ผักกาดหอม
“ตู่” มา
“เต้น” ตาม
ดูรูปการณ์เหมือนมีการฟอร์มทีมสองเกลอหัวขวดขึ้นมาใหม่
แต่น้องๆ สามนิ้วอย่าเพิ่งดีใจไป
เพราะ “พี่ตู่-พี่เต้น” ไม่ใช่ “กวิ้น-อานนท์”
มีความพยายามฟื้นมวลชนเสื้อแดงขึ้นมา วัตถุประสงค์คือเปลี่ยนอำนาจ แต่อาจไม่ใช่ “ระบอบทักษิณ”
จับชีพจร “ตู่” แม้เคลื่อนไหวแยกออกจากเพื่อไทยมานานจนคิดว่าขาดจากระบอบทักษิณแล้ว แต่การเมืองใช่ว่าจะหาความแน่นอนได้
เช่นกัน “เต้น” ออกมาเคลื่อนไหว หลัง “ตู่” ออกมาตะโกนจะไล่ “บิ๊กตู่” พ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เป็นการสอดรับที่จะบอกว่าบังเอิญไม่ได้
ต้องผ่านการพูดคุยกันมาก่อน
“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ส่งสัญญาณในวันได้รับอิสรภาพ ในนามคนเสื้อแดงที่ต่อสู้ไม่ยอมแพ้ และโน้มน้าวชาวสามนิ้วให้เป็นแนวร่วม
__________
“…เราถูกฆ่าตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เราถูกตราหน้าว่าเป็นควาย เราถูกกาหัวว่าเป็นพวกไร้การศึกษา เราถูกทำให้ไร้ค่า สิบกว่าปีที่ผ่านมา พวกผมต่อสู้แล้วเจอแต่สิ่งนี้
แต่พวกเขาคนหนุ่มสาวเหล่านี้…
พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่หยิบยื่นความเห็นใจและหยิบยื่นเกียรติยศให้พวกผม
พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่ตะโกนเรียกพวกเรากลางท้องถนน
พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่บอกว่าเข้าใจพวกเราแล้ว และขอโทษพวกเราที่เคยเข้าใจผิด
ในนามของความเป็นมนุษย์ ผมทิ้งพวกเขาไม่ได้…
ผมได้มีโอกาสถามเพนกวินในเรือนจำ พี่ได้ยินว่าข้างนอกพวกน้องตะโกนชื่อพี่อยู่หลายเวที น้องรู้จักพี่ได้ยังไง?
เพนกวินบอกเขาเห็นผมตั้งแต่อายุ ๑๑ ขวบ
คำตอบของเขาง่ายๆ สั้นๆ แต่มันทำให้ผมต้องคิดยาว เพราะเมื่อปี ๒๕๕๓ ผมร่วมกับเพื่อนมิตรร่วมอุดมการณ์ต่อสู้ครั้งใหญ่ ผ่านมาสิบปี ๒๕๖๓ เพนกวินมาเป็นแกนนำต่อสู้ มีคดีความติดคุกติดตะราง
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กๆ ในวันนี้ ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย?
จะคิดอย่างนั้นกันจริงหรือ ควรโทษคนรุ่นเราที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะปล่อยให้เรื่องราวมาถึงเด็กรุ่นใหม่ที่เขากล้าจะต่อสู้
เพราะถ้าคนรุ่นเราไม่รับผิดชอบ ถ้ามันเป็นอย่างนี้อีกสิบปี สิบปีข้างหน้าลูกชายผมจะอายุเท่าเพนกวินวันนี้
และไม่แน่ว่าสิบปีข้างหน้า ลูกชายผมจะต้องมาเจอกับสภาพแบบนี้
ไม่แน่ว่าอีกสิบปีข้างหน้า คนที่จะต้องวิ่งขึ้นลงบันไดศาล อาจจะไม่ใช่แม่เพนกวิน แม่รุ้ง แม่ไผ่
แต่อาจจะเป็นผมซึ่งเป็นพ่อ
ผมถึงบอกว่าคนรุ่นเราต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ให้เด็กที่โตขึ้นมาบนความขัดแย้งก่อนที่เขาจะรู้ความ
ถามหัวใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนว่าเรายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ เราจะเข้าคิวรอการเป็นพ่อแม่ที่ต้องวิ่งประกันตัวลูก
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กๆ ในวันนี้ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย จะคิดอย่างนั้นกันจริงหรือ
ควรโทษคนรุ่นเราที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะปล่อยให้เรื่องราวมาถึงเด็กรุ่นใหม่ที่เขากล้าจะต่อสู้ เพราะถ้าคนรุ่นเราไม่รับผิดชอบ
อีกสิบปีข้างหน้า อาจจะเป็นเราที่ต้องวิ่งขึ้นโรงขึ้นศาล เพื่อช่วยลูกเรา เราจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้!
ดังนั้นไม่มีใครปฏิเสธความเปลี่ยนแปลงได้
และเราอยู่ร่วมกับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ไม่มีใครต้องทำลายกันและกันให้พินาศ สำหรับคนหนุ่มสาว เมตตาเถอะครับอย่าอาฆาต กรุณาเถอะครับอย่าพยาบาท
อยากจะบอกทุกคน ว่า พี่เต้นยังอยู่ตรงนี้ จะไม่ทอดทิ้งกัน…..”
__________
สมกับเจ้าของวลีอมตะ “เผาเลยครับพี่น้องผมรับผิดชอบเอง” จริงๆ
ว่าไปแล้วนึกถึงวันที่ “ณัฐวุฒิ” ถูกนักข่าวขอดเกล็ดในงานแถลงข่าวตอบข้อซักถามประเด็น ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังเมาหมัดโครงการรับจำนำข้าว
อึกอักทำอะไรไม่ถูก
สิ้นลายแชมป์โต้วาทีมัธยมศึกษา
ทำได้แค่กระดกน้ำเปล่ากลั้วคอ
ในชีวิตจริง การทำงานจริง “ณัฐวุฒิ” ทำได้แค่นั้นจริงๆ
วันนี้ “ณัฐวุฒิ” กลับมาสวมวิญญาณนักโต้วาที ประดิษฐ์ตัวอักษรสวยหรูอีกครั้ง
ชวนเด็กๆ สามนิ้วร่วมทัพ
หาก “ณัฐวุฒิ” ต้องการแสดงความรับผิดชอบจริง ควรหาโอกาสไปคุยกับ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” ในคุกดู
ทำไม “บุญทรง” ถึงต้องติดคุก
ทำไม “ยิ่งลักษณ์” หนีไปต่างประเทศ
เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริง
ไม่ใช่เรื่องอุปโลกน์บนเวทีโต้วาที
ที่จริงก็ประหลาดใจอยู่…
การที่นักเรียกร้องประชาธิปไตยถวายชีวิตอย่าง “เพนกวิน” ยกย่องคนอย่าง “ณัฐวุฒิ” เป็นไอดอล
แถมยังเป็นสาวกพรรคเพื่อไทยอีก
มันบ่งบอกอะไรหลายอย่าง
เพื่อไทยเป็นพรรคตามสั่ง แล้วแต่เจ้าของพรรคชี้นิ้ว
เป็นพรรคแห้งแล้งประชาธิปไตย
จริงหรือไม่ลองถาม “เจ๊หน่อย” และอีกหลายๆ คน ที่โบกมือลาไปสร้างอนาคตตัวเองดูได้
จึงเป็นข้อกังขา ประชาธิปไตยอะไรกัน?
ไปที่ “ตู่-จตุพร”
น้องๆ สามนิ้วต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อนจะกระโดดร่วมขบวนการ
ประเด็นสำคัญคือ “ตุ๊ดตู่” ไล่แค่ “บิ๊กตู่” และเขียนรัฐธรรมนูญใหม่
แต่ไม่ได้ล้มเจ้า
ถ้าเห็นด้วยก็เชิญเดินตาม
ตามไปไหน?
เท่าที่ฟัง “ตุ๊ดตู่” เรียกน้ำย่อยก็ตามนี้
“…ผมรู้สิ่งที่กำลังทำต่อไปมันยาก เชื่อว่าโมเดลเหตุการณ์พฤษภา ๒๕๓๕ ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ ส่วนใครจะเชื่ออย่างไรก็ว่ากันไป แต่อย่ามาใส่ร้าย อย่ามาสกัดขัดขวางด้วยการวิจารณ์สาดเสียเทเสียกัน ผมมีคำถามง่ายๆ ใครอยากใส่เสื้อสีอะไรก็ใส่มา อยากให้ประยุทธ์อยู่ต่อก็ไม่ต้องมา ก็แค่นั้น…”
ครับ….พฤษภาทมิฬคือการนองเลือด
พลาดแล้วครับคุณจตุพร
“บิ๊กตู่” ไม่ใช่ “บิ๊กสุ” และไม่ใช่ “มิน อ่อง หล่าย”
“บิ๊กตู่” อยู่มาเข้าปีที่ ๗ เป็น ๗ ปีในโลกยุคใหม่
ตรงนี้ต่างหากที่ “จตุพร” ควรไปหาคำตอบว่าเพราะอะไร.