20 เมษายน 2564 เวลา 12.30 น. ณ โถงตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผย การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้เป็นการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล Video Conference
เพื่อสอดรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งได้มีมาตรการยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยเฉพาะในช่วงสองสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 18 – 30 เมษายน 2564 เพื่อให้ลดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อให้น้อยลง มีกำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุด 18 จังหวัดและพื้นที่ควบคุม 59 จังหวัด บูรณาการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร บุคลากรทางการแพทย์ ที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ
รวมทั้งกำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งติดตามกรณีสถานบริการ/สถานบันเทิง ที่เป็นแหล่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อสืบสวนหาเจ้าของและดำเนินคดีตามกฎหมาย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการมาตรการต่าง ๆ
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามว่า เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล ป้องกันการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากขีดความสามารถในการรักษาของโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชนอาจไม่เพียงพอในบางครั้ง เพราะต้องให้การดูแลรักษาแก่ผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ด้วย พร้อมขอบคุณภาคเอกชนในการสนับสนุนอาหารและเครื่องดื่มแก่โรงพยาบาลสนามในหลายพื้นที่
นายกรัฐมนตรียังชี้แจงการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ในเดือนกุมภาพันธ์มีวัคซีนนำเข้าจาก Sinovac จำนวน 200,000 โดส และ AstraZeneca จำนวน 117,000 โดส ในเดือนมีนาคมนำเข้าวัคซีนจาก Sinovac จำนวน 800,000 โดส และเดือนเมษายนนำเข้าวัคซีนจาก Sinovac จำนวน 1,000,000 โดส โดยแจกจ่ายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ แล้ว
ซึ่งในวันที่ 24 เมษายนนี้ จะมีวัคซีนจาก Sinovac จำนวน 500,000 โดส และในเดือนพฤษภาคมจำนวน 1,000,000 โดสที่อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับรัฐบาลจีน สำหรับวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตในประเทศไทยจะเริ่มทยอยส่งตั้งแต่เดือนมิถุนายน จำนวน 4,000,000 – 6,000,000 โดส และจะเพิ่มจำนวนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมไปถึงสิ้นปีจนครบ 61,000,000 โดส
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังแต่งตั้งคณะกรรมการจัดหาวัคซีนโดยมีนายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาพร เป็นประธาน เพื่อหารือร่วมกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชนและผู้เชี่ยวชาญ ในการจัดหาวัคซีนทางเลือกแก่ประชาชนได้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ในระดับดีมาก และมีการจัดหาวัคซีนเน้นตามความจำเป็น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งยังเป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ขณะนี้มีบริษัทผลิตวัคซีนหลายยี่ห้อที่ได้เสนอขายวัคซีนแก่ประเทศไทย โดยสถาบันวัคซีนอยู่ระหว่างการพิจารณาหารือราคาและเงื่อนไขกับ บริษัท ไฟเซอร์ (Pfizer) เพื่อเป็นการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมปริมาณ 5,000,000 – 10,000,000 โดส รวมทั้งต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนในกลุ่มเสี่ยงตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขโดยเร็วที่สุดในทุกจังหวัด เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ พร้อมจัดเตรียมวัคซีนสำรองไว้เพิ่มเติม ทั้งนี้ จะมีการเปิดให้สำหรับประชาชนที่มีความประสงค์จะเข้ารับการฉีดวัคซีนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 นี้
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ขณะนี้มีเพียงพอต่อการรักษา อย่างไรก็ตามจะมีการจัดหาเพิ่มเติมในเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2,000,000 เม็ด เดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 1,000,000 เม็ด และเดือนมิถุนายน – กรกฎภาคม 500,000 แสนเม็ด รวมเป็น 3,500,000 เม็ด
และขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้แด่นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และบุคลากรทางการแพทย์ ยืนยันรัฐบาลไม่หยุดนิ่งในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ขอให้ประชาชนไม่ประมาท สวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมืออยู่เสมอ ย้ำ “เราจะต้องชนะไปด้วยกัน”