นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา ได้กล่าวถึงกรณีที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล พรรคเพื่อไทย และเลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้ออกมากล่าวหานายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เรื่องการไม่บรรจุญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ทั้งฉบับว่า
ยืนยันการทำหน้าที่ของนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ยึดรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับอย่างเคร่งครัด เป็นกลาง ตรงไปตรงมา ให้เกียรติและเคารพทุกคน สร้างบรรทัดฐานของรัฐสภา ยึดมั่นหลักนิติธรรม การจะมากล่าวหาว่าขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญของประชาชน เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงทั้งสิ้น
นายชูศักดิ์ ศิรินิล พรรคเพื่อไทย เป็นถึงครูบาอาจารย์ต้องย้อนกลับไปดูหลักการรัฐธรรมนูญและข้อบังคับให้ชัด รวมไปถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ประกอบด้วย ไม่ใช่คิดจะทำตามอำเภอใจตนโดยไม่มีหลัก พอไม่ได้ดั่งใจก็ออกมาโวยวายไม่สมราคาของฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรเลย
ข้อเท็จจริงยุติว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1 เป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ย่อมมีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 อันเป็นการแก้ไขหลักการสำคัญที่ผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญดั้งเดิมต้องการปกป้องคุ้มครองไว้
หากรัฐสภาต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วย จึงดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงมิใช่ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตราตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรคสี่ ฉะนั้นประธานรัฐสภาจะบรรจุร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเข้าระเบียบวาระการประชุมตามข้อ 119 ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ได้ จึงจะต้องเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยว่าต้องเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นรายมาตรา
ไม่มีอะไรสลับซับซ้อนเมื่อร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวไม่ใช่ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตราตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ประธานรัฐสภาจึงไม่สามารถบรรจุร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับดังกล่าว เข้าระเบียบวาระการประชุมของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาได้
นายราเมศกล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวมีการประชุมคณะกรรมการประสานงานและเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ประกอบการพิจารณาด้วยเหตุและผล โดยยึดรัฐธรรมนูญและข้อบังคับประกอบด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วย
แต่ก็ชัดเจนว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวยังไม่ตกไปตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 105 ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จะตกไป แค่ 2 กรณีคือ 1 รัฐสภาลงมติไม่รับหลักการ 2. รัฐสภาลงมติไม่เห็นชอบในวาระที่สาม เมื่อร่างยังไม่ตกไป หากต่อไปมีข้อกฎหมายในเรื่องว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันต่อไป
นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า หยุดให้ร้ายนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่พรรคเพื่อไทยใช้ถ้อยคำว่า “อย่าทิ้งภาระให้ลูกหลาน ประธานสภาอย่าขัดขวางรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” ล้วนแล้วแต่บิดเบือนทั้งสิ้น คนอย่างนายชวน มีแต่คิดและทำสิ่งดีๆให้ลูกหลาน คนรุ่นหลังมากมาย ไปโรงเรียนได้ดื่มนม คือโครงการนมโรงเรียน มีอาหารกลางวัน จัดตั้งอนุบาลชนบท มีกองทุนให้ลูกหลานที่ขาดแคลนได้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กยศ ขณะนี้มีลูกหลานกว่า 6 ล้านคน ได้รับโอกาส กระจายโอกาสทางการศึกษาริเริ่มให้มีการขยายมหาวิทยาลัยไป 11 จังหวัด
หากพรรคเพื่อไทยฉลาดคิดและจดจำคงไม่มีการใช้ถ้อยคำที่บิดเบือนแบบนี้ แต่สิ่งสำคัญนายชวนไม่เคยทิ้งภาระหนี้สินที่เกิดจากการโกงชาติบ้านเมืองไว้ให้ลูกหลาน และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่รับมาตั้งแต้ต้น หากฝ่ายค้านนำเสนอถูกต้องตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับไม่มีใครขวางได้แน่นอน ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
เมื่อครั้งที่มีกรณีมีการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเรื่องนายกรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณ ศาลมีคำสั่งไม่รับคำร้อง ฝ่ายรัฐบาลบอกว่าเรื่องดังกล่าวยุติแล้วคำวินิจฉัยผูกพันรัฐสภา ห้ามไม่ให้มีการอภิปราย ประธานรัฐสภาคนที่ชื่อชวน หลีกภัย คนนี้วินิจฉัยว่าเป็นคำสั่งศาลไม่ใช่คำวินิจฉัย ไม่มีผลผูกพันรัฐสภา ฝ่ายค้านสามารถอภิปรายญัตติการอภิปรายทั่วไป ตามญัตติที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านกับอีก 205 คนได้เสนอเพื่อสอบถามกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ได้ตอนนั้นทำไมไม่โวยวายบ้างว่าไม่เป็นกลาง หากความจำสั้นพรรคเพื่อไทยไปค้นดูรายงานการประชุมรัฐสภาวันที่ 18 กันยายน 2562 ก็จะพบคำตอบ