ปรากฏการณ์ “ลิซ่า LALISA”-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ชั่วโมงนี้ต้องยกให้เธอครับ

                ปรากฏการณ์ “ลิซ่า LALISA” ไม่ใช่เรื่องของคนไทยแล้ว

 แต่…ระดับโลก

                เรื่องราวของประเทศไทยติดระดับโลกมากมาย แต่คราวนี้ถือว่าปังกว่าแทบทุกเรื่องที่ผ่านมา เพราะความเคลื่อนไหวที่ทุบสถิติโลกในเวลาอันสั้น

                คนไทยทุกคนควรชื่นชม “ลิซ่า” 

                และเคารพงานของ “ลิซ่า”

                แต่ดูเหมือนว่า คนไทยบางพวกพยายามทำทุกเรื่องให้เป็นปัญหา

                จับผิด บูลลี่ ผู้มีความเห็นต่างว่าคร่ำครึ อยู่ในโลกยุคเก่า อนุรักษนิยม ไม่ลืมตาดูว่า โลกเปลี่ยนไปแค่ไหนแล้ว

                เช่น เรื่อง “ชฎา” ที่ “ลิซ่า” สวมในงานของเธอ

                อาจมีคนติติงบ้าง เพราะความเห็นต่าง แต่ไม่ควรเหมารวมว่า คนที่คิดไม่เหมือนตนเอง ที่เรียกว่า “สลิ่ม” ทั้งหมดนั้น ต่อต้าน “ลิซ่า” เพราะสวม “ชฎา”

                ผู้คนส่วนใหญ่แยกแยะได้

                “พระชฎา” เป็นเครื่องราชศิราภรณ์ ใช้ในงานพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับเจ้านายชั้นสูงและใช้ในงานนาฏศิลป์      และวัฒนธรรมสมัยใหม่ มีการใช้ “ชฎา” เป็นเครื่องแต่งตัวการแสดงทางวัฒนธรรม เช่น ลิเก นางรำ การเดินแบบ การประกวดนางงาม การถ่ายทำภาพยนตร์ ฯลฯ

                หรือการตีความงานของ “ลิซ่า” ว่าเป็นการประจานรัฐบาลเผด็จการของไทย เช่น การใช้โทรโข่ง มีตำรวจควบคุมฝูงชนอยู่ด้านหลัง สะท้อนถึงการประจานเรื่องการปราบปรามประชาชนของรัฐบาลไทย พฤติกรรมแบบนี้ไม่ต่างการดึง “ลิซ่า” เป็นพวก  

                ถ้าศึกษากันสักนิด ซิงเกิลอัลบั้ม LALISA กว่าจะถูกปล่อยออกมาใช้เวลาเป็นปี ก่อนจะมีม็อบดินแดงซะอีก

                ก็น่าเป็นห่วง…”ลิซ่า” อาจจะถูก “สามนิ้ว” บังคับคอลเอาต์เข้าสักวัน

                กว่าจะมาเป็น “ลิซ่า” ในวันนี้ไม่ได้ง่าย

                “ครูเป็ด มนต์ชีพ ศิวะสินางกูร” ถอดรหัสเอาไว้น่าสนใจครับ

                “…ตอนนี้หนึ่งในปรากฏการณ์ที่ดังคับโลกคือ LALISA…และที่น่าดีใจอย่างยิ่งคือ เธอเป็นคนไทย

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ เธอเป็นเมล็ดพันธุ์ไทยก็จริง แต่เติบโตสุดยอดเพราะได้ดินได้น้ำได้ปุ๋ยของเกาหลีใต้

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรจะดีใจไปด้วยคิดตามไปด้วย…

            หลายคนก็รู้สึกฮือฮาว่า ประเทศไทยมีคนเก่งๆ เยอะ เราควรจะทำได้เหมือนเกาหลีใต้ ผลิต idol ทางด้าน entertainment นำมาซึ่งเงินทองและชื่อเสียงให้แก่ประเทศมากมาย…

            ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าประเทศไทยมีเด็กเก่งๆ เยอะมาก แต่อย่างที่บอก…เมล็ดพันธุ์ที่ดีต้องได้ดินได้ปุ๋ยได้น้ำที่ดีถึงจะเติบโตได้เต็มศักยภาพ…

            ไอ้เจ้าดินปุ๋ยน้ำ ผมขอเรียกรวมๆ ว่ามันคือระบบนิเวศ หรือ eco system…ของบ้านเราสู้เขาไม่ได้จริงๆ ในเรื่องนี้

            ลองมองดูบ้านเรา ระบบนิเวศของเราเอื้อให้นักร้องแบบไหนเติบโต ชื่นชอบศิลปินแบบไหน ส่งเสริม idol แบบไหน

            ลองดูในรูปที่ ๒…หนุ่มหล่อ ๕ คนที่ยืนด้านหลังคือ 2pm หนึ่งในนั้นคือนิชคุณ…เด็กไทย

            เด็กผู้ชายใส่แว่นดำที่ผมยืนเกาะไหล่…คือแบมแบม

            ลิซ่าก็อยู่ในภาพนี้ด้วย…คงมองเห็นเธอได้ไม่ยาก

            เวทีนั้นเป็นเวทีประกวดนักร้องนักเต้นเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว…แปลว่าน้องๆ เหล่านี้ผ่านสายตานักปลุกปั้นชั้นแนวหน้าของไทยมาแล้ว

            แต่ก็ต้องยอมรับว่าเราทำไม่ได้เท่าเขาหรอก…ถ้าแบมแบมยังอยู่กับบริษัทของไทย ก็คงไม่ดังเท่าทุกวันนี้ หรือเราก็จะไม่มีลิซ่าที่ดังคับโลกแบบนี้…

            ก็เหมือนที่เมสซีต้องไปเติบโตที่ barcelona ยังไงยังงั้นเลยครับ…

            ระบบนิเวศเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงยากที่สุด…แล้วมันคืออะไรล่ะ

            มันคือการที่คุณหน้าตาดีแล้ว แต่มีคนอีกหลายหมื่นหน้าตาดีเหมือนคุณและพร้อมที่จะทำทุกอย่าง ลดน้ำหนักออกกำลัง รวมไปถึงศัลยกรรม…เพื่อจะให้ดูดีกว่าคุณ

            มันคือการที่คุณเต้นเก่งแล้ว แต่มีคนอีกเป็นหมื่นที่เต้นเก่งเหมือนคุณ..และแม่งซ้อมไม่หยุด

            คนอีกเป็นหมื่นที่ร้องเก่งแล้ว แต่ก็ยังซ้อมอยู่ทุกวัน วันละ ๘ ชั่วโมง

            คู่แข่งของคุณเพิ่มคุณค่าให้ตัวเองด้วยการเรียนภาษาที่ ๓ และภาษาที่ ๔…

            ยังไม่นับรวมระเบียบวินัยอีกหลายอย่าง ที่เหมือนการฝึกนักกีฬาระดับโลกเลย

            สิ่งเหล่านี้คือระบบนิเวศที่กลั่นแล้วกลั่นอีก…กลั่นอย่างเข้มข้นจนได้คนที่สุดยอดจริงๆ ออกมา

และเขามีเป้าหมายให้เห็นชัดว่า ถ้าคุณมอบกายถวายชีวิตขนาดนี้แล้วสำเร็จ…ความสำเร็จมันจะตอบแทนคุณได้อย่างคุ้มสุดจะคุ้ม

            ระบบนิเวศของวงการบันเทิงไทย  ไม่เข้มข้นถึงขนาดนี้หรอกครับ…อันนี้ต้องยอมรับ 

            ธุรกิจบันเทิงเป็นหนึ่งในสิ่งที่เราเรียกว่า soft power หรือธุรกิจที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์…

            ประเทศไทยเป็นแหล่งของความคิดสร้างสรรค์มากมาย แต่เราก็ต้องเลือกให้ถูกว่าอันไหนโตได้ อันไหนโตยาก

            อย่างธุรกิจบันเทิงผมเห็นว่ามีข้อจำกัดเรื่อง eco system…ก็อาจจะต้องยอมรับว่าเราทำได้แค่นี้จริงๆ

            แต่เราก็มี soft power ด้านอื่นที่น่าสนใจ…อย่างเช่น เรื่องอาหาร,  สมุนไพร ฯลฯ ที่เราสามารถผลักดันไปสู่ระดับโลกสร้างรายได้ให้ประเทศไทยอย่างมหาศาล

            ผมเชื่ออยู่ลึกๆ ว่า soft power จะเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจของประเทศไทยในยุคใหม่ ที่เราจะมองข้ามไม่ได้

            เพียงแต่เราจะหยิบ soft power ตัวไหนขึ้นมาผลักดัน…อันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเลือกให้ถูก…”

                ประเทศไทยเมล็ดพันธุ์ดีๆ มากมายแทบทุกวงการ แต่มักจบลงด้วยการไปไม่ถึงดวงดาว โกอินเตอร์ไม่ได้ 

                นอกจากเรามีปัญหาในการสร้างคนแล้ว เรายังอยู่ในวัฏจักรแห่งความขัดแย้งมาร่วมสองทศวรรษ

                ความขัดแย้งมันซึมลึกในระดับดีเอ็นเอ หยิบ จับ ฉวย ทุกอย่างเป็นความขัดแย้งไปหมดในทุกวงการ

                ยกตัวอย่าง มหาไพรวัลย์ บอกว่า “ด่าอาตมาอะไรก็ได้ แต่ด่าว่าเป็นสลิ่ม อาตมาใจเสียมาก”

                เผื่อพูดไม่ทันคิด ก็ขอเตือนว่า อย่าเอาใจใครจนเลยเถิด จนเข้าขั้น “ปากพล่อย” 

                จะเสียใจ หรือใจเสีย เพราะถูกเรียกสลิ่ม ก็แสดงว่า มหาไพรวัลย์ไม่ชอบสลิ่ม

                ไม่ใช่ไม่ชอบธรรมดา

                ไม่ชอบเอามาก ถึงขั้นใครมาเรียกสลิ่ม ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมา

                จะเป็นเรื่องจริง หรือมุกตลกก็ตามที  หากสงฆ์ไม่รู้จักคำว่า ความเหมาะสม แยกแยะสิ่งที่ควรพูด กับไม่ควรพูดไม่ออก ก็ไม่ต่างห่มได้แต่เหลือง ความเป็นพระไม่มี

                ครับ…ลักษณะนี้เข้าข่ายบูลลี่

                เพราะมหาไพรวัลย์ไม่ใช่คนปัญญาอ่อน รู้ดีว่า “สลิ่ม” คือกลุ่มคนที่มีความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกับตนเอง

                การเอาคนมีความเห็นต่างมาล้อเลียน หมายความว่าอะไร

                ความเป็นสงฆ์จะเลือกเผยแผ่ธรรมะเฉพาะกลุ่มอย่างนั้นหรือ ถ้าความคิดทางการเมืองคนละอย่างต้องยืนคนละข้าง เป็นเส้นขนานกันในทุกเรื่อง

                องคุลิมาลไล่ตามพระพุทธเจ้าหมายจะตัดนิ้วของพระองค์เป็นนิ้วที่ ๑ พัน ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะโปรดให้กลับใจบวชเป็นพระภิกษุ

                เป็นพระองคุลิมาลเถระ

                แต่มหาไพรวัลย์ทำในสิ่งที่ต่างออกไป ไม่ต่างจากที่แกนนำม็อบ หรือนักการเมืองทำ

                ฉะนั้นสำหรับมหาไพรวัลย์แล้วจงพิจารณาตนด้วยตนเอง

                สิ่งที่ทำ ดีหรือไม่ดี เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล เป็นบุญหรือเป็นบาป ถูกกิเลสครอบงำอยู่หรือไม่

                นี่คือหนึ่งตัวอย่างในการสร้างคน

                สงฆ์ถูกสร้างมาเพื่อศึกษาปฏิบัติธรรม และสั่งสอนหลักธรรมทางศาสนาให้แพร่หลาย

                ไม่ใช่สนุกปากเอาใจแฟนคลับ สนุกกับการใช้ศัพท์สแลงไปวันๆ       

                ประเทศไทยต้องการคนแบบ “ลิซ่า” แต่ระบบนิเวศที่้เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ผู้คนลืมตัวตน

                ยากเหลือเกินที่เราจะสร้างความเป็น “ลิซ่า” ขึ้นมา

Written By
More from pp
เพจ “ไทยร่วมใจ กรุงเทพฯ ปลอดภัย” แจ้ง สตรี “ตั้งครรภ์” walk-in เข้ารับวัคซีนได้ 12 แห่ง
24 ก.ค. 64 – เพจเฟซ “ไทยร่วมใจ กรุงเทพฯ ปลอดภัย” แจ้งว่า สำหรับผู้ที่ “ตั้งครรภ์” สามารถ...
Read More
0 replies on “ปรากฏการณ์ “ลิซ่า LALISA”-ผักกาดหอม”