29 เมษายน 2564 -การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 ทำให้คนไทยกลับมาตื่นกลัวพร้อมตื่นตัวกับการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ การเว้นระยะห่างทางสังคม การรักษาความสะอาด รวมทั้งมาตรการด้านสุขอนามัยต่างๆ ได้ถูกนำมาใช้อย่างจริงจังอีกครั้ง อะไรที่ดีมีประสิทธิภาพย่อมสรรหามาใช้ช่วยเสริมเพื่อความปลอดภัย เพราะเราทุกคนต่างไม่รู้ว่าจะต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปอีกนานแค่ไหน แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่าอะไรดีจริง? อะไรที่ใช้ได้ผลจริง?
“ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) 0.5 %” ได้ถูกกล่าวขวัญว่าเป็น ฮีโร่ใช้ในการทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อ้างอิงจากการที่องค์การอนามัยโลก (WHO) และ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้แนะนำให้ใช้สารเพียง 3 ชนิดเท่านั้น ที่สามารถทำลายเชื้อโคโรนาไวรัสได้ภายในระยะเวลา 1 นาที ได้แก่
1)ผลิตภัณฑ์ที่มีคลอรีนเป็นส่วนประกอบ (เช่น ไฮโปคลอไรต์) 0.1% (1000 ppm)
2)เอธานอล 70-90% และ
3)ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ≥ 0.5%
นอกจากนี้ ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ยังได้รับการรับรองจากเว็บไซต์รัฐบาลไทยว่า ควรใช้ในความเข้มข้น 0.5% จะสามารถทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้
ซึ่งโดยปกติแล้วโคโรนาไวรัสสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน 2 ชั่วโมง ถึง 9 วัน จึงถือว่า ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เป็นสารที่ตอบโจทย์ที่สุดในเวลานี้ เนื่องจากสามารถทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว โดยในความเข้มข้นที่ใช้คือ 0.5 % นั้นมีความปลอดภัยสูงไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย ไม่มีสารตกค้าง และเป็นสารที่ได้รับการยอมรับนำมาใช้ในวงการแพทย์มานานหลายสิบปี ที่สำคัญไม่เป็นวัตถุไวไฟเหมือนแอลกอฮอล์
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ มีคุณสมบัติที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพเป็นอย่างสูงในการนำไปใช้ฉีดพ่นรวมทั้งเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งในสถานประกอบการ คอนโด ร้านอาหาร อาคารบ้านเรือน ห้องครัว รถยนต์ส่วนตัว ฯลฯ ด้วยเหตุผลสำคัญดังนี้ คือ
1) สามารถทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ภายใน 1 นาที
2) มีความปลอดภัยสูงมากโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อและผิวหนัง
3) เป็นสารปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์มาอย่างยาวนานในการนำมาใช้ทำความสะอาดบาดแผล รวมทั้งนำมาใช้ในการทำความสะอาดสถานพยาบาลและห้องผ่าตัดซึ่งต้องการการปลอดเชื้อ
4) สามารถสลายได้เองโดยไม่มีสารตกค้าง
5) มีความปลอดภัยเพราะไม่ติดไฟง่ายเหมือนแอลกอฮอล์
6) ไม่ก่อให้เกิดสารพิษที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจเหมือนน้ำยาฟอกขาว และ
7) หากนำไปใช้ฉีดพ่นหรือเช็ดทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้ก็ไม่ก่อให้เกิดรอยด่าง
แต่ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่อาจเข้าใจผิดและเลือกใช้น้ำยาฆ่าเชื้อประเภท เบนซาลโคเนียมคลอไรด์ 0.05-2% และ คลอร์เฮกซิดีน 0.02% แทน ซึ่งจากข้อมูลงานวิจัยรวมถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันแล้วว่าไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอนำไปใช้ฆ่าเชื้อไวรัสกลุ่มโคโรนา และแม้มีการอ้างว่าได้นำสารเบนซาลโคเนียมคลอไรด์ซึ่งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มาฉีดพ่นเพื่อทำลายเชื้อโคโรนาไวรัส
แต่ในความเป็นจริงนั้น ต้องมีส่วนผสมความเข้มข้นของแอลกอฮอล์อยู่มากถึง 70% จึงจะมีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อไวรัสได้ ซึ่งในกรณีนี้สามารถใช้แอลกอฮอล์ 70% เพียงอย่างเดียวได้เลยโดยไม่ต้องมีส่วนผสมของเบนซาลโคเนียมคลอไรด์แต่ก็ถือว่าเป็นวัตถุไวไฟอย่างดีด้วยเช่นกัน จึงต้องทำการตัดสินใจพิจารณาถึงปัจจัยรอบด้านอย่างรอบคอบในการเลือกใช้สารทำความสะอาดที่ได้ผลจริง มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยต่อมนุษย์ สุขภาพร่างกาย รวมทั้งคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
โดยผู้ที่มีหน้าที่ในการทำความสะอาด ต้องสวมชุดป้องกันให้รัดกุมปลอดภัยตลอดเวลา รวมทั้งสวมใส่ถุงมือและมาสก์ในการฉีดพ่นทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ซึ่งเราไม่ควรประมาทเนื่องจากเราไม่อาจรู้ได้ว่ามีเชื้อโควิด-19 รวมทั้งเชื้อไวรัสอื่นๆ อยู่ในพื้นที่หรือไม่โดยเฉพาะบริเวณสาธารณะ จึงจำเป็นต้องป้องกันตนเองให้ปลอดภัยไว้ก่อนเป็นสำคัญ