26 มี.ค.64 – ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูลน รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีมีผู้ฉีดวัคซีนโควิดแล้วมีผลข้างเคียง บางคนถึงขั้นเสียชีวิตหลังได้รับวัคซีน จะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้อย่างไร ว่า
ข่าวที่ออกมาว่าคนที่ฉีดแล้วเส้นเลือดในกระเพาะแตกเสียชีวิตนั้น ขอยืนยันว่าสาเหตุไม่ได้มาจากวัคซีน 100% เขาคงมีปัญหาในเรื่องของเส้นเลือดเป็นทุนอยู่ และอาจเป็นจังหวะพอดีกัน
ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้หารือกับแพทย์อาวุโสด้านต่าง ๆ ทุกคนบอกว่าไม่ได้มีสาเหตุมาจากวัคซีน อธิบดีกรมควบคุมโรคจะมีการแถลงให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ตามหลักการแพทย์ ขออย่าให้ตื่นตกใจ อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนทุกชนิดสามารถกิดขึ้นได้ มากบ้างน้อยบ้างเป็นเรื่องปกติ เป็นที่ยอมรับทางการแพทย์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่มีผลข้างเคียง นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้โทรศัพท์สอบถามอาการตั้งแต่วันแรกแล้ว ซึ่งรมต.ทุกคนมีเรื่องอดนอนเข้ามาเกี่ยวแน่นอน เพราะพักผ่อนน้อย รมต.คนไหนนอน 2 ทุ่มตื่น 6 โมงเช้า ก็คงถูกนายกฯ ถามแน่นอนว่าทำไมไม่ทำงาน
ดังนั้น มีหลายปัจจัยซึ่ง น.ส.มนัญญา ก็ไม่ใช่ว่าจะอายุน้อย ไม่ใช่สาวน้อยร้อยชั่ง เป็นสาวน้อยวัยใกล้เกษียณย่อมมีผลข้างเคียงได้อีกทั้งเดินทางก็มากรับงานรับความเครียดต่างๆ ย่อมมีโอกาสที่จะได้รับผลข้างเคียงแต่เมื่อมีไข้จึงเดินทางไปโรงพยาบาล 2 วันก็หาย ไม่ได้เป็นอะไรรุนแรง
ดังนั้น ปัจจัยหลายอย่างรวมกันไม่ใช่วัคซีนอย่างเดียว นายกฯเองก็บอกว่าฉีดแล้วอารมณ์ดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก็ฉีดและยังแข็งแรงดีบางครั้งอาจจะเป็นจังหวะของเรื่องความเครียดอย่างตนในวันที่ฉีดเข็มที่ 2 ก็ความดันขึ้น ทั้งที่เตรียมตัวมาอย่างดี แต่เมื่อฉีดแล้วก็รู้สึกกังวลลึกๆ ว่าถ้าฉีดไปแล้ววูบไปตอนนี้จะทำอย่างไรเพราะมีนักข่าวมาทำข่าวอยู่เป็นจำนวนมาก
“ขณะนั้นผมก็กลัวเหมือนกัน เมื่อยิ่งกลัวก็ยิ่งเครียดถึงขั้นจับชีพจรตัวเองรู้สึกว่าชีพจรเต้นเร็ว แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นอะไร ดังนั้นขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจด้วย เพราะเป็นวัคซีนใหม่ แต่ขอยืนยันกับทุกคนจะต้องฉีดเพื่อป้องกันโควิด 19
และกรมควบคุมโรคก็ยืนยันอีกครั้งว่า การฉีดวัคซีนจะไม่ทำให้อาการของโรคปกติที่ประชาชนมีอยู่ทวีความรุนแรง และไม่เสียชีวิตจากโรคโควิด 19 เมื่อได้รับวัคซีน ซึ่ง 2 ปัจจัยนี้ก็เพียงพอแล้ว ยืนยันได้ว่าเมื่อได้รับวัคซีนแล้วผลข้างเคียงไม่รุนแรง100% ไม่ตาย100% เพราะผลการทดลองของผู้ผลิตวัคซีนและสถาบันทารงการแพทย์ชั้นนำของโลกเขาก็มีผลรับรองอยู่แล้ว”
นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวของจ.ภูเก็ตนั้น ตนยังไม่ระบุว่าจะเริ่มต้นได้เมื่อไหร่เพราะต้องให้กรมควบคุมโรคและทีมแพทย์กระทรวงสาธารณสุขประเมินเป็นระยะ และวันนี้จะต้องทุ่มวัคซีนเข้าไปที่จ.ภูเก็ต จะเริ่มทยอยฉีดได้ในสัปดาห์หน้าให้ภูเก็ต 1 แสนโดส เกาะสมุย 5 หมื่นโดส สมุทรสาคร 1 แสนโดส กทม. 1 แสนโดส ส่วนเดือนหน้าก็จะมาอีก 1-2 ล้านโดส ซึ่งจะมาตามคำสั่งซื้อเดิมจะได้กระจายไปพื้นที่ต่างๆปลายเดือน พ.ค. หรือ ต้น มิ.ย. ทะยอยมาเรื่อยๆเริ่มฉีดไปเรื่อยๆ
“ต้องขอวิงวอนว่าเมื่อวัคซีนมาพร้อมแล้ว ผมต้องกราบเท้าพี่น้องประชาชนทุกคนว่าให้มารับการฉีดอย่ากลัวเพื่อรองรับวัคซีนที่มาในแต่ละเดือน ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้รับวัคซีนแล้วก็ได้อาสาสมัครไปเป็นคนที่บริจาคเลือดหลังได้รับวัคซีน 2 เข็มไปทดสอบว่าสามารถสร้างภูมิต้านทานได้หรือไม่
เพราะถ้าหลายคนที่ฉีดแล้วสามารถสร้างภูมิต้านทานได้แสดงว่าผู้ได้รับวัคซีนส่วนใหญ่สร้างภูมิคุ้มกันได้แล้วเราจึงค่อยมาพิจารณาเรื่องการผ่อนคลายกันเช่นเปิดเมือง การเดินทางสัญจรไปมา ซึ่งเมื่อฉีดวัคซีนไปได้ 5-10 ล้านคนสามารถทยอยเปิดประเทศได้ แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นวันไหนเดือนไหน เพราะต้องให้ทางการแพทย์เป็นผู้ประเมิน”
เมื่อถามถึงวัคซีนของ บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่ผ่านการรับรองของ อย.แล้วจะสามารถฉีดให้ประชาชนได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับ บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จะขายให้รัฐบาลหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังเป็นเพียงการขึ้นทะเบียนให้กับ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าบริษัทใดก็ตามที่มาขึ้นทะเบียนเรารับเอาไว้เพื่อลบคำครหา ที่ว่าเราเลือกปฏิบัติ
แต่รัฐบาลได้คุยกับบริษัทดังกล่าวว่าขอให้เป็นหลังจากที่ แอสตราเซนิกา ส่งได้หมดตามคำสั่งซื้อทั้ง 61 ล้านโดสแล้ว เพราะเราถือว่าแอสตราเซนิกา เป็นวัคซีนหลักที่ใช้กับคนไทยซึ่งจะทยอยส่งได้ในเดือนมิ.ย.
“ดังนั้นไม่ว่ายี่ห้อใดที่จะมาหลังจากนั้น ถือว่าเป็นช่วงที่เราไม่ได้มีความต้องการมาก แต่ที่เราต้องการคือ ช่วงจากนี้ถึงมิ.ย.ซึ่งนายกฯ ให้ความสนับสนุนเต็มที่เพราะมีความเป็นห่วงคนไทย
โดยบอกว่า ถ้ามีใครมาก่อนในช่วงนี้ก็ให้ซื้อ ซึ่งเราก็มีกฎหมายรองรับว่าซื้อเพื่อมารองรับสถานการฉุกเฉินแต่ในช่วง 2 เดือนนี้ ไม่มีบริษัทไหนส่งให้ได้ แม้แต่ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่มาพบ ตนก็บอกว่าจะได้ช่วง ต.ค.-ธ.ค. ถ้าเป็นช่วงนั้นเราก็ได้วัคซีนหลักมาแล้ว
แต่ถ้าวันหนึ่ง จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง แล้วไปถอนการใช้วัคซีนฉุกเฉินจากสหรัฐเขาก็สามารถนำมาขายภาคเอกชน ในภาวะปกติเพื่อฉีดให้กับคนที่ยอมเสียเงินนั้นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขยืนยันจะให้การสนับสนุนให้นำเข้าได้เพื่อนำมาใช้กับภาคเอกชนได้ไม่ปิดกั้นเพราะจะเป็นประโยชน์กับภาครัฐ” นายอนุทิน กล่าว