ผักกาดหอม
ผ่านไปแล้ว…
พ.ร.ก.เงินกู้ ๕ แสนล้านบาท
ชื่อเต็มว่า พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๖๔
สภาผู้แทนฯ ลงมติ เห็นด้วย ๒๗๐ เสียง
ไม่เห็นด้วย ๑๙๖ เสียง
งดออกเสียง ๑
ไม่ออกเสียง ๒
จำนวน ส.ส.ลงมติ ๔๖๙ คน
ขณะที่จำนวน ส.ส.ปัจจุบัน ๔๘๙ เสียง
เท่ากับว่าหายไป ๒๐ คน
อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างระหว่างรัฐบาลกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มีถึง ๗๔ เสียงนั้น สามารถอธิบายอะไรได้มากพอควร
งานนี้มีสิ่งที่ฝ่ายค้านเรียกว่า “งูเห่า” ปรากฏตัวขึ้นอีกคำรบ
ก้าวไกล ๔ คนคือ ขวัญเลิศ พานิชมาท, นายคารม พลพรกลาง, เอกภพ เพียรพิเศษ และพีรเดช คำสมุทร โหวตให้รัฐบาล
๔ ส.ส. แสดงตัวชัดเจน นั่งในห้องประชุมสภาร่วมกับ ส.ส.ภูมิใจไทยตลอดการอภิปราย พ.ร.ก.เงินกู้ ๕ แสนล้านบาท
เพื่อไทย ๗ คน จักรพรรดิ ไชยสาส์น, ไตรรงค์ ติธรรม, พรพิมล ธรรมสาร, ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ, สมคิด เชื้อคง, สมบัติ ศรีสุรินทร์ และอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ เป็นมนุษย์ล่องหน
ภูมิใจไทย ยังคงเป็นที่ภาคภูมิของ เสี่ยหนู อนุทิน
จำได้มั้ยครับ “กรวีร์ ปริศนานันทกุล” อภิปรายถล่มลุงตู่อย่างแรง
“การกู้เงินในนาทีนี้ ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญกว่านั้นคือต้องกู้หน้านายกฯ และรัฐบาล สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องกู้ความเชื่อมั่น ถ้ากู้ความเชื่อมั่นกลับมาไม่ได้ ต่อให้กู้เงินอีกเท่าไร ก็แก้ปัญหาไม่ได้”
ถึงเวลาโหวตก็เรียบร้อยเป็นผ้าพับ
ก็สรุปได้ว่า ฝ่ายรัฐบาลยังคุมเสียงในสภาอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ฝ่ายค้านอยู่ในสภาพ บ้านแตก
เห็นไล่รัฐบาลกันโครมๆ ด้วยเหตุผลสารพัด บริหารไม่เป็น คอร์รัปชันกว้างขวาง เสถียรภาพรัฐบาลง่อนแง่นเต็มทน ไม่มีใครเอาแล้ว
งั้นลองมาเช็กเสียง ส.ส.ในสภากันหน่อย พรรคไหนได้เก้าอี้เพิ่ม-ลด ณ ปัจจุบันตัวเลขอยู่ที่เท่าไหร่
เพื่อไทย ๑๓๔
พลังประชารัฐ ๑๒๒
ภูมิใจไทย ๖๑
ก้าวไกล ๕๔
ประชาธิปัตย์ ๕๑
ชาติไทยพัฒนา ๑๒
เสรีรวมไทย ๑๐
ประชาชาติ ๗
เศรษฐกิจใหม่ ๖
เพื่อชาติ ๕
รวมพลังประชาชาติไทย ๕
พลังท้องถิ่นไท ๕
ชาติพัฒนา ๔
รักษ์ผืนป่าประเทศไทย ๒
พลังปวงชนไทย, พลังชาติไทย, ประชาภิวัฒน์, ไทยศรีวิไลย์, พลังไทยรักไทย, ครูไทยเพื่อประชาชน, ประชาธรรมไทย, พลเมืองไทยประชาธิปไตยใหม่, พลังธรรมใหม่ และไทรักธรรม พรรคละ ๑ คน
รัฐบาล ๒๗๗ เสียง
ฝ่ายค้าน ๒๑๑ เสียง
ส่วนต่าง ๖๖ เสียง
และมีแนวโน้มย้ายฝั่งเพิ่ม
เทียบกับตอนตั้งรัฐบาลใหม่ๆ รัฐบาลมี ๒๕๒ เสียง ฝ่ายค้าน ๒๔๕ เสียง
ส่วนต่างแค่ ๗ เสียง ปริ่มน้ำเต็มที
โหวตเสียงในสภาที เลือดตาแทบกระเด็น
นี่คือตัวเลขเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ตัวเลขทิพย์ หรือตัวเลขมโนตามโซเชียล
๒ ปีเศษเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนว่า เสถียรภาพของรัฐบาลมีความมั่นคงขึ้น ชนิดนักการเมืองระดับเซียนยังทำได้ยาก
แต่เสถียรภาพ หรือความมั่นคงของรัฐบาล ไม่ได้อยู่ที่จำนวน ส.ส.ในสภาเสมอไป จุดตายของรัฐบาลก็ยังเป็นประเด็นคอร์รัปชัน เหมือนทุกรัฐบาลที่ผ่านมา
การคอร์รัปชันในรัฐบาลประยุทธ์ถึงจุดที่คนไทยทนไม่ได้แล้วหรือยัง
หากทนไม่ได้จะล้มรัฐบาลอย่างไร?
อดีตที่ปรึกษาขมองอิ่มของลุงป้อม ไพศาล พืชมงคล โพสต์เฟซบุ๊กเอาไว้น่ากลัวเชียว
….จับตาแม่น้ำร้อยสายรวมไหลไล่ลุง!!
กองหนุนแปรสภาพเป็นกองต้าน เข้าร่วมกระแสคลื่นแม่น้ำร้อยสายมากขึ้น ทุกระยะ
เสียงขับไล่ดังกึกก้องแม้ในสภา
ล่าสุด นายแพทย์ประเวศ วะสี ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการสาธารณสุข ประกาศว่า การรวบอำนาจบริหารโดยคนส่วนน้อย ไม่สามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้
คนไทยทุกคนต้องเป็นอิสระ (จากการรวบอำนาจผูกขาด)
ซึ่งประสานสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของแพทย์ชนบทในขณะนี้ และแสดงท่าทีโดยทางเพจ หมอชนบท
ที่โหมกระหน่ำแสดงความไม่พอใจ ในความผิดพลาดล้มเหลวในการจัดการกับปัญหาโคบ้าและการทุจริต ที่กึกก้องแผ่นดิน
วาระแห่งชาติเรื่องปราบโกง กำลังกลายเป็นวาระแห่งชาติโกงทั้งแผ่นดินไปแล้ว!!!
นี่คือสามัญผลจากการไม่น้อมนำปฏิบัติตามบทพระราชปรารภ ในรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ที่ให้แก้ไขปัญหาการทุจริตการฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจและการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของราษฎร!!!
บัดนี้ กระแสน้ำทุกสายใกล้ถึงทะเลแล้ว!!!….
วันก่อน “จตุพร” เกลอ “กุนซือไพศาล” ไปชวนเพื่อไทยลาออก กดดันให้ “ลุงตู่” หลีกทาง
คำตอบจาก “สุทิน คลังแสง” ฟังแล้วน่าหยิกให้แขนห้อเลือด
“มาตรการหนึ่งที่จะกดดันรัฐบาลคือการที่ให้ฝ่ายค้านลาออกจากระบบรัฐสภา ก็เป็นวิธีที่มีเหตุผล ถ้าเราสามารถทำวิธีนี้แล้วรัฐบาลเปลี่ยนความคิด และหันมาคำนึงถึงประชาชน เรายินดีลงทุน ดังนั้นส่วนตัวคิดว่าถ้าลาออกแล้วได้ผลเราก็พร้อม แต่ถ้าลาออกแล้วรัฐบาลไม่แยแส ไม่สนใจเหมือนในอดีตที่เคยเกิดขึ้น เราจะเสียโอกาสหรือไม่ เหมือนปิ้งปลาย่างให้แมวหรือไม่”
ครับ…รับทราบ.