เปลว สีเงิน
อาทิตย์ ๒๑ กรกฎา.นี้ก็ “เข้าพรรษา” แล้วนะ
พรุ่งนี้ก็ “หยุดยาว ๓ วัน”
บาป-ให้รัฐบาลเขาทำ ส่วนบุญ เราทั้งหลาย จงเร่งกระทำกันเถิด
“บุญ” จะต้องใช้เงินเท่าไหร่ซื้อ?
คำตอบคือ บุญซื้อไม่ได้ด้วยเงิน
แค่ช่วยกันป้องกันไม่ให้คนเลวเข้าไปมีอำนาจโกงบ้าน-กินเมือง แค่นั้น “บุญเกิดแล้ว” กับเราทั้งหลาย
บุญจากการ “ยกคนดี-เหยียบคนชั่ว” อานิสงส์ไพศาลต่อประเทศชาติบ้านเมือง เทวาทุกชั้นพิทักษ์ พร้อมใจอวยชัยให้พร
แต่ถ้าชาติบ้านเมืองใด……..
ผู้นำยอมเป็นหัวให้คนชั่วเชิด ชาติบ้านเมืองนั้น จะเกิดอาเพช จากเหตุ ๔ ประการ
ผีป่าจะเข้าธานี ประชาชีจะสิ้นสุข เทวษทุกข์จะเป็นทัณฑ์ ประลัยกัลป์ดุจล้างโลก โศกสลบ สู่สำนึกนั้นแล ทางรอด จากฟ้าดินพิโรธ
ก็ดูกันไป ใครที่ชอบประชดประชันว่า “ทำชั่วได้เป็นเทวดา ทำดีได้เป็นเสนาบดีขี้ข้า” ก็จะได้เห็นกันในไม่ช้านี้แล้ว!
กลับมาดูความงอกงามประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภาของไทยกันบ้าง
อังคาร ๒๓ กรกฎา.ที่สัปปายสภาสถาน
มีการประชุม “เปิดบริสุทธิ์” ๒๐๐ สว.เป็นนัดแรก
เลือก “ประธานวุฒิสภา” และรองประธาน ที่ ๑-๒
รวม ๓ ตำแหน่ง!
ต้องบอกว่า ๒๐๐ คนนั้น เป็นใคร มาจากไหน ไม่มีใครรู้จัก แต่ต้องเรียกท่านว่า “ท่านวุฒิสมาชิกผู้ทรงเกียรติ”
ผมไม่มีความเห็นเป็นอื่น…….
เมื่อท่านได้เข้ามาทำหน้าที่ตามกติการัฐธรรมนูญ จะด้วยตรงหรือด้วยคด เรื่องของท่าน
ส่วนเรื่องของผม คือ ยินดีกับทุกท่านที่ผ่านเข้ามาได้
ทั้ง ๒๐๐ ท่าน อย่าหวั่นไหวกับเสียงกระแนะ-กระแหนใดๆไปเลย ต่อให้เทวดาปลอมตัวชุบสีลงมาเป็น เสียงยี้ก็จะมีตอบสนองแบบเดียวกัน
เป็นสว.เรื่องของท่าน ตามสอย เป็นเรื่องของกกต.!
ในความที่เหล่าท่านเป็น “โอปปะปาติกะ” คลอดจากครรภ์รัฐธรรมนูญปราบโกงจุติลงมาเป็นเทพ ๒๐๐ สว.ที่ต่าง “งงหน้า” ซึ่งกันและกัน
ก็ไม่ต้องงไปหรอก
เพราะสื่อผู้ชำนาญการทั้งหลาย เขาจำแนกสายพันธุ์ จัดหมวดหมู่ให้เสร็จสรรพแล้วว่า ใครเป็นพวกไหน สายพันธุ์ไหน และสีไหน?
ขณะนี้ สื่อแบ่งกลุ่มให้เป็น ๓ กลุ่ม
กลุ่ม “บ้านใหญ่” สีน้ำเงิน มากสุด เขาว่ามีถึง ๑๔๐ +-
อีกกลุ่ม เรียกกลุ่ม “พันธุ์ใหม่”
มันใหม่ตรงไหน ผมก็ยังงงๆ อยู่ ถ้าใหม่ตามเทรนด์ “เอเลี่ยน สปีชี่ส์” ก็ต้องเรียกว่า ใหม่สายพันธุ์ “แว่นคางส้ม”!
เพราะใหม่กลุ่มนี้ ……
มาจากส้มกับแดงที่แข่งกันชิง “หมูในอวย” ที่เขาหมายมั่น วางแผน คิดพิชิตค่ายกลซะดิบดี ยังไงๆ ต้องได้ทะลัก-ทลาย เข้ามาคุมทั้งสภาบน-สภาล่าง
เอาเข้าจริง “หมูหก-ตกอวย” ชีช้ำกะหล่ำปลี ไหลเข้าปากบ้านใหญ่ “สีน้ำเงิน” หมด
“ส้ม-แดง” กะริบ-กะร่อย ม่อยกระรอก!
ฝันสลาย ประชด “ลบสี” ทิ้งไป สถาปนาเป็นกุ้งฝอยพันธุ์ใหม่ เพื่อให้มันเข้าใจง่ายขึ้น ตั้งให้เป็นใหม่ สายพันธุ์ “แว่นคางส้ม” ก็แล้วกัน
อีกกลุ่ม เป็นกลุ่มที่ ๓ เรียกว่า “กลุ่มสวิตเซอร์แลนด์” คือเป็นกลาง น้ำเงินแตะๆ คางส้มแวะนิดๆ รวบรวมกันได้ ๓๐+ –
คร่าวๆ ประมาณนี้ ผมก็จำขี้ปากกากข่าวมาขยำเล่าต่อ เพื่อปูพื้นในการตามข่าว ว่าใครกลุ่มไหน-สีไหน จะได้งงน้อยหน่อยเวลาดูข่าว
กลุ่ม “สีน้ำเงิน” เรียกให้ชัดๆ นะครับว่า “สีน้ำเงิน” ไม่ใช่ “สีเงิน” เดี๋ยวจะกลายเป็นผมไป ว่าคือ “บ้านใหญ่”
บ้านผมน่ะ เล็กนิดเดียว อาศัยว่าหลายไร่หน่อยเท่านั้นเอง (นานๆ ได้อวดรวย ครึ้มจัง)
พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ “นายพลกระดูกเหล็ก” อดีตแม่ทัพภาค ๔ ตกเครื่องบินแอ้งแม้ง พกหลวงพ่อทวด เลยรอดตาย เผลอๆ จะได้เป็น “ประธานวุฒิฯ” เอาด้วยซ้ำ
หรือไม่ก็เป็น “นายมงคล สุระสัจจะ” อดีตผวจ.บุรีรัมย์
๒ ท่านนี้ เกจิเขาว่า ใคร “ตัวจริง-ตัวหลอก” ยังก้ำกึ่ง
เพราะอาจมี “บุคคลที่ ๓” เป็น “ตัวจริง” เปิดหน้าในวันอาสาฬหบูชา ที่ ๒๒ กรกฎา.นี้ก็เป็นได้
บ้านใหญ่ “สีน้ำเงิน” เขาก็เงี้ย….
ตื้นๆ ไม่
ลึกๆ และที่เซอร์ไพรส์ เปิดแต่ละที สะดุ้งกันไปทั้งกระดานการเมือง นั่นละ เขาละทำ!
“บ้านใหญ่” คือบ้านใคร?
บ้านใครก็ช่าง และใครจะเป็นประธานวุฒิสภาก็ช่าง
เพราะ “สีน้ำเงิน” เป็นสีแถบใหญ่สุดในผืนธงไตรรงค์ เมื่อ ๑๔๐ ในจำนวน ๒๐๐ สว.ประกาศเป็น “สีน้ำเงิน”
บ้านเมืองก็ “เบาใจ”
ถ้าสีส้ม-สีแดง ขึ้นมาเป็นใหญ่ คุมทั้งสภาบน-สภาล่าง บ้านเมืองก็ “หนักใจ”
มันก็เท่านั้น ไม่มีลับลมคมนัยอะไรสำหรับผม ประเด็นนี้
แต่เห็น สว.นันทนา นันทวโรภาส “ผู้ประกาศเป็นกลุ่มสายพันธุ์ใหม่” มีราวๆ ๓๐ คน บอกว่าเพื่อเป็นการกอบกู้สว.จะเสนอชิงทั้ง ๓ ตำแหน่ง
คือประธานวุฒิฯ และรองอีก ๒ ตำแหน่ง ถ้าได้ งานแรกที่สว.สายพันธุ์ใหม่ จะเริ่มทำ คือ
“กติกาการได้มาซึ่ง สว.ที่ประชาชนรู้สึกว่าไม่ปกติ และเรียกได้ว่าเป็นกติกาที่วิปริต
โดยเริ่มต้นจากสภาผู้แทนราษฎร เสนอแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยหมวดการได้มาซึ่ง สว.
อีกทั้งผลักดันปัญหาของประชาชน เช่น ปัญหาเรื่องทับลาน, ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกรณีของเยาวชนถูกจองจำโดยไม่ได้รับการประกันตัว
“เราจะต้องรีบผลักดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”
อย่างไรก็ตาม แม้กลุ่มพันธุ์ใหม่จะมีจำนวน สว.ไม่มาก แต่จะแสดงคุณภาพ ศักยภาพให้ทุกคนเห็น”
ก็ขอให้สมอยาก แต่ขอ (เสือก) เสนอเติมอีกเรื่องนะ….
ทราบว่าท่าน สว.นันทนาอยู่ในแวดวงอาจารย์มหา’ลัย สอนอยู่ “มหาวิทยาลัยเกริก” ใช่มั้ย?
ช่วยกระชากหน้ากากพวกมหา’ลัย “ขายใบปริญญา” กู้ความเชื่อถือมาตรฐานสถาบันอุมดมศึกษาไทยให้กลับคืนมาซักทีด้วยเถอะ
มันมีเยอะจริงๆ เยอะพอๆ กับพวกลูกมือ-ลูกตีนนักการตามกระทรวง ตามสภาบางคน
เอาตำแหน่งที่ปรึกษาบ้าง-ผู้ติดตามบ้าง ตำแหน่งอะไรก็ได้ที่อุปโลกน์ขึ้นมาไปขายให้คนบางจำพวกได้ “บัตรติดหน้าอก” เพื่อเดินเข้า-เดินออก ตามสภา-ตามกระทรวง นั่นน่ะ
แต่ว่า ท่าน สว.นันทนา อาจหลงในอำนาจหน้าที่ของสว.สับสนไปหน่อยนะ
อย่างเรื่องที่ยกมา การแก้กฎหมาย แก้กฎกติกาการได้มาซึ่งสว.เหล่านั้น นำไปพูดเอามัน เอาฮา ตามเวที “โต้วาที” สลับขายยา พอได้
แต่นำมาพูดเป็นตุ-เป็นตะแบบนี้ อาจทำให้แฟนคลับสายพันธุ์ใหม่ “บอดบี้” ตามไปด้วย
เพราะการแก้กฎหมาย อะไรต่างๆ นานา มันเป็นหน้าที่สส.เขา ส่วนสว.มีหน้าที่พิจารณาและกลั่นกรองกฎหมาย ที่สภาผู้แทนเขาส่งขึ้นมาให้วุฒิสภากลั่นกรองเป็นหลักเท่านั้น
ที่เล่นเป็น ต้องยกให้ “สว.กลุ่มอิสระ”!
เก๋าเกมและเก๋ากึ๊ก แถม “รู้เขา-รู้เรา” เท่าที่สดับตรับฟัง กลุ่มยกให้ “นายบุญส่ง น้อยโสภณ” เป็นหัวหน้ากลุ่มกรายๆ
ไม่เข้าฝ่ายใด
แต่จะเสนอนายบุญส่งเข้าชิงตำแหน่ง “รองประธานวุฒิสภา” คนที่สอง ส่วนประธานและรองคนที่ ๑ ยกให้สีน้ำเงิน
เหตุผลเขาน่าฟัง คือเขาบอกว่า…
“นายบุญส่งมีความรู้ประสบการณ์ทางด้านกฎหมายสูง เป็นที่ปรึกษา “นายศุภชัย สมเจริญ” อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่สองมาแล้วถึง ๕ ปี ทำให้รู้ระบบงานวุฒิสภาเป็นอย่างดี
ถ้าหาก “นายมงคล สุระสัจจะ” หรือ “พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์” คนใดคนหนึ่งเป็น “ประธานวุฒิสภา” ทั้งสองคนไม่ใช่สายนักกฎหมาย
จึงจำเป็นต้องมี “รองประธานวุฒิสภา” ที่มาจากสาย “นักกฎหมาย” ไปช่วยงาน
แล้วสว.บุญส่งคนนี้ คือใคร?
เป็นอดีตผู้พิพากษา เคยทำงานในตำแหน่งบริหารของศาล เช่น อดีตอธิบดีศาลอุทธรณ์ภาค ๗ และยังเป็น “อดีตกกต.” ด้วย!
นี่ถ้าเป็นไพ่นะ สีน้ำเงินกับอิสระ แบจะจะขนาดนี้ ถ้า “แว่นคางส้ม” ยังอ่านแต้มไม่ออกละก็
รีบไปร้าน “แว่นท็อปเจริญ” ด่วนจี๋เลยนะ!
เปลว สีเงิน
๑๙ กรกฏาคม ๒๕๖๗