สถานการณ์ระส่ำของวัคซีน – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ด่ากันขรม!

            วัคซีนขาด

            วัคซีนไม่พอ

            รัฐบาลปิดบังข้อมูล

            รัฐบาลบริหารวัคซีนผิดพลาด

            โรงพยาบาลหลายแห่งพร้อมใจประกาศเลื่อนฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ได้นัดหมายเอาไว้ เพราะไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีน

            ครับ…ย้ำมาหลายครั้งว่าจุดอ่อนของรัฐบาลและ ศบค.คือ การสื่อสารกับประชาชน

            วัคซีนถูกโจมตีมาตลอด ตั้งแต่แทงม้าตัวเดียว สยามไบโอไซเอนซ์ การไม่เข้าร่วม ‘โคแวกซ์’ เรื่อยไปจนถึงการบูลลี่วัคซีน ซิโนแวควัคซีนเซินเจิ้น แอสตร้าเซนเนก้าวัคซีนฉีดแล้วตาย ฯลฯ

            ประเด็นเหล่านี้นำไปสู่การเข้าใจผิดอย่างกว้างขวาง แต่การอธิบายจากภาครัฐต่ำเตี้ยจนกองหนุนรัฐบาลจำนวนมากยังเหนื่อยหน่ายกับการช่วยชี้แจงแทน

            กรณีโรงพยาบาลนมะรักษ์ ประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีน และแถมท้ายว่า 

            “หากมีข้อสงสัยติดต่อคอลเซ็นเตอร์ หรือ ติดต่อรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสอบถามสาเหตุความไม่พร้อมของวัคซีน สำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง”

            อย่าไปโกรธโรงพยาบาลครับ

            เมื่อความจริงมันเป็นแบบนั้น ก็ควรจะส่งต่อไปยังผู้รับผิดชอบในการกระจายวัคซีน

            สิ่งแรกที่รัฐบาลและ ศบค.ควรจะพูดกับประชาชนตรงๆ คือ แต่ละสัปดาห์มีวัคซีนเข้ามาเท่าไหร่ กระจายไปเท่าไหร่

            รวมถึงการประมาณการในสัปดาห์ถัดไปว่าจะมีจำนวนรอให้ประชาชนฉีดเท่าไหร่

            ไม่ต้องอาย ไม่ต้องกลัวเสียคะแนน การไม่พูดต่างหากจะยิ่งทำให้ความนิยมในตัวรัฐบาลลดน้อยถอยลง

            อย่างที่ คุณหมอโอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์กับ “มติชน” วานนี้ถือว่าถูกต้องครับ

            “มั่นใจได้ว่า ประเทศไทยจะมีวัคซีนมาฉีดอยู่ตลอด แต่ตัวเลขจะอยู่ที่เท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับการผลิตของแต่ละบริษัทวัคซีนฯ อย่างไรก็ตาม ในเดือนมิถุนายนนี้ เรามีวัคซีนฉีดรวมแล้วมากกว่า ๖ ล้านโดส แน่นอน และจะมีเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ”

                เราทำแผนแจ้งกับบริษัทวัคซีนฯ ว่า วัคซีนทั้งสิ้น ๖๑ ล้านโดส เรามีแผนจะฉีดถึงสิ้นปีนี้ โดยความสามารถในการฉีดประมาณ ๑๐ ล้านโดสต่อเดือน ซึ่งก็รับทราบร่วมกันมาตลอด

                แต่ก็จะมีการปรับแผนฉีดให้สอดคล้องกับวัคซีนที่ได้รับแต่ละล็อตด้วย

                ดังนั้น จึงไม่ใช่ตัวเลขที่บริษัทฯ จะจัดส่งให้กับเรา เพราะขณะนี้วัคซีนไม่ใช่สินค้าทั่วไปที่มีอยู่แล้วและไปซื้อมาได้เลย

                นอกจากนั้น โรงงานผลิตตั้งอยู่ในประเทศเรา จึงเป็นการผลิตไป ใช้ไป ทยอยออกมา

                ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการส่งออกวัคซีนไปต่างประเทศ โรงงานผลิตส่งมอบให้บริษัทฯ เท่าไร เขาก็ส่งมอบมาให้เราทั้งหมด

                ข้อมูลนี้ ทาง ศบค.เองก็รับทราบมาโดยตลอด ดังนั้น เมื่อมีการตรวจรับวัคซีนแต่ละล็อต กรมควบคุมโรคก็กระจายออกไปตามคำสั่ง ศบค.”

            ถ้ามีการบอกข้อมูลแบบนี้กับประชาชนตั้งแต่แรกเริ่ม ปัญหาด่าแล้วลากมาตบมันไม่มีหรอกครับ หรือถ้ามีพวกที่ด่าก็คือพวกเหลือขอ

            มันเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะแทบทุกประเทศในโลกล้วนเจอปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบวัคซีน

            ย้ำนะครับ สำหรับประเทศไทยเป็นไปไม่ได้ที่จะฉีดวัคซีนครบ ๕๐ ล้านโดส ภายใน ๓-๔ เดือน ฉะนั้นต้องมีคนได้ฉีดในเดือนที่ ๔ ที่ ๕ นับจากวันนี้

            และทั่วโลกก็เป็นแบบนี้

            นี่คือสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน

            ลองไปดูเหตุการณ์รอบโลกเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองครับ อียู กับอเมริกา อังกฤษ ก็ทะเลาะกันเรื่องการส่งออกวัคซีน

            ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อยากเล่นบทซูเปอร์ฮีโร่ สนับสนุนให้องค์การการค้าโลก ยกเลิกสิทธิบัตรวัคซีนป้องกันโควิด เพื่อเปิดทางให้บริษัทยาต่างๆ ผลิตวัคซีนโดยไม่ต้องเกรงการฟ้องร้องจากไฟเซอร์ หรือแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อแก้ปัญหาวัคซีนขาดแคลน

            แต่ผู้นำสหภาพยุโรป ที่อยู่ระหว่างการประชุมสุดยอดที่โปรตุเกส มองว่าแนวคิดของไบเดน ไม่ใช่ทางออกสำหรับปัญหาเร่งด่วน

            แถมยังแสดงความไม่พอใจที่ไบเดน พยายามอ้างคุณธรรมสูงส่งในการตัดสินใจ ขณะที่สิ่งที่ไบเดน ควรทำมากกว่าคือ การยกเลิกการห้ามส่งออกวัคซีนและวัตถุดิบใช้ในการผลิต

            สหรัฐและอังกฤษ ไม่ได้ออกมาตรการห้ามส่งออกอย่างเป็นทางการ

            แต่รัฐบาลวอชิงตัน ใช้กฎหมายการผลิตเพื่อป้องกันประเทศ (Defense Production Act) มาใช้บังคับผู้ผลิตให้ส่งวัคซีนภายในประเทศก่อนที่จะรับคำสั่งซื้อจากรัฐบาลประเทศอื่น

            ส่วนสัญญาที่รัฐบาลอังกฤษทำกับ แอสตร้าเซนเนก้า ก็กำหนดให้ความสำคัญในการจัดส่งวัคซีนภายในอังกฤษลำดับแรกก่อน

            ส่งออกเอาไว้ทีหลัง

            ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ประกาศว่า สิทธิบัตรไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วนอันดับแรก “ขอเรียกร้องอย่างชัดเจนไปยังสหรัฐอมริกา เลิกห้ามส่งออก ไม่ใช่แค่วัคซีน แต่ส่วนประกอบของวัคซีนที่ทำให้การผลิตไม่อาจทำได้ กุญแจสำคัญในการผลิตวัคซีนให้ประเทศยากจน และกำลังพัฒนาได้เร็วกว่าเดิม ก็คือต้องเพิ่มการผลิต และยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออก”

            เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วนะครับ

            ประเทศร่ำรวยเองก็ยังมีปัญหาวัคซีนไม่พอ

            กลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศที่ต้องแก้ไข

            สำหรับไทย กรณีไต้หวัน เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า ความต้องการวัคซีนของแต่ละประเทศมีมากกว่าจำนวนที่ผลิตได้จริง

            แอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตจากโรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ จนถึงวันนี้ยังไม่มีปริมาณมากพอที่จะส่งออกไปประเทศไหนได้เลย

            นอกจากส่งให้คนไทยได้ฉีดกันก่อน

            ซิโนแวค จากจีนเขามาล็อตละ ๕ แสน ถึง ๑ ล้านโดสเท่านั้น

            ไม่มีหรอกครับที่ละ ๑๐-๒๐ ล้านโดส เพราะจีนเองยังฉีดไม่ครบ

            ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ก็ไม่ต่างกัน ต่อให้ดีลมาตั้งแต่ต้นปี การส่งมอบล้วนทยอยไปเรื่อยๆ และใช่ว่าจะตรงเวลา

            ฉะนั้น นี่คือสถานการณ์จริงของวัคซีนทั่วโลก

            ไทยเร่งฉีดได้กว่า ๖ ล้านโดส ก็ไม่ถือว่าเลวร้าย เพราะเป็นอัตราก้าวกระโดดมากกว่าหลายๆประเทศ

            เพียงแต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและ ศบค. ต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงสถานการณ์

            การบอกประชาชนว่าทุกอย่างดีไปหมด ไม่มีปัญหาเลย วัคซีนไม่ขาด มันไม่สามารถตอบคำถามการถูกเลื่อนฉีดได้

            ปัญหานี้แก้ไม่ยาก แค่ปรับวิธีการสื่อสาร

            และนักการเมืองเลิกคิดแต่เรื่องคะแนนเสียง

            ต้องบอกสถานการณ์ที่แท้จริงกับประชาชน

Written By
More from pp
สมเด็จพระวันรัต หนุนโคก หนอง นา เตรียมมอบที่ดินให้กรมการพัฒนาชุมชน ช่วยสงเคราะห์เด็กและประชาชน
8 พฤษภาคม 2564 เวลา 13.00 น. ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วย...
Read More
0 replies on “สถานการณ์ระส่ำของวัคซีน – ผักกาดหอม”