นี่คือภัยเงียบ!-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

นับวัน….
“โลกความเป็นจริง” ถูกกัดกร่อนด้วย “โลกโซเชียล” มากขึ้นทุกที
กำลังพูดถึงความเท็จครับ
การพูดเท็จต่อหน้า เป็นความเลวร้าย ที่แม้จะทำลายความรู้สึกอย่างมากมายมหาศาล แต่สู้การเท็จในโซเชียลไม่ได้เลย
ความเท็จที่ถูกนำไปใส่ในโซเชียลมันไปเร็วและไกลยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง เพราะมันเป็นความเท็จระดับความเร็วแสง
และมีอานุภาพทำลายล้างสูง

    หนึ่งคนเท็จสามารถทำลายคนทั้งประเทศได้ในพริบตา
โลกความเป็นจริงกำลังถูกทำลายโดยโลกโซเชียล หากปล่อยไปเช่นนี้สุดท้ายคือหายนะ เพราะการบิดเบือนความจริงเกิดขึ้นไม่เว้นวัน

    และจะเกิดภาวะยุ่งเหยิงจากความเท็จในโซเชียลที่ถูกนำออกมาให้ในโลกความเป็นจริงที่บิดเบี้ยว
เปล่าสำบัดสำนวนครับ

    คนยุคก่อน ปล่อยข่าวด้วยการโปรยใบปลิว ครอบคลุมอย่างเก่งแค่ระดับหมู่บ้าน
มายุคนี้ กดปุ่มเดียว ล้างสมองกันได้ทั่วโลก

    การเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายปีมานี้ เป็นระบบกว่าสมัยก่อนมาก มีคนพูด มีทีมเผยแพร่ มีมวลชนรอเสพ
ให้ข้อมูลด้านเดียว ข้อมูลไม่ครบ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

    ครับ…วันก่อนมีข่าวเล็กๆ แต่ขยายผลแล้วไม่เล็ก
“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ระบุว่า
————-

    “…เมื่อ ATK จากจีนยี่ห้อก่อนเคยมีการท้วงว่าแปลผลผิดพลาด กรณีนี้ก็เช่นกันเป็นยี่ห้อเดียวกับที่ไทยจัดซื้อชุดตรวจ ๘.๕ ล้านชิ้น ยี่ห้อนี้ได้มีการถูกทักท้วงจากสหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ และอินเดีย ก็น่าจะต้องทำเหมือนกรณีแรกคือการตั้งกรรมการตรวจ อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าให้ผ่านมาได้อย่างไร

    คำถามเดิมจึงกลับไปที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลว่าทำไมจึงไว้ใจบริษัทที่มีประวัติเช่นนี้ได้ รวมทั้งขอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนด้วยบรรทัดฐานเดียวกัน

    ยิ่งไปกว่านั้น ไม่กี่วันที่ผ่านมา สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งงดใช้ชุดตรวจ ATK ยี่ห้อ LEPU หลังพบว่าไม่สามารถตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงสูงได้ ตรวจพบผู้ติดเชื้อ ๑๘๗ คน แต่เมื่อนำผู้ติดเชื้อทั้งหมดเข้าตรวจด้วย RT-PCR กลับพบผลบวกเพียง ๙๒ คนเท่านั้น จึงไม่เหมาะสมกับการนำมาใช้ตรวจกลุ่มเสี่ยงสูง

    การซื้อวัคซีนก็ผิดพลาดแล้ว ยังมีเรื่องชุดตรวจอีกที่ซ้ำรอยกับวัคซีน รัฐบาลนี้ผิดแล้วผิดเล่า ผิดซ้ำผิดซาก ไม่เรียนรู้อะไรเลย เอาชีวิต ความเป็นความตายและเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชนไปเสี่ยง ทำเสมือนว่าไม่เคยเห็นหัวกันเลย!..”
—————

    ชีวิตของประชาชนเป็นเรื่องใหญ่ครับ หากรัฐบาลทำผิดซ้ำซาก ไม่เห็นค่าในชีวิตของประชาชน ก็ไม่สมควรให้อยู่บริหารประเทศต่อไป

    แต่ความจริงเป็นไปตามที่ พิธา พูดหรือเปล่า
ที่จะเล่าต่อคือ เรื่องนี้ก็เหมือนการทำศึกครับ

    ในโซเชียลก็มีกองทัพที่ยังเชื่อในความทุกต้อง คอยตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวที่นักการเมืองปล่อยเรี่ยราดเอาไว้
เพจ Thailand FACT Today เขาทักท้วง พิธา ครับว่า ตกหล่นข้อมูล
————

    …เรื่องนี้ ทางผู้ปฏิบัติงานอธิบายแล้ว
ปัญหาที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเรื่องของการใช้ผิดวัตถุประสงค์ เขาห้ามใช้กับผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ก็ยังไปใช้กัน มันก็ต้องออกประกาศ

    คือเรื่องนี้ ไม่ใหม่เลย ทางคุณหมอออกมาเคลียร์ปมแล้ว

    นพ.จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช อธิบายว่า ตามมาตรฐานของชุดตรวจ ATK แบ่งเป็น ๒ ชนิด คือ สำหรับทางการแพทย์ (Professional Use) ที่ต้องให้แพทย์ใช้ตรวจเท่านั้น ด้วยวิธีแยงเข้าไปหลังโพรงจมูกซึ่งอยู่ต่อกับลำคอ

    และสำหรับประชาชนทั่วไป (Home Use) ด้วยการแยงเข้าไปในรูจมูกส่วนหน้า ซึ่งตามหลักการแล้วหากเป็นประชาชนเสี่ยงสูง สัมผัสผู้ติดเชื้อมา ไปถึงโรงพยาบาลก็ต้องใช้วิธีการตรวจด้วย RT-PCR เพื่อผลที่ชัดเจน หรือหากจะตรวจด้วยแอนติเจน ก็ต้องใช้แบบทางการแพทย์ โดยแพทย์เป็นผู้เก็บตัวอย่าง

    แต่พบโรงพยาบาลบางแห่งนำชุดตรวจ ATK แบบที่ประชาชนตรวจ มาตรวจให้กับผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จึงต้องออกประกาศว่า หากเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ต้องใช้การตรวจแบบทางการแพทย์เท่านั้น

    หมอย้ำว่า ตัวชุดตรวจไม่มีปัญหาเลย แต่เอามาใช้กันผิดวัตถุประสงค์ มันก็ต้องออกประกาศให้ชัดว่าอะไร ทำได้ อะไรทำไม่ได้ แต่นายพิธาไม่พูดถึงเรื่องนี้ ดันไปละเลยรายละเอียดสำคัญแล้ววกมาด่าชุดตรวจ

    คุณพิธา รู้ไหม ชุดตรวจที่นาย ATK วิจารณ์นั้นได้รับการยอมรับในระดับสูง มีผลการทดสอบทางห้องปฏิบัติการจาก ๓ แหล่ง ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศไทย ดังนี้

    ๑.สถาบัน BIOMEX GmbH Heidelberg ณ ประเทศเยอรมนี ได้มีผลการศึกษาและทดสอบเพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์เอทีเค SARS-CoV-2 Antigen Rapid Test หลังจากออกสู่ตลาดโดยการใช้งานของบุคคลทั่วไปและบุคลากรทางการแพทย์ ในเดือนเมษายน ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการศึกษาและทดสอบตามลำดับ

    ดังนี้ ในเดือนเมษายน ๒๕๖๔ พบว่าความไวในการวินิจฉัยคือร้อยละ ๙๑.๓๐ ความจําเพาะร้อยละ ๑๐๐ และเดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ พบว่าความไวในการวินิจฉัยคือร้อยละ ๙๕.๕ และความจําเพาะร้อยละ ๑๐๐

    ๒.คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ได้มีผลการศึกษาและทดสอบ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ พบว่าความไวในการวินิจฉัยคือร้อยละ ๙๒ ความจำเพาะร้อยละ ๙๙.๓

    ๓.คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล (รพ.) รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มีผลการศึกษาพบว่า มีความไวในการวินิจฉัยร้อยละ ๙๐ ความจำเพาะร้อยละ ๑๐๐ และความไม่จำเพาะร้อยละ ๐ ซึ่งผ่านตามเกณฑ์ทางกฎหมาย และเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนด รวมถึงสอดคล้องกับประกาศจาก อย.ประเทศไทย

    ทั้งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างกว้างขวางในหลายประเทศ เช่น เยอรมนี, สวีเดน, เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์, โปแลนด์, อิตาลี, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น เป็นต้น…
———-

    อย่างที่บอกเหมือนทำสงคราม การใช้ข้อมูลมาอธิบายหักล้างเรื่องที่นักการเมืองบางคนบิดเบือนนั้น แม้จะมีการนำเสนอออกมาต่อเนื่อง แต่การเข้าถึงกลุ่มคนบางกลุ่มนั้นไม่ง่าย

    ภาวะเสพข้อมูลด้านเดียว ถูกสร้างขึ้นมาจนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติของคนรุ่นใหม่ในโซเชียล

    ขณะเดียวกันมีความพยายามยัดเยียดชุดข้อมูลลงไปในเด็กระดับอนุบาล อย่างที่ขบวนการล้มล้างสถาบันฯ ทำผ่านหนังสือนิทานชุดวาดหวัง ที่เคยพูดถึงกันไปก่อนหน้านี้

    คณะทำงานชุดเฉพาะกิจตรวจสอบหนังสือนิทานชุดวาดหวัง ของกระทรวงศึกษาธิการ นำมุมมองแทพย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่วิเคราะห์ถึงหนังสือล้างสมองเด็กชุดนี้แล้วน่าตกใจครับ

     รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี “หมอเดว” ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น ให้ความเห็นว่า

    “หนังสือนิทานชุดนี้ ผู้จัดทำระบุไว้ว่าเหมาะเด็กในระดับอายุ ๕-๑๒ ปี โดยในข้อเท็จจริงทางการแพทย์เด็กที่มีอายุ ๖ ขวบปีแรกจะยังไม่สามารถแยกแยะโลกแห่งจินตนาการและโลกความเป็นจริงได้ หากได้รับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้เด็กเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันสร้างสังคมคุณธรรมที่เป็นสังคมเชิงบวก เพื่อปลูกฝังสิ่งที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน และสร้างสื่อที่สร้างสรรค์”

    นี่คือภัยเงียบ!
หลังจากปั่นหัวเด็กวัยรุ่นสำเร็จ เป้าหมายต่อไปคือ ล้างสมองตั้งแต่ยังเขียน ก.ไก่ ไม่เป็น
ถ้าผู้หลักผู้ใหญ่ตามไม่ทัน หายนะครับ


Written By
More from pp
ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เปิดงานประชุมซัมมิทผู้นำ และวิศวศึกษาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก “AEESEAP Annual Summit 2022 and Asia Pacific Engineering Education Symposium 2022”
วิศวกรรมศาสตร์ เป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนสังคม เศรษฐกิจและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เพื่อโลกที่ก้าวหน้าด้วยนวัตกรรมและความยั่งยืน
Read More
0 replies on “นี่คือภัยเงียบ!-ผักกาดหอม”