22 พ.ค.64 นางสาวรัชดาธนาดิเรกรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด19รายใหม่ที่พบว่ามีเพิ่มขึ้นมากในพื้นกทม.และปริมณฑลนายกรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชาในที่ประชุมศบค. วานนี้ได้ติดตามความพร้อมของจำนวนเตียงผู้ป่วยกลุ่มสีแดง (อาการหนัก) และเหลือง (มีอาการ) เพื่อให้มั่นใจว่ามีเพียงพอต่อการรองรับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมีอาการ
ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่าจากข้อมูลระบบ Co-ward ณวันที่ 20 พ.ค. มีจำนวนเตียงทั้งหมดในโรงพยาบาลโรงพยาบาลสนามและHospitel ในพื้นที่กทม. จำนวน 20,652 เตียงผู้ป่วยครองเตียง 61% ยังว่างอยู่ 7,905 เตียงในพื้นที่เขตสุขภาพ 1-12 จำนวน 40,648 เตียงผู้ป่วยครองเตียง 39% ว่างอยู่ 24,786 เตียงและหากแบ่งตามอาการความรุนแรงจากข้อมูลทั่วประเทศมีผู้ป่วยครองเตียงระดับสีแดง 69% ระดับสีเหลือง 54% และระดับสีเขียว 44%
ส่วนพื้นที่กทม.และปริมณฑลซึ่งมีผู้ติดเชื้อโควิด19 เกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดทั่วประเทศ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีแผนขยายจำนวนเตียงโรงพยาบาลบุษราคัมอีก 1 พันเตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยมีอาการที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ในภาพรวมมีการบริหารจัดการที่ดี มีบุคลากรทางการแพทย์สลับเข้ามาดูแล ใช้กล้องซีซีทีวีเพื่อติดตามดูแลผู้ป่วยด้วย และกระทรวงฯ ยังได้ประสานโรงพยาบาลเอกชนเพื่อเพื่มจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยอาการหนักด้วย ซึ่งแนวทางการจัดการเตียงในทุกโรงพยาบาล หากผู้ป่วยอาการหนักมีอาการดีขึ้น ก็จะได้รับการส่งต่อไปรับการดูแลโรงพยาบาลกลุ่มสีเหลืองที่ดูแลผู้ป่วยอาการไม่มากต่อไป
สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด19 ที่พบในกลุ่มแรงงานต่างด้าวเป็นคลัสเตอร์ กระจายอยู่ในแคมป์ก่อสร้างในหลายเขตของกทม.นั้น คณะกรรมการโรคติดต่อกทม. เห็นชอบแนวทางการควบคุมพื้นที่แคมป์คนงานก่อสร้าง เขตหลักสี่ โดย 1)ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงาน 2)จัดการดูแลสุขอนามัยของผู้ที่อยู่ในแคมป์ 3)ส่งมอบอาหาร 4)จัดทีมแพทย์ดูแลรักษาเบื้องต้นแก่ผู้ติดเชื้อที่อยู่ภายใน และ 5)หากพบผู้มีอาการป่วยจะนำส่งโรงพยาบาลต่อไป ส่วนการดูแลแคมป์คนงานก่อสร้างอื่นๆ จะแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ
1) แคมป์คนงานก่อสร้างที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้าง หากพบผู้ติดเชื้อให้ดำเนินการควบคุมพื้นที่เช่นเดียวกับแคมป์คนงานเขตหลักสี่ โดยผู้ที่อยู่ภายในยังสามารถทำงานได้ตามปกติ และ2) แคมป์คนงานก่อสร้างที่ไม่ได้อยู่พื้นที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้าง ให้กักตัวผู้ที่ติดเชื้อในพื้นที่แคมป์ซึ่งเจ้าของต้องจัดให้เหมาะสม ภายใต้การดูแลของสำนักงานเขตและสำนักอนามัย และผู้ที่ไม่ติดเชื้อที่ต้องเดินทางไปทำงานจะต้องแจ้งเส้นทางการเดินทางต่อเขตต้นทางและปลายทาง โดยจะต้องไม่จอดหรือหยุดพักระหว่างทาง และปฏิบัติตามมาตรการอื่นๆที่กำหนดอย่างเคร่งครัด พร้อมกันนี้ สำนักอนามัยจะจัดทีมลงพื้นที่เสี่ยงเพื่อตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 30 ก.ย. หมุนเวียน 6 กลุ่มเขต เพื่อลดการเดินทางของประชาชนให้ได้มากที่สุดด้วย
“นายกรัฐมตรีห่วงใยและติดตามการดำเนินการในพื้นที่กทม.และจังหวัดโดยรอบอย่างใกล้ชิด ยืนยันดูแลทุกชีวิตให้ดีที่สุด ไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย มั่นใจแนวทางที่สาธารณสุข กทม.และหน่วยงานต่างๆที่ร่วมกันดำเนินการอยู่นี้ครอบคลุมการเร่งค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก การดำเนินการฉีดวัคซีน จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้” นางสาวรัชดาฯกล่าว