กลยุทธ์ ‘๓ ป.’-ผักกาดหอม

อธิบายเป็นวิชาการก็ตามนี้ครับ

“เคออส” หรือระบบพลวัตที่มีการเปลี่ยนแปลง

ระบบที่เรียกว่าเคออสนี้ จะมีลักษณะที่ปั่นป่วนจนดูคล้ายว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นแบบสุ่มหรือไร้ระเบียบ

แต่จริงๆ แล้ว ระบบเคออสนี้เป็นระบบแบบไม่สุ่ม หรือระบบที่มีระเบียบ

ในทางคณิตศาสตร์และฟิสิกส์คำจำกัดความของระบบเคออสคือ ระบบไม่เชิงเส้น (nonlinear system) ระบบที่มีความไวต่อสภาวะเริ่มต้น

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ระบบ ๒ ระบบที่มีสภาวะการเริ่มต้นเหมือนกันหรือมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย เมื่อระบบได้มีการเปลี่ยนไปสักระยะหนึ่ง สภาวะของระบบทั้งสองที่เราสังเกตได้เมื่อเวลาผ่านไปจะแตกต่างกันอย่างสังเกตเห็นได้ชัด

บางคนเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” หรือ “ผีเสื้อขยับปีกทำให้เกิดพายุ” (butterfly effect)

ยกตัวอย่างเช่น การเกิดและตายของคนเรา

การเกิด มีความน่าจะเป็น ๒ ทางคือ คลอดตามธรรมชาติ และไม่ธรรมชาติ คือผ่าคลอด

การตาย มี ฆ่าตัวตาย ถูกฆ่า หรือตายตามธรรมชาติ แก่ตาย ป่วยตาย

ทีนี้…ความน่าจะเป็นทั้งสองจะมีทางแยกออกไปในแต่ละส่วนของตัวเอง

ฆ่าตัวตายเองและหรือถูกผู้อื่นฆ่า และคลอดตามธรรมชาติ และหรือโดยไม่ธรรมชาติ จากความน่าจะเป็นสู่ความเป็นไปได้ที่มีมากมาย หรือในความหมายหนึ่งคือ จากความเป็นสองมิติ สู่ความเป็นสามมิติ ฯลฯ

ครับ…อธิบายไปงงไป สรุปคือ ดูเหมือนจะยุ่งเหยิงแต่มีระบบระเบียบ

พรรคพลังประชารัฐยุ่งเหยิงมานานแล้ว สาเหตุก็บ้านๆ ไม่ซับซ้อน ที่มาของพรรคเป็นการรวมกลุ่มนักการเมืองจากหลายมุ้ง หลายกลุ่ม ไม่มีอะไรพิสดารในแง่การเมืองไทย

ผมพยายามวิแคะเกาะเกา ก็พบพัฒนาการบางอย่างของ “๓ ป.”

มาว่ากันตามข่าวที่ปรากฏก่อน

ขณะนี้มีคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เซ็นใบลาออกจากตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว ๙ ราย จากทั้งหมด ๒๒ ราย

เหตุผล…บีบให้มีการปรับโครงสร้างพรรค

๙ คนที่ว่านี้มีใครบ้าง

๑.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม

๒.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม

๓.นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ

๔.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

๕.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน

๖.นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม

๗.นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง

๘.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี

๙.นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช

ทั้งหมดนี้ถือเป็นบิ๊กเนมในพรรคพลังประชารัฐ

แต่ถ้าสังเกตดีๆ หัวแถวคือระดับแกนของ “กลุ่มสามมิตร”

ย้อนกลับไปปีที่แล้ว กลุ่ม ๔ กุมาร ในพลังประชารัฐ มี อุตตม สาวนายน, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, สุวิทย์ เมษินทรีย์ และ กอบศักดิ์ ภูตระกูล ถูกบีบจากกลุ่มสามมิตร สภาพไม่ต่างจากลูกไก่

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพรรค

“ลุงป้อม” มานั่งยิ้มแป้นเป็นหัวหน้าพรรคแทน “อุตตม สาวนายน”

นายอนุชา นาคาศัย ตัวแทนกลุ่มสามมิตร นั่งเลขาธิการพรรคแทน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

ครั้งนั้น สามมิตรร่วมมือกับ “ธรรมนัส พรหมเผ่า”

ผ่านไปร่วมปี เกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา โครงสร้างพรรคพลังประชารัฐถูกปรับเปลี่ยนอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวรอยร้าวระหว่าง “ธรรมนัส พรหมเผ่า” กับ สามมิตร

“อนุชา นาคาศัย” ถูกเขี่ยออก “ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็นเลขาธิการพรรคแทน

เส้นทางการเมืองของ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” เหมือนจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ลึกๆ กลุ่มสามมิตร ฝังแค้น และรอเวลาเอาคืน

นี่คือดีเทลเกาเหลาพลังประชารัฐ

เมื่อครั้งที่ “สามมิตร” ไล่ถลุง “๔ กุมาร” ในวันนั้น “ลุงตู่” กลืนเลือด เพราะทีม “๔ กุมาร” คือหัวเรี่ยวหัวแรงของทีมนโยบาย และเข็นออกมาเป็นรูปธรรม ให้รัฐบาลเก็บเกี่ยวเป็นผลงานจนถึงทุกวันนี้

หนึ่งในพัฒนาการของพลังประชารัฐที่คนพูดถึงกันมากที่สุดคือ “๓ ป.” ยังรักกันเป็นพี่น้องเหมือนเดิม หรือแตกคอกันแล้ว

ครับ…สังคมทั่วไป มองว่า แตกคอกันแน่ๆ ฝั่งหนึ่งมี “ป.ประยุทธ์” กับ “ป.ป๊อก” อีกฝั่งคือ “ป.ป้อม” มี “ธ.ธรรมนัส” เป็นมือขวา

ต้องยอมรับความจริงว่า เรื่อง “๓ ป.” แตกคอ เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องของการเมืองไทย ที่วิเคราะห์ยากที่สุด ว่า จริงๆ แล้ว “๓ ป.” แตกกันแล้วใช่หรือไม่ หรือยังเป็นกลุ่มก้อนกันอยู่

ฝั่งที่เชื่อและไม่เชื่อต่างก็มีเหตุผลรองรับ และน่ารับฟังด้วยกันทั้งนั้น

การจะอธิบายเรื่องนี้นอกจากมองอดีต และปัจจุบัน ยังต้องมองถึงอนาคตด้วย

แล้วจะรู้ว่า “ลุงป้อม” ไม่เอา “ลุงตู่” นั้นเป็นเรื่องจริงหรือ

และอย่ามองข้าม โดยคิดว่า ทหารโง่ เล่นการเมืองไม่เป็นเด็ดขาด เพราะจะทำให้การประเมิน ๓ ป.ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์

๓ ป. ไม่ใช่ ป.๓ ฉะนั้น ในแง่การวางกลยุทธ์ ยุทธวิธี ตำราพิชัยสงคราม ไม่ด้อยไปกว่านักการเมืองมืออาชีพ

เมื่อ “สามมิตร” รุมยำ “๔ กุมาร” ๓ ป.ใช้กลยุทธ์หนึ่ง

มาวันนี้ “สามมิตร” เอาคืน “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ๓ ป.ก็งัดอีกกลยุทธ์หนึ่ง

วันนี้ที่เราเห็น “สามมิตร” แทบจะเป็นเนื้อเดียวกับ “ลุงตู่” นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ

แต่เป็นกลยุทธ์

ทุกอย่างที่เห็นดูเหมือนจะวุ่นวาย

แต่นี่คือการจัดระเบียบใหม่ภายในพรรคพลังประชารัฐ

หลากมุ้ง หลายแก๊ง แม้จะมีข้อเสียสำหรับความเป็นพรรคการเมือง แต่ก็มีข้อดีในการปกครอง หากใช้กลยุทธ์เป็น

๓ ป.คือศูนย์กลาง มุ้งในพลังประชารัฐคือองค์ประกอบ จะชอบหรือไม่ชอบ แต่นี่คือการบริหารจัดการนักการเมืองให้อยู่ร่วมกันได้

ไม่ต้องสนิทแนบแน่น แต่ควบคุมได้

และกรณี “ธรรมนัส พรหมเผ่า” คิดการใหญ่คือบททดสอบที่ ๓ ป.แก้สมการได้

จากนี้จึงเป็นการจัดระเบียบใหม่

และคุมกำเนิด “ธรรมนัส พรหมเผ่า” โดยที่เจ้าตัว แทบไม่มีเวลาแก้เกม

ยุทธวิธีหลังจากนี้คือสลายกลุ่มธรรมนัส

ปรับ ครม.คือชอยซ์หนึ่งที่ต้องทำ

ยุบสภา ว่าตามสถานการณ์ แต่ไม่ใช่ระยะเวลาอันใกล้นี้ ยิ่งทอดเวลา กลุ่มการเมืองที่ไร้บทบาทจะรอวันตาย

ครับ…แต่นี่ก็อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้าย หาก ๓ ป.ยังต้องการอยู่รอดในดงนักการเมืองเสือสิงห์กระทิงแรด

จนกว่าจะได้ยินคำว่า…ผมพอแล้ว