เปลว สีเงิน
ไม่ตื่นเต้น….
แค่ร้อง “อุ๊ย…” ในใจ!
ที่ “ศาลปกครองกลาง” สั่ง “ยกเลิกคำสั่ง” ที่ให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้เงิน ๓.๕ หมื่นล้านบาท “เรื่องข้าว” สมัยเป็นนายกฯ
พร้อมทั้ง “เพิกถอนคำสั่ง” การยึด-อายัดทรัพย์ด้วย เมื่อวาน (๒ เมย.๖๔)
เพราะข่าวมาถึงหูผมล่วงหน้า ๓-๔ วันก่อนแล้ว!
หนัง “ต้นม้วน” น่ะครับ
ไว้ตามดูตอนจบในชั้น “ศาลปกครองสูงสุด” เพราะยังไงๆ ฝ่ายรัฐต้องอุทธรณ์ภายใน ๓๐ วัน อยู่แล้ว
แต่รายนี้ ทีแรกตื่นเต้น เมื่อเห็นหัวข่าวในโซเชียล “ศาลให้ประกันโตโต้”
แต่พออ่านเหตุผลที่ศาลให้ประกัน ก็เข้าใจ
“………ทั้งนี้ สอบถามพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน แล้ว ทราบว่าการสอบสวนคืบหน้าไปมาก
โดยได้สอบปากคำพยานเป็นเจ้าพนักงานตำรวจไปแล้วจำนวน ๔ ปาก
เมื่อพิจารณาจากการสอบสวนแล้ว ขณะนี้มีความชัดเจนเพียงข้อหาสบคบกันตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไปฯ เพื่อก่อความวุ่นวาย ซึ่งมีอัตราโทษน้อย
และจะต้องสอบสวนต่อไปว่า กระทำความผิดฐานเป็น “อั้งยี่และซ่องโจร” หรือไม่?
จึงเห็นควรให้ “ปล่อยชั่วคราว”
โดยให้วางหลักทรัพย์จำนวน ๔๕,๐๐๐ บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ว่า
ห้ามพกพาอาวุธไปในการชุมนุม หรือนำอาวุธไปทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ.
คือตำรวจตั้งข้อหาโตโต้ในความผิด “อั้งยี่-ซ่องโจร” ซึ่งมีอัตราโทษสูง “จำคุกไม่เกิน ๗ ปี”
ศาลจึงไม่อนุญาตให้ประกันทีแรก ตอนตำรวจฝากขัง
แต่เมื่อไต่สวนคำร้องที่ยื่นขอประกันต่อมา ก็พบว่า….
การสอบสวนของตำรวจ ชัดเจนแค่สมคบตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไปก่อความวุ่นวาย โทษไม่สูง อัตราโทษจำคุกแค่ปี-ครึ่งปี
ศาลจึงอนุญาตให้ประกัน
แต่ไม่ได้หมายความว่า โตโต้ จะถูกแค่ข้อหา “สมคบกว่า ๕ คนก่อความวุ่นวาย” นะ
ศาลบอกให้ตำรวจสอบสวนต่อไปให้ได้ความชัดเจนว่า การสมคบกันกว่า ๕ คนของโตโต้นั้น เข้าข่ายเป็น “อั้งยี่-ซ่องโจร” อย่างไร?
ถือเป็นการบ้านที่พนักงานสอบสวนสน.พหลโยธินต้องทำ ถ้าจะมัดโตโต้ให้อยู่ ในข้อหาอั้งยี่-ซ่องโจร
ต้องไปสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาให้เข้าองค์ประกอบความผิดฐานอั้งยี่-ซ่องโจรให้ครบถ้วน
แต่ดูเหมือนโตโต้จะเนื้อหอม……
ได้ประกันปุ๊บ โรงพักต่างๆ จองตัวต่อปั๊บ ด้วยข้อหาตามมาตรา ๑๑๒ ก็มี
ความผิดตามมาตรา ๑๑๒ “ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๓ ปี ถึง ๕ ปี” ถือเป็นโทษสูง
เมื่อเป็นโทษสูง ……..
การประกันตัวไม่ง่ายเหมือนโทษน้อยๆ แต่จะได้ประกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ “พฤติกรรมผู้ต้องหา” ด้วย ศาลจะพิจารณาตรงนี้ประกอบ
เพราะมาตรา ๑๑๒ โทษสูง “ประกันยาก” นี่แหละ เมื่อวาน จึงเกิดจูราสสิก ปาร์ค “กำเนิดไดโนเสาร์” ขึ้นกลางบ้าน-กลางเมือง
นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์
ตามด้วย นายเกรียงกมล เลาหไพโรจน์, นายจาตุรนต์ ฉายแสง, นายธเนศ อาภรณ์สุวรรณ, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, นายสมศักดิ์ ปริศนานันนทกุล
นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี นายทศพร เสรีรักษ์ นายวรชัย เหมะ และอีกหลายคน พวก ๖ ตุลา. ส่วนใหญ่
ไปรวมตัวกันที่ลานสวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตอนบ่าย
ไม่ได้ไปปลงสังขารหรือไปรำลึกคุณทักษิณ?
แต่ไปจัดกิจกรรมเปิดตัวกลุ่ม OctDem หรือ “กลุ่มคนเดือนตุลาเพื่อประชาธิปไตย”
เรียกว่า พอจนแต้ม-จนทาง ก็เอาหางแหย่น้ำ คำว่า “ประชาธิปไตย” ไว้ก่อน
กิจกรรมอ๊อกเดม คือ “เรียกร้องให้ศาลพิจารณาอนุญาตประกันตัวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม”
ก็เพนกวิน รุ้ง อานนท์ ไมค์ ใครต่อใครในขบวนการสามสัส ที่จ้วงจาบองค์พระมหากษัตริย์ และอยู่ในคุกระหว่างคดีนั่นแหละ
รุ่นเล็ก-รุ่นกลาง-รุ่นใหญ่ สำแดงเดชให้ “ปล่อยเพื่อนกู” ไปหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ประกัน
คราวนี้ รุ่น “จูราสสิก ปาร์ค” ลากสังขาร ออกมาประจานหน้ากันไปจะๆ เลย
เฒ่าชาญวิทย์ เฒ่าพนัส วางช่อดอกไม้บนประติมากรรมรำลึกเหตุการณ์ ๖ ตุลา เสร็จแล้ว
จานธรรมศาสตร์ “นายธเนศ” อ่านแถลงการณ์
“ตามที่นักเรียน นิสิตนักศึกษา เยาวชน และประชาชนผู้รักประชาธิปไตยได้เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย
แต่ฝ่ายรัฐได้ใช้อำนาจปราบปรามจับกุมคุมขังพวกเขาไว้ในเรือนจำ
ปรากฏว่าศาลยุติธรรมไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือประกันตัวพวกเขา โดยเฉพาะแกนนำกลุ่มที่ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒
ซึ่งเห็นว่าระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยและนิติรัฐนิติธรรมนั้น การที่ศาลยุติธรรมจะพิจารณาพิพากษาอรรถคดีและทำคำสั่งใดใด
จะต้องเป็นไปโดยยุติธรรมและตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ยุติธรรม
การไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำของการเคลื่อนไหวประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้
เชื่อว่าศาลยุติธรรมย่อมต้องเข้าใจและทราบดีว่าหลักการในการปฏิบัติต่อผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาทุกคดีนั้น
คือจะต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเขาเหล่านั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และจะปฏิบัติต่อเขาเสมือนหนึ่งว่าเป็นผู้พิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิดแล้วไม่ได้
เราเชื่อว่าศาลยุติธรรมย่อมเข้าใจดีว่าการแสดงความคิดเห็นเป็นเสรีภาพที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญและตามกฏหมายสิทธิมนุษยชน
………………………………
เราห็นว่า เหตุผลของศาลยุติธรรมที่ปฏิเสธการปล่อยตัวชั่วคราวบรรดาผู้รักประชาธิปไตยนั้น ไม่สอดคล้องกับหลักการดังกล่าวข้างต้น
เพราะผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ยังไม่ได้ถูกศาลตัดสินถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำความผิดย่อมต้องได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
มูลคดีทั้งหมดล้วนสืบเนื่องจากการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองตามหลักประชาธิปไตยของนิสิตนักศึกษาที่ถูกดำเนินคดี
และคดีเช่นนี้ในภาวะการปกติ อยู่ในเกณฑ์ที่ศาลอาจใช้ดุลยพินิจปล่อยตัวชั่วคราวได้
เป็นเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผลและไม่ชอบด้วยข้อกฎหมายและความยุติธรรมใดใดทั้งสิ้น
ไม่ว่าการตัดสินของศาลยุติธรรมที่ปฏิเสธไม่ให้ผู้เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยเหล่านั้น ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะมาจากเหตุผลใด
จะมีเหตุผลจากการถูกบีบบังคับโดยอำนาจนอกระบบหรือเป็นความประสงค์ของศาลยุติธรรมเองก็ตาม
เราเห็นว่า การตัดสินใจดังกล่าวทำให้เกิดวิกฤติความศรัทธาความเชื่อถือ เชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนที่มีต่อศาลยุติธรรมในที่สุดซึ่งล้วนเกิดจากการกระทำของท่านเองทั้งสิ้น
เราเชื่อว่า เจตนาที่จะคุมขังผู้เรียกร้องประชาธิปไตยไว้ตลอดการพิจารณาคดีรวมทั้งการขัดขวางของเจ้าหน้าที่รัฐในการที่ไม่ให้พวกเขาเหล่านั้นพบปะกับทนายความก็ดี การจงใจข่มขู่คุกคามระยามวิกาลต่อผู้ต้องขังเรานั้นก็ดี
ย่อมไม่อาจขัดขวางการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ด้วยความกังวลใจต่อระบบนิติรัฐในประเทศนี้
เราหวังที่จะเห็นศาลยุติธรรมที่เป็นอิสระและพิจารณาอรรถคดีต่างๆ ไปด้วยความยุติธรรมและปราศจากอคติ ปราศจากการครอบงำจากผู้หนึ่งผู้ใดหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง
เราขอเรียกร้องอย่างตรงไปตรงมาต่อศาลยุติธรรม ว่าท่านต้องให้โอกาสเขาเหล่านั้นในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่โดยเปิดเผย
และมีโอกาสแสวงหาพยานหลักฐานต่างๆมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกเขาอย่างเต็มที่
โดยอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวพวกเขาในระหว่างการพิจารณาคดี อันเป็นสิทธิโดยสมบูรณ์ของพวกเขาที่มีอยู่ตามหลักกฏหมายยุติธรรม”
เอ้อเฮอ….
กับเจ้า ก็ชนแล้ว กับรัฐบาลก็ชนแล้ว รัฐสภาไม่ต้องชน เพราะมีแนวร่วมชนอยู่แล้ว
คราวนี้ “จูราสสิก ปาร์ค” ชนศาลเองเลย!
ก็ล้มมันซะให้ครบทุกสถาบันหลักของชาติไปเลย แล้ว ๔ เมษา.คณะจูราสสิก ปาร์ค อย่าลืมยกคณะไปแจมจตุพรเขาล่ะ
นับถือ..นับถือ….
(ถุ้ย)!