“สาธิต” ชี้แจง โควิดเป็นสถานการณ์ที่มีพลวัต นำข้อมูล ณ เวลาใดเวลาหนึ่งมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในอีกเวลาหนึ่งไม่ได้ ยืนยันสถานการณ์ดีขึ้น หากขับเคลื่อนฉีดวัคซีนเชิงรุกควบคู่การรักษาวินัย

2 ก.ย. 64 – นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 16 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 เป็นพิเศษเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล

โดย นายสาธิต ได้ชี้แจงในประเด็นที่มีการอภิปรายพาดพิงถึงตนโดยตรง ใน 2 ประเด็น คือการที่ได้อภิปรายถึงการให้สัมภาษณ์ของตนที่เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อเท็จจริงเรื่องของการจัดส่งวัคซีน Astrazeneca ที่จะเป็นการจัดส่งในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเดิมยังมีแผนการจัดส่งให้กับรัฐบาลภายใต้แผนที่เราดำเนินการและก็เสนอแผนไปยังบริษัทแต่ว่าในช่วงเวลานั้น
[499.- ส่งฟรี] คอมฟอร์ท น้ำยาปรับผ้านุ่ม 3300 มล. Comfort Fabric Softener Regular 3.3 Kg
ก็ทราบกันดีถึงการจัดส่งมาว่าจะมีการจัดส่งให้กับรัฐบาลประมาณ 3.5 ล้านโดสนั้น ซึ่งเป็นการนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นมาชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้ทราบถึงข้อเท็จจริง
แต่หลังจากมีการหารือกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แล้วก็ได้มีการพูดคุยเจรจากับบริษัท Astrazeneca และได้จัดส่งแผนไปยังบริษัท Astrazeneca และได้มีการปรับแผน จนสุดท้ายก็จะเห็นว่า ขณะนี้มีการจัดส่งเพิ่มจำนวนจัดส่งวัคซีน Astrazeneca เป็นไปตามแผนในเดือนสิงหาคมกันยายน ตุลาคม ซึ่งมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น โดยในเดือนสิงหาคมนี้เราก็จะได้จัดสรร Astrazeneca มีจำนวนประมาณเกือบ 6 โดสล้าน รวมทั้งในเดือนกันยายนก็จะมีการจัดส่งวัคซีน Astrazeneca จำนวน 10 ล้านโดส ซึ่งเป็นจำนวนจัดสรรที่เพิ่มมากขึ้นจากการพูดคุยในกรณีที่มีการวางแผนร่วมกัน
ประเด็นถัดไปก็เป็นเรื่องการที่ตนออกมาให้สัมภาษณ์ในสถานการณ์ในช่วงเวลาที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ซึ่งในขณะนั้นก็มีการทราบกันทั่วไปว่าจำนวนเคสผู้ติดเชื้อ มีจำนวนสูงขึ้น จากหลักพันถึงหลักหมื่น ซึ่งในเวลานั้นมีการเตรียมศักยภาพของเตียงเพื่อรับรักษาผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยมีจำนวนมาก เป็นไปตามสัดส่วนของผู้ติดเชื้อ
เพราะฉะนั้นมีกรณีผู้ติดเชื้อที่รอเตียงอยู่ที่บ้านจำนวนมาก และยังมีบางกรณีที่เราเห็นว่าผู้ติดเชื้อไม่สามารถเข้าถึงการรักษาจนเป็นเหตุให้มีการเสียชีวิต ส่วนตัวที่ออกมาให้สัมภาษณ์ก็เพื่อเป็นการนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจ และให้ทราบถึงสถานการณ์ในขณะนั้น ทั้งสถานการณ์ผู้ติดเชื้อและสถานการณ์เตียงก็มีปัญหา แล้วก็เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงอยู่ใน ณ เวลานั้น
ทั้งสองกรณีนี้ก็ได้ย้ำว่าเป็นความพยายามสื่อสารข้อเท็จจริงที่เป็นความจริงในช่วงเวลานั้น ซึ่งในสถานการณ์ Covid เป็นสถานการณ์ที่มีพลวัต มี Dynamic และไม่สามารถนำข้อมูล ณ เวลาใดเวลาหนึ่งมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในอีกเวลาหนึ่งได้
“เราเรียนรู้ เราสู้กับ Covid ในสถานการณ์โควิด-19 เราสู้ไปและเรียนรู้ไป เรามีการปรับแผน เรามีการดำเนินการที่จะต่อสู้กับทั้งจำนวนคนไข้ที่มีจำนวนสูงขึ้น เราเตรียมการเรื่องศักยภาพในทุกภาคีเครือข่ายในทุกโรงพยาบาล เพื่อจะรองรับผู้ติดเชื้อที่มีจำนวนมาก เพราะฉะนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ประชาชนได้เข้าใจถึงสถานการณ์ จึงได้ออกมาให้สัมภาษณ์เพราะหวังให้ประชาชนได้มีความเข้าใจ สถานการณ์ในขณะนั้นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือร่วมใจ” รมช.สาธารณสุขกล่าว พร้อมกับชี้แจงอีกว่า
ขณะเดียวกันในทุกภาคส่วนก็มีการเตรียมโรงพยาบาลสนาม ในทุกภาคส่วนมีการคิดถึง Hospitel สำหรับผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ และในขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้มีการคิดโครงการผู้ป่วยที่ไม่มีอาการซึ่งมีสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ 80% ก็คือ Home isolation ก็คือผู้ติดเชื้อที่มีอายุไม่มาก ไม่มีอาการก็สามารถที่จะรักษาตัวที่บ้านได้ภายใต้การกำกับดูแลของโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านหรือโรงพยาบาลที่สามารถดูแล
ซึ่งได้ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลที่ใกล้บ้าน โดยไม่รบกวนศักยภาพของการจัดการเตียงในทุกภาคีเครือข่ายนั้น เพราะฉะนั้นตนคิดว่าในสถานการณ์ที่เราแก้ไขปัญหาสถานการณ์ Covid ในจำนวนผู้ติดเชื้อจากหลักร้อยเพิ่มขึ้นมาเป็นหลักพัน แล้วก็เกินมาเป็นหลักหมื่น เราสามารถที่จะต่อสู้กับสถานการณ์โควิดได้ จนถึงขณะนี้ต้องเรียนว่าสถานการณ์เตียงก็มีความลดน้อยลงเป็นลำดับ
ขณะนี้ต้องบอกว่าเตียงสีเขียวในระบบว่าจะเป็น Hospital หรือในโรงพยาบาลเองก็ว่างแล้วก็สามารถรองรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการได้ จึงอยากจะชี้แจงไปยังเพื่อนสมาชิกว่าสำหรับกรณีที่ท่านนำเอาคลิปของตนที่ให้สัมภาษณ์มาทั้งที่จริงตนไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย แต่อย่างไรก็ตามพวกเราเรียนเพื่อทำความเข้าใจว่าอันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ตนจะสะท้อนความจริงของสถานการณ์ซึ่งในขณะนั้นเป็นสถานการณ์ที่ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่น แล้วก็การรองรับการเตรียมแผนในขณะนั้นอาจจะเข้าขั้นวิกฤต
แต่ถึงขณะนี้และยืนยันว่าสถานการณ์ดีขึ้นโดยลำดับ แล้วก็ถ้าเราสามารถที่จะรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนแล้วก็การรักษามาตรการให้ป้องกันตัวเองมีวินัยและก็เดินหน้าไปพร้อมกันกับการควบคุมและกำกับการฉีดวัคซีนในพื้นที่จะเป็นพื้นที่ในกรุงเทพฯ เองก็ตาม หรือว่าในพื้นที่ในต่างจังหวัดซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ก็มีการจัดการขับเคลื่อนนโยบายให้ฉีดวัคซีนให้กับกลุ่ม 608 ก็คือกลุ่มผู้สูงอายุกลุ่ม ผู้มี 7 โรคเสี่ยง รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ ถ้าเราสามารถขับเคลื่อนฉีดเชิงรุกให้กับกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ได้รับการออกมาตรการ การรักษาวินัยของพี่น้องประชาชนก็จะเดินคู่ขนานกันไปเรายังมีความเชื่อมั่นว่าในอีกประมาณ 4-5 เดือนข้างหน้าสถานการณ์ก็จะดีขึ้นตามลำดับแล้วก็จะสามารถเปิดกิจการได้ตามที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าไว้

0 replies on ““สาธิต” ชี้แจง โควิดเป็นสถานการณ์ที่มีพลวัต นำข้อมูล ณ เวลาใดเวลาหนึ่งมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในอีกเวลาหนึ่งไม่ได้ ยืนยันสถานการณ์ดีขึ้น หากขับเคลื่อนฉีดวัคซีนเชิงรุกควบคู่การรักษาวินัย”