีกแสนล้าน เอาไปทำไม?”
เขาพากันตอบว่า…
“ก็รู้ แต่ในเมื่อเล่นการเมืองมันต้องควักเงิน ก็ต้องถือว่าเป็นธุรกิจ”
เคยเตือนหนักๆ ถึงขั้นว่า
“ในอนาคต ถ้ามันจะเดือดร้อนหนักๆ คือคนเป็นหัวนะ”
เขาก็ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน ว่า
“ก็รู้ ถ้าพี่ทักษิณจะลง ต้องให้พรรคไทยรักไทยมีอำนาจอย่างน้อยสองสมัยถึงจะปลอดภัย”
…………………..
55555555
บิดาแห่ง “โคตรกล้วย” เลยนะ…มึงนี่!