เปลว สีเงิน
เอาละเว้ย…เฮ้ย จงระวัง!
“ไอ้เสือ” มันออกล่า “คนตาบอด” เพื่อขย้ำเป็นเหยื่ออีกรอบแล้ว
ผมปิกนิกอยู่โรงพยาบาล
เห็นข่าวโทรทัศน์ยังอดชมไม่ได้ ว่ามันสมเป็นเสือ ทุกย่างก้าว ซ่อนกรงเล็บกริบ สร้างกระแส “ยึดพื้นที่ข่าว” เช็กเรตติ้งได้ทุกช็อต
ตอนอุิ๊งอิ๊งรับตำแหน่งนายกฯ ใหม่ๆ
“พ่อนายกฯ” ขยันเข้าพรรคเพื่อไทย จนมีเสียงครหาเป็นรัฐบาล “พ่อเชิด-ลูกรำ” ทั้งพ่อมีพฤติกรรมเป็นผู้มีอำนาจเหนือพรรค!
ไอ้เสือ “เข้าถ้ำ” ไปพัก
พอถูกคุณธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยใน ๖ ประเด็นเกี่ยวกับพฤติกรรมของพ่อและพรรคเข้าไปอีก
ยิ่งหลบลึก ไม่สวมปลอกออกนั่งตากแดดโชว์เหมือนเดิมซะแล้ว
จะด้วย “กรรมไล่ล่า” หรือ “สังคมไล่ล่า” ก็ปานกัน
ประเด็น “ป่วยทิพย์” ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจและเชิญ ๖ พรรคร่วม “กินมาม่า” ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
ที่ใครๆว่า “ไม่มีน้ำยา” นั้น….
ที่ไหนได้ ยี่ห้อ “กะโหลกไขว้” เลยเชียวแหละ!
เมื่อถูกใครต่อใครไล่เช็กบิลรายวันหนักเข้า เห็นทีเป็นไอ้เสือจำศีลอยู่ในถ้ำ มีหวังเป็นแมวดำถูกวางยาเบื่อแหง
จึงต้องออกถ้ำไปหาสมุนหวังรวมฝูงสู้แทนการ “หลบ” ตั้งรับอยู่ในรูอย่างช่วงเดือน-สองเดือนก่อน
การ “คืนสังเวียน” เต็มตัวของทักษิณหวัง “รวมพล” จึงเกิดขึ้น ด้วยการเดินสายขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงให้ลูกพรรคเพื่อไทยที่อุดรฯ เมื่อวาน
เท่าที่ฟังบางตอน ทักษิณ “ผู้มีบารมีนอกพรรค” หาเสียงให้เพื่อไทย ตัวนายกฯ แพทองธาร และตัวเอง มากกว่าตั้งใจมาหาเสียงให้ นายเพชรพนมพร
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะคุย ประเด็นของผมคือ ต้องการชมทักษิณว่า “เขี้ยวแก้วแพรวพราย” จริงๆ
การเมือง เป็นเรื่องชาวบ้าน ………
เมื่อจะไปเปิดตัว “ทักษิณคนเดิม” ของคนเสื้อแดงอีสาน ที่ตัวเองเองเคยเอ่ยปากไล่เขา
“ผมขึ้นฝั่งแล้ว พวกคุณจะแบกเรือขึ้นภูเขาตามผมไปทำไม” จำกันได้มิใช่หรือ?
วันนี้ จำเป็นต้องลงจากเขามาหาพวกเขา
แต่เพื่อตีเนียน “เอาพวก-เอาใจ” การไปอุดรฯ ก็ต้องทำตัวให้กลมกลืนกับ “วิถีชาวบ้าน”
ทักษิณมีเรือบินจอดทิ้งให้หมาเยี่ยวรดยางตั้งหลายลำ
เอาบินไปเองก็ไปได้….
แต่ดูจะเป็นภาพคนละชั้นกับชาวบ้านที่กำลังไปหา ทั้งการบินไปเอง ก็พลาดที่จะได้ “ยึดพื้นที่สื่อ” โฆษณาตัวเองในวงกว้างด้วย
เมื่อวาน จึงเห็นภาพ “ทักษิณ-มนุษย์เดินดินกินมาม่า”
แคะกระปุกซื้อตั๋ว “โลว์คอสต์ แอร์ไลน์” นั่งงอขา-งอเข่าบินจากดอนเมืองไปอุดรธานี หนีบ “สมชาย-เยาวภา” ไปด้วย
“น้องเขย-น้องสาว” ผู้ฉาวเมืองคนนั้นแหละ!
นี่เป็นทั้งจิตวิทยาชนชั้น ทั้งเป็นกลเม็ดเด็ดพรายทางโปรโมทตัวเองของนักการเมืองที่ต้องรู้จัก “แสร้งจน”
เพื่อให้ชาวบ้านรู้สึกสนิทใจว่าเป็นคน”หัวอกเดียวกัน”
ที่จะไม่สนิท ก็มีตรงเดียว…คือตรง
“ไม่ยอมติดคุก” เท่านั้น!
ทักษิณ “เป็นภาพ-เป็นข่าว” ไปทั่วประเทศ ก่อนตัวจะไปถึงอุดรฯ และภาพนั้น ปลุก “คนเสื้อแดง” ให้ตื่นคึก ว่าทักษิณออกศึกระดมพลแล้ว
อุดรฯ เขาสถาปนาเป็น “เมืองหลวงคนเสื้อแดง” ทักษิณก็เท่ากับ “เจ้าเมืองอุดรฯ” ของคนเสื้อแดง
การที่ทักษิณมาเปิดตัวที่อุดรฯ….
มองเผินๆ มาช่วยลูกพรรคหาเสียง “นายกฯ อบจ.”
แต่ลึกๆ แล้วผมว่า เป็นแค่ “ฉากบังหน้า” มากกว่า!
ในข้อเท็จจริง ช่วงนี้ ทักษิณต้องการ “กบดาน-สั่งการภายใน” มากกว่าออกไปมีบทบาททางมวลชนให้สังคมภายนอกจับจ้อง
“เลือกนายก อบจ.” จะว่าไป “สมบัติผลัดกันชม” ของคนเพื่อไทย แต่ไส้ในเอากันขนาดไหน จึงส่งผลถึงการเลือกตั้งสส.ครั้งที่ผ่านต้องแพ้ก้าวไกล
คนอุดรฯ ที่ไม่แดงจนหน้ามืด-ตามัวเขารู้ ถึงไม่เลือก!
ดังนั้น ที่ทักษิณ “ออกศึก” ลึกๆ แล้ว….
มาเที่ยวนี้ หวังระดมคนพลเสื้อแดงใช้เป็นโล่ป้องกันตน “ถ้าจำเป็น” ในศึกตัวที่กำลังเผชิญขณะนี้
เรื่องป่วยทิพย์ชั้น ๑๔ เรื่องเชิญพรรคร่วมกินมาม่า รวมทั้งเรื่อง ดำลงไปกินพื้นที่เกาะกูดใต้น้ำกับเขมร
เหล่านี้ นอกจากเป็นเรื่อง-เป็นคดีกระชั้นในศาลฯ แล้ว ยังกระชั้นทางมวลชน “นอกศาล” อีกตะหาก
ทักษิณเมื่อ “ขึ้นภูเขา” เสวยสุข ก็ไล่เสื้อแดงกลับบ้าน มิได้อาลัยไยดี เลี้ยงไว้บ้าง เฉพาะไพร่บางตัว เอาไว้เห่าตามใต้ถุน
เป็นรัฐบาล เรียกว่าอยู่ในโหมด “สู้ไป-กราบไป” ยังไงก็สบาย ไม่ต้องอาศัยมวลชนคนเสื้อแดงเป็นกระดอง
การชู “สามนิ้ว” เหมือนตอนร่วม “ล้มเจ้า-ล้มแผ่นดิน” กับส้ม ตอนนี้ขยายเต็ม ๕ นิ้ว คำขวัญที่ขบวนการเคยประกาศ
“แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา” ก็พับไว้ชั่วคราว
ทั้งตัวทักษิณ ตั้งแต่กลับมา จะไปสมาคมอยู่กับ “สังคมอีลีต” เป็นส่วนใหญ่
เสื้อแดงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ เอามามากก็รุ่มร่าม ทักษิณ-เพื่อไทยจึงแตะห่างๆ เป็นครั้ง-เป็นคราวเท่านั้น
แต่ตอนนี้ ต้องกลับมาแตะถี่ๆ และแตะให้ถึงที่
เพราะสถานการณ์เพื่อไทยในฐานะ “แกนนำรัฐบาล” ส่อว่าจำเป็นต้องพึ่งบริการมวลชนคนเสื้อแดงเป็นกำแพงให้เพื่อไทยพิงซะแล้ว
นับแต่ “ปลายปี-ต้นปีหน้า” ทุกอย่างบีบรัดทั้งในศาลและนอกศาล “พรรคร่วม” ตอนนี้ ก็ร่วมแบบ “ถือมีดไขว้หลัง” คนละเล่ม
ใครกระซวกใครก่อน ยากบอก เพราะต่างฝ่าย ต่างกำ “คมมีด” ด้วยกัน ฉะนั้น อยู่ที่ “จังหวะ-ความไว-ใจถึง”
เกมนี้วัดผล “ชั่วกระพริบตา”!
ข่าวทักษิณจะไปหาเสียง ๒ วันที่อุดรฯ กระจายออกมาก่อนล่วงหน้าตั้ง ๓-๔ วัน
นั่นไม่พิลึกเท่าในข่าวที่เพื่อไทยแถลงออกมา กำหนดตัวเลขล่วงหน้าชัดเลย
-๑๓ พ.ย.พบปะประชาชน กุมภวาปี, ประจักษ์, ศรีธาตุ, หนองหาน (บางส่วน) ประมาณ ๑๐,๐๐๐คน
-๑๔ พ.ย.ปราศรัยกับพี่น้องชาว บ้านดุง, ทุ่งฝน มวลชนประมาณ ๘,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ คน
-ปราศรัยกับประชาชน อ.เมือง, หนองวัวซอ (บางส่วน) อ.หนองหาน (บางส่วน) มวลชน ๒๐,๐๐๐-๒๕,๐๐๐ คน
นี่มันบอกอะไร?
มันบอกถึงการ “จัดฉาก” ด้วยการเกณฑ์คนหรือระดมคนหรือมีค่ารถรับส่งคนมาฟังทักษิณเล่านิทานเรื่อง “คนตาบอดไม่กลัวเสือ”
และจบลงด้วย “เสือ” กินคนตาบอดเรียบ!
ธรรมชาติของการปราศรัยหาเสียง ประมาณได้ว่ามาก-ฟังน้อย แต่บอกเป๊ะๆ ถึงจำนวนคนจะมาฟัง
ว่า ที่นี่-วันนี้ กี่พันคน…กี่หมื่นคน แบบนี้
พูดแบบให้เกียรติกัน นี่มันออกการ์ด “ขอบแดง-ขอบม่วง” เชิญมาฟังซะละมากกว่า!
เอาเข้าจริง เท่าที่ดูจากข่าว เห็นสวมเสื้อแดงยกป้ายมาจากจังหวัดโน้น-นี้เต็มไปหมด
สรุปแล้ว นี่คือการหาสียงเลือก “นายก อบจ.” อุดรฯ หรือเป็นการ “ระดมพลคนเสื้อแดง” เลือกเจ้าเมืองอุดรฯ ของคนเสื้อแดง?
“พ่อ-ลูก” คู่นี้ ก็พอกันเลย
พ่อ “แกล้งจน” มีเรือบินส่วนตัวไม่นั่ง กลับนั่ง โลว์คอสต์ แอร์ไลน์ ไปอุดรฯ
ส่วนลูกสาว “แกล้งรวย” หนี้ล้นประเทศ ไปประชุมเปรู ถือโอกาสแวะแอลเอ.
ไกลขนาดนั้น แทนที่จะเอาคนไปเท่าที่จำเป็นและเดินทางด้วย “เครื่องบินโดยสาร” เพื่อประหยัดค่าเดินทาง
นี่กลับเอา “เครื่องบินกองทัพอากาศ” บินไปเอง ขนกันไปยังกะไปทัวร์ แถมนายกฯ ยังอยากเป็น “แอร์โฮสเตส” เดินเสิร์ฟไปทั่ว…จะรับกาแฟ-รับขนมมั้ยคะ?
จากไทยไปแอลเอ.และจากแอลเอ.ไปเปรู จากเปรูกลับมาไทย ไม่หนีร้อยล้าน แล้วคุ้มกันมั้ย กับการไปเป็นตุ๊กตาไขลาน?
เอา “หมูเด้ง” ใส่กรงไปโชว์ ยังพอบอกได้ “นี่…ซอฟต์พาวเวอร์ไทย”
แต่เอา “ซอฟต์ เบรน พาวเวอร์” ไป คงได้แต่ “ขายขี้หน้า” กลับมาเต็มลำ”!
เปลว สีเงิน
๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๗