เปลว สีเงิน
ไม้จริง คือ “ไม้มีแก่น”
เช่น ไม้สัก ไม้แดง เต็ง รัง ตะแบก พะยูง ตะเคียน มะค่า ประดู่ ฯลฯ ไม้เหล่านี้ ใช้สร้างบ้าน-สร้างเมือง
หายาก ค่าล้ำทอง
ตรงข้ามกับไม้อีกประเภท ถึงต้นใหญ่ เป็นลำ-เป็นกอ ดูน่าเกรงขาม อย่างเช่น ต้นจามจุรี ต้นฉำฉา ต้นก้ามปู ต้นไผ่ ไม้พวกนี้ กลวง ไม่มีแก่น ยุ่ย
ใช้ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรก
อย่างเก่งแค่ทำลัง-ทำกล่องใส่ของ ทำบ้านให้หมา-ให้แมว ทำฟืน ทำปุ๋ย มากปริมาณ น้อยคุณภาพ ไม่มีราคาค่างวดอะไร
เราทั้งหลาย คิดในเชิงเปรียบเทียบ ก็เช่นนั้น ได้เกิดมาเป็น “คน” ในชาติหนึ่ง
แล้วจะเป็น “ไม้จริง” หรือ “ไม้กลวง” กันล่ะ?
เมื่อวาน (๒๔ มิ ย.๖๔) ดูคนจำพวกหนึ่งในถนน กับคนอีกจำพวกหนึ่งในรัฐสภา อดคิดคำนึงอย่างนั้นไม่ได้
ผู้คนและบ้านเมืองขณะนี้….
ยังคับแค้น ทุกเข็ญ ด้วยสารพัดปัญหาโถมทับไม่พอหรืออย่างไรก็มิทราบ
เห็นแต่ละคน-แต่ละฝ่าย เอา “แต่เขา-แต่เรา” เป็นที่ตั้ง สร้างเรื่อง-สร้างปัญหาเติมเข้าไป
ทำยังกะว่า “บ้านเมืองนี้เป็นของศัตรู” ซึ่งพวกกูไม่ใช่ไทย..ไม่เกี่ยว ต้องก่อกวนให้มันบรรลัยอย่างนั้นแหละ!?
ทำไม….
มีนายกฯ ที่ไม่ยอมยกประเทศให้ “อเมริกัน-ตะวันตก” ใช้เป็นฐานอำนาจเยิ่นกับจีนในภูมิภาคนี้ แล้วเจ็บแค้นแทนไอ้พวกตาน้ำข้าวงั้นหรือ?
ทำไม…
ประเทศนี้ ต้องรัฐบาลระบอบทักษิณ นายกฯ นอมินีทักษิณ โกงเอามาแบ่งกันเท่านั้นหรือ ถึงจะเป็นรัฐบาลที่จานมหา’ลัย เอ็นจีโอ รุ่นใหม่ชังชาติ บอกว่าดี เป็นที่ต้องการ?
และทำไม…
นายกฯ ซื่อสัตย์ต่อชาติ กตัญญูต่อประชาชน และจงรักภักดีต่อสถาบัน มันไม่ดี-ไม่ใช่ ขี้หมู-ขี้หมา จึงต้องไหลมารวมกัน “ไล่มันออกไป” ชนิดไม่เลือกฤดูกาลอย่างนั้นหรือ?
แล้วนี่ เขายกทัพโยธา แยกกัน “ยึดบ้าน-ยึดเมือง” ไปถึงไหนแล้วก็ไม่ทราบ ไข้มันรุมผมมา ๒-๓ วัน จะผงกหัวดู ก็ตาลาย
บ่ายแก่ๆ แหงะหน้าทางจอ ดูพวกผู้ทรงเกียรติในรัฐสภา ว่าเขาถกเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อแหวะช่องเข้าไปกินบ้าน-กินเมืองกันถึงไหน?
พอดี “ประธานชวน” ให้อภิปรายสรุปก่อนโหวต “ร่างแแก้ไขรัฐธรรมนูญ” รายมาตรา ทั้งหมด ๑๓ ฉบับพอดี
“นายสุทิน คลังแสง” สินค้าเอนกประสงค์ของพรรคเพื่อไทย สงสัยทำไร่ถั่วเป็นอาชีพเสริม เพราะพี่แกสรุปชนิดลุยถั่วได้เก่ง
ทีแรก พรรคพลังประชารัฐ ขอบาย คือไม่สรุป รอโหวตเลย แต่อีท่าไหนไม่รู้ มาขออภิปรายสรุปทีหลัง
ฟังแล้ว ก็อยากบอกว่า……
ถ้านายไพบูลย์ “นิ่งเสีย” ก็เป็น “ตำลึงทอง” ดีแล้ว แต่เมื่อลุกขึ้นมาสรุป จากตำลึงทอง เฟื้องเดียวก็แทบไม่เหลือมั้ง? ไม่เหลือจาก “ซีกสว.” นั่นน่ะ!
พูดแบบนั้น เป็นคนอื่น-พรรคอื่น ฟังก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเป็นนายไพบูลย์ซึ่งเทือกเถาเหล่ากอก็สว.เก่าพูด สว.เขาฟังแล้ว ก็ยากจะไม่คิดว่า
ได้ใหม่-ลืมเก่าหรืออย่างไร ถึงได้พูด “ตัดบัวไม่เหลือใย” อย่างนั้น?
นายไพบูลย์ “มือกฎหมายใหญ่” พรรครัฐบาล คงเสียเซลฟ์ ที่หมกเม็ดแก้มาตรา ๑๔๔, ๑๘๕ จากรัฐธรรมนูญปราบโกง ไปเป็น “รัฐธรรมนูญเปิดช่องโกง” แล้วถูกกระต๊ากขึ้นเสียก่อน
ถึงขั้นนายกฯ ต้องเบรก “ไม่เห็นด้วย-ไม่เอาด้วย” ทำเอานายไพบูลย์ “เสียหน้า-เสียฟอร์ม” อารมณ์เลยบ่จอย
พอถูกสว. “พลเอกสิงห์ศึก” อภิปรายกระทบเข้าหน่อย “หลุดเลย”!
แล้วต้องทำอย่างที่รับปากให้ได้นะ ที่ขอให้สว.เขาโหวตให้ผ่าน แล้วในวาระ ๒ ชั้นกรรมาธิการ จะเสนอให้แก้กลับไปใช้ตามหลักการ “ปราบโกง” เหมือนเดิมนั่นน่ะ
จะว่าไปแล้ว “นายกฯประยุทธ์” นี่….
เดี๋ยวนี้ ประสาทสัมผัส “การเมืองเพื่อประชาชน” ไวมาก!
ทันทีที่ภาคประชาสังคมโวย…
“พลังประชารัฐ” หมกเม็ด แก้จาก “ปราบโกง” ไปเป็น “แง้มประตูโกง”
นายกฯ ยกมือค้านตั้งแต่นอกสภาก่อนเลย “ไม่เอา..เราไม่เห็นด้วย”!
กู้เรือ “พลังประชารัฐ” ได้ทันควัน ไม่งั้น หงายท้องตกน้ำกันทั้งลำ ลุงป้อม พี่ป๊อก จมจุ๊ยไปด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ
ไวต่อการเมืองภาคประชาชนแบบนี้ ก็หมายความว่า จะบัตรใบเดียว บัตร ๒ ใบ จะเลือกตั้งแบบไหน
ประยุทธ์ “พร้อม” ทุกเวที-ทุกกติกา ว่ามาเลย!
ฉะนั้น จึงไม่แปลก เถิ่งตาดูตั้งแต่ ๑๖.๔๑ น. ที่เขาเรียงคิว “๗๐๐ สส.-สว.” ให้ขานชื่อโหวตทีละคน แค่ ๒ ทุ่มกว่า ก็เห็นขั้นต้นแล้วว่า
“เสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา”
ที่เห็นชอบให้แก้ไขเป็น สส.เขต ๔๐๐ ปาร์ตี้ลิสต์ ๑๐๐ และใช้บัตร ๒ ใบ
เฉพาะ “เสียงเห็นชอบ” ซีกวุฒิสมาชิก เกินกว่า ๑ ใน ๓ ของจำนวนสว.ตามมาตรา ๒๕๖ กำหนดแล้ว คือ มีสว.เห็นชอบแล้วเกิน ๘๔ คน
ฉะนั้น ประเด็นนี้ จะแก้ได้หรือไม่ได้ ก็อยู่ที่จำนวนทั้งเสียงสองสภา รวมแล้วจะได้ “กึ่งหนึ่ง” หรือไม่เท่านั้น
แต่เท่าที่ฟังขานชื่อยัน ๔ ทุ่ม ขยุ้มๆ ตัวเลขโหวต คงสัยฉบับของพลังประชารัฐกับของเพื่อไทย ๔ ฉบับ
ท่าจะแป๊วววว!
ทั้ง “สวิตซ์สว.” ที่จะปิด ดูท่าแล้ว “สวิตซ์ค้าง”!!!
ก็มาดูกัน ว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง ๑๓ ฉบับ ประเด็นหลักๆ เขาเสนอแก้อะไรกันบ้าง?
๑.) แก้ไขมาตรา ๒๙, ๔๑, ๔๕, ๘๓, ๘๕, ๘๖, ๙๐, ๙๑, ๙๒, ๙๔, ๑๔๔,๑๘๕ และ ๒๗๐
(ก้าวก่ายแทรกแซงการจัดทำงบประมาณและการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้)
-นายไพบูลย์ นิติตะวัน พรรคพลังประชารัฐ เสนอ
๒.) แก้ไข มาตรา ๒๕, ๒๙, ๒๙/๑, ๓๔, ๔๕, ๔๗, ๔๙/๑ และ ๑๒๙ (หมวดสิทธิเสรีภาพ)
-นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ พรรคเพื่อไทย เสนอ
๓.) แก้ไข มาตรา ๘๓, ๘๕, ๘๖, ๙๐, ๙๑, ๙๒ ยกเลิกมาตรา ๙๓, ๙๔ (ให้มี ส.ส.เขต ๔๐๐ ปาร์ตี้ลิสต์ ๑๐๐ ใช้บัตร ๒ ใบ)
-นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เพื่อไทย เสนอ
๔.) แก้ไข มาตรา ๑๕๙ ยกเลิกมาตรา ๒๗๒(ปิดสวิตซ์สว.ร่วมเลือกนายกฯ)
-นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เพื่อไทย เสนอ
๕.)ยกเลิก มาตรา ๖๕, แก้ ๑๔๒, ๑๖๒ ยกเลิกมาตรา ๒๗๐, ๒๗๑, ๒๗๕ และ ๒๗๙ (ยุทธศาสตร์ชาติและบางอำนาจสว.)
-นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เพื่อไทย เสนอ
๖.) แก้มาตรา ๖๕ (ยุทธศาสตร์ชาติ)
นายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย เสนอ
๗.) แก้ไขมาตรา ๕๕/๑ (หลักประกันรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า)
-นายอนุทิน ชาญวีรกูล ภูมิใจไทย เสนอ
๘.) แก้ไขมาตรา ๒๙, ๔๓, ๔๖, ๗๒ (เพิ่มสิทธิประชาชน)
-นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พรรคประชาธิปัตย์ เสนอ
๙.)แก้ไขมาตรา ๒๕๖ (ปิดสวิตซ์สว.ไม่ให้มีส่วนร่วมในการแก้รัฐธรรมนูญ)
-นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประชาธิปัตย์ เสนอ
๑๐.) แก้ไขมาตรา ๒๓๖, ๒๓๗ (แก้วิธีตรวจสอบป.ป.ช.)
-นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประชาธิปัตย์ เสนอ
๑๑.) แก้ไขมาตรา ๑๕๙ และยกเลิกมาตรา ๒๗๒ (ปิดสวิตซ์สว.ร่วมเลือกนายกฯ)
-นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประชาธิปัตย์ เสนอ
๑๒.) แก้ไขมาตรา ๗๖/๑, ๗๖/๒, ๒๔๙, ๒๕๐, ๒๕๑, ๒๕๒, ๒๕๓, ๒๕๔ เพิ่ม ๒๕๐/๑ (กระจายอำนาจท้องถิ่น)
-นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประชาธิปัตย์ เสนอ
๑๓.) แก้ไขมาตรา ๘๓, ๙๑ (แก้ระบบเลือกตั้ง ส.ส.เขต ๔๐๐ ปาร์ตี้ลิสต์ ๑๐๐ ใช้บัตรเลือกตั้ง ๒ ใบ)
-นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประชาธิปัตย์ เสนอ
แล้วมีฉบับไหนผ่าน-ไม่ผ่านบ้างล่ะ ท่านก็ตามดูข่าวเอาแล้วกัน
ยันต์มหาอุด “อาจารย์มีชัย” เขาขลังจริง!