12 พ.ค.64 เวลา 13.30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยมหน่วยความร่วมมือบริการวัคซีนโควิด – 19 กรุงเทพมหานคร – สภาหอการค้าไทย – โรงพยาบาลรามาธิบดี – เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ณ บริเวณ ชั้น 3 sky Hall ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
ซึ่งให้บริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ จุดแรกอย่างเป็นทางการ จำนวน 1,000 คน/วัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
กลุ่มเป้าหมายแรกเป็นบุคลากรด่านหน้าที่ต้องปฏิบัติงานในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค และกลุ่มที่มีอาชีพเสี่ยงที่มีโอกาสสัมผัสกับคนจำนวนมากซึ่งได้รับการลงทะเบียนกับสำนักอนามัย กทม. แล้ว
โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการระทรวงสาธารณสุข พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมตรวจเยี่ยมด้วย
ภายหลังรับฟังรายงานสรุปการให้บริการของหน่วยความร่วมมือบริการวัคซีนโควิด 19 กรุงเทพมหานคร – สภาหอการค้าไทย – โรงพยาบาลรามาธิบดี – เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว พร้อมตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยฯ และทักทายสอบถามประชาชนที่มารับบริการฉีดวัคซีนฯ ด้วยความห่วงใย
นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่เสียสละทุ่มเทดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมย้ำให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สวมใส่หน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการการติดเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ ทุกคนต้องร่วมกันทำลายกำแพงความหวาดวิตกและกลัวการฉีดวัคซีนให้ได้ โดยให้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้จากภาครัฐ ขออย่าหลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน สร้างความเข้าใจผิด ขอให้เชื่อมั่นวัคซีนที่รัฐบาลนำเข้ามามีการตรวจสอบได้มาตรฐานสากล พร้อมเชิญชวนประชาชนทุกคนมารับบริการฉีดวัคซีนให้มากขึ้นเพื่อจะได้แข็งแรงและสร้างภูมิคุ้มกันทั้งประเทศ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ได้ขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งกรุงเทพมหานคร – สภาหอการค้าไทย – โรงพยาบาลรามาธิบดี – เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ที่ร่วมมือกันในการอำนวยสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะขยายการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวไปในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศด้วย
นายกรัฐมนตรีย้ำว่าการจัดหาฉีดวัคซีนและการฉีดวัคซีนเป็น “วาระแห่งชาติ” ของประเทศไทยต้องเดินหน้าตามเป้าหมายที่กำหนดไว้และตามปริมาณวัคซีนที่กำลังจะทยอยเข้ามาเพิ่มเติมอีก ซึ่งรัฐบาลจะเร่งฉีดให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มทั้งประเทศ รวมถึงชาวต่างประเทศและแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย และจะดูแลรวมไปถึงภาคธุรกิจกิจการประกอบการร้านค้าและอาหารต่าง ๆ และแรงงานด้วย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวให้ความเชื่อมั่นว่า ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายประเทศไทยจะดีขึ้นกว่าเดิม เพราะรัฐบาลได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ ทุกมิติทั้งเรื่องการขับเคลื่อนโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ การลงทุนต่าง ๆ เพื่อหารายได้ให้ประเทศ และการเตรียมความพร้อมด้านพลังงานของประเทศ เป็นต้น ยืนยันนายกรัฐมนตรีจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
สำหรับสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร 25 แห่ง ได้แก่ SCG บางซื่อ เซ็นทรัล ลาดพร้าว สามย่านมิตรทาวน์ ธัญญาพาร์ค True Digital Park Asiatique เดอะมอลล์ บางกะปิ โรบินสัน ลาดกระบัง ห้างโลตัส สาขามีนบุรี เช็นทรัล ปิ่นเกล้า ICONSIAM PTT station พระราม 2 เดอะมอลล์ บางแค BIG C บางบอน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ SCB สำนักงานใหญ่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ CTW Siam Paragon ห้างโลตัส พระราม 4 Emporium Big C ร่มเกล้า และห้างโลตัส ปิ่นเกล้า