เปลว สีเงิน
ขอบคุณนะครับ…ท่านนายกฯ เศรษฐา
ท่านทำให้ผมได้สัมผัสความจริงอย่างหนึ่งว่า การ “มีนายกฯอยู่-ไม่มีนายกฯอยู่” ในประเทศ
ค่าเท่ากัน!
บางที การไม่อยู่ ช่วยทำให้บ้านเมืองเป็นรมณียสถานที่น่าอยู่ ชาวบ้าน-ชาวเมือง สบายอก-สบายใจ ขึ้นด้วยซ้ำ
ขอให้เอ็นจอยกับบทบาท “เซลแมน” ไปเรื่อยๆ นะท่าน
ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก
เพราะ”นักโทษเทวดา” ในฐานะ “นายกฯ ตัวจริง” ถ้าไม่สั่งตรง ก็สั่งผ่านหมอมิ้งค์ และรองนายกฯภูมิธรรมได้อยู่แล้ว
ฉะนั้น นายกฯ Puppet กับ นายกฯ Soft Power เป็นนายแบบ-นางแบบ เดินโชว์ผ้าขะม้ากับผ้าไทย อยู่เยอรมัน-ฝรั่งเศสนั่นแหละ
ไม่ต้องรีบกลับ….ขอร้อง!
แต่มีคนอิจฉาท่านแน่ะ เขารวบรวมสถิติการเดินสายต่างประเทศของท่านไว้อย่างนี้
๑๘-๒๔ กย.๖๖ ไปนิวยอร์ก สหรัฐ
๒๘ กย.๖๖ ไปกัมพูชา
๘-๙ ตุลา.๖๖ ไปฮ่องกง
๑๐ ตค.๖๖ ไปบรูไน
๑๑ ตค.๖๖ ไปมาเลเซีย
๑๒ ตค.๖๖ ไปสิงคโปร์
๑๖-๑๙ ตค.๖๖ ไปจีน
๑๙-๒๑ ตค.๖๖ ไปซาอุดีอารเบีย
๒๙-๓๐ ตค.๖๖ ไปลาว
๑๒-๑๙ พย.๖๖ ไปซานฟราน สหรัฐ
๑๔-๑๙ ธค.๖๖ ไปญี่ปุ่น
๑๕-๑๙ มค.๖๗ ไปสวิส
๓-๔ กพ.๖๗ ไปศรีลังกา
๔-๖ มีนา.๖๗ไปออสเตรเลีย
๗-๑๓ มีนา.๖๗ ไปเยอรมัน-ฝรั่งเศส
ภายใน ๑๗๖ วัน บินไปขายฝันอยู่ต่างประเทศ ๕๒ วัน
ผู้รวบรวมสถิติเขาว่างั้น …..
แต่เสียดาย เขาไม่ได้บันทึกสถิติช่วงอยู่ในประเทศ ว่าลอยชาย ไปเหนือ-ไปใต้-ไปอีสาน รวมแล้วอีกกี่วัน?
และวันที่เหลือจากนั้น….
นายกฯ ทำงาน “ในทำเนียบ-ในสภา” เป็นเนื้อ-เป็นหนัง ไม่ใช่น้ำลาย มีซักกี่วัน?
แต่ไม่ต้องห่วงหรอก อยู่ทางนี้ มีคนโพสต์ข้อความแก้ต่างให้ท่านแล้ว
…………………………..
ชัย วัชรงค์ – Chai Wacharonke
ช่วงนี้มีการจับประเด็นว่า ท่านนายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมากในรอบ ๖ เดือนที่ผ่านมา จนถึงขั้นทำลายสถิติผู้นำประเทศไทยที่ไปเยือนต่างประเทศบ่อยที่สุด
แล้วตบท้ายด้วยการทวงถามว่า ไปบ่อยขนาดนี้แล้วได้อะไรกลับมาบ้าง?
ขอตอบว่า: ดีลต่างๆ ที่ท่านนายกเพียรพยายามเดินทางไปเจรจาในประเทศต่างๆทั้งกับภาครัฐบาลและภาคเอกชนชั้นนำนั้น
ล้วนแล้วแต่เป็นดีลที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงมากๆระดับหลายพันล้านบาทจนถึงหลายแสนล้านบาท
ดีลระดับนี้ จะต้องใช้เวลาในการตัดสินใจพอสมควร อย่างเร็วสุด ก็น่าจะประมาณ ๑ ปี ส่วนใหญ่น่าจะได้คำตอบสุดท้ายภายใน ๒-๓ ปี
คนที่เข้าใจธุรกิจและมีประสบการณ์อย่างดีในโลกของการค้าและการลงทุนใหญ่ๆ ระดับนานาชาติ
ย่อมทราบดีถึงเงื่อนไขของระยะเวลาที่ต้องใช้และอดทนรอคอยผลสำเร็จของการหว่านพืชเอาไว้ในวันนี้
ทั้งนี้ รัฐบาลตระหนักดีว่า
คนบางกลุ่มอาจจะยังไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน จึงได้ตั้งคำถามกดดันรัฐบาลเช่นนี้
แม้จะมีการเย้ยหยันบั่นทอนกำลังใจในการทำงานอย่างไร รัฐบาลนี้ ก็จะยังคงหนักแน่นแน่วแน่ที่จะเดินหน้าทำงานหนักต่อไป วันหนึ่งผลงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ
………………………..
โห…ท่านชัย
ไหน เจ้านายบอก “เศรษฐกิจกำลังวิกฤต” เพราะรัฐบาลประยุทธ์บริหารประเทศ ๘ ปี มีแต่ล้มเหลว ชาวบ้านอดยาก ไม่มีจะกิน จะตายกันหมดเแล้ว จะต้องแก้ด่วน แก้ทันทีไงล่ะ
แล้วนี่ คนเป็นผู้นำระดับบริหาร กะเร่อ-กะร่า เอาผ้าขะม้าผูกคอไปขายยุโรป
แค่จะมีใครซื้อไปผูกคอตายซักผืน ยังต้องรอคำตอบสุดท้ายถึง ๒-๓ ปีเชียวหรือ?
ไหนว่า “คิดใหญ่-ทำเป็น” ไงล่ะ แถมคุย เพื่อไทยล้วนแต่มืออาชีพ
“มืออาชีพ “เขาต้องสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ให้สินค้าตัวนั้นๆผ่านการพัฒนาคุณภาพวัตถุดิบ สร้างแบรนด์ ดีไซน์ให้ต้องรสนิยมคนตะวันตกก่อน
ฝรั่งเขาไม่ใช่ไอ้เงาะ ที่บ้าดอกไม้แดง จะได้เอาผ้าขะม้าออริจินัล สีจู๊ดจ๊าด พันคอเดินถนน เป็นไอ้ตัวโบโซ่ แบบนั้น
แต่ละดีล โฆษกชัยว่า ไม่พันล้านก็หลายแสนล้าน แล้วแบบนี้น่ะนะ สินค้าพันล้าน-หลายแสนล้าน
ไม่ต้องถามใคร ถามโฆษกชัยเองนี่แหละ….
ทำไม่ซื้อมาพันคอตามเจ้านายมานั่งแถลงข่าว เป็นนายแบบให้คนไทยเห่อตามบ้างล่ะ?
…………………………………
เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin
มาฝรั่งเศสเมืองแห่งแฟชั่น ผมตั้งใจเอาผลิตภัณฑ์กระจูดของดีขึ้นชื่อจังหวัดนราธิวาส และผ้าขาวม้า จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นสินค้าท้องถิ่นที่มีความโดดเด่นและเอกลักษณ์มาด้วย
ผ้าขาวม้า คือเครื่องหมายของการผูกมิตร มีความเป็นสากล และ muti-color
ถ้าเราต่อยอดและขยายตลาดในต่างประเทศได้ ในอนาคตข้างหน้าผ้าขาวม้า ผืนละ 50 บาท อาจจะยกระดับราคาให้ เป็น 1,000 บาทได้ และนั่นคือ การยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนไทยครับ
…………………
เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin
หนึ่งในภารกิจเยือนฝรั่งเศสที่สำคัญ คือการต่อยอด Soft Power แนะนำสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยให้ไปสู่สายตาชาวโลกให้มากที่สุดครับ
ผมจึงเลือกเอาผ้าขาวม้าจากกาฬสินธุ์ มาพันคอ ส่วนคุณอิ๊งค์ คนสำคัญของโปรเจกต์ซอฟต์พาวเวอร์ ก็เลือกใส่สูทผ้าครามจาก จ.สกลนคร ครับ
…………………………..
เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin
คิดไว้ตั้งแต่ตอนที่ได้ผ้าขาวม้าผืนนี้มาตอนไปลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ว่าสีสวยสดแบบนี้ จะเอามาคล้องคอ ใส่คู่กับสูทสีน้ำเงินตอนเยือนฝรั่งเศส
เป็นยังไงบ้างครับ แมทช์แล้วเข้ากันใช่ไหมครับ
การเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสครั้งนี้ ผมตั้งใจมาเชิญชวนภาคเอกชน และบริษัทรายใหญ่ของฝรั่งเศสไปลงทุนในบ้านเราครับ
โดยวันนี้ (8 มีนาคม) ผมมีกำหนดการหารือภาคเอกชนชั้นนำของฝรั่งเศส กว่า 10 ราย ฝากทุกคนติดตามด้วยนะครับ
…………………………..
แมทช์จนแมดเลยะท่านนายกฯ ช่างหาเสียงประจบเสร่อๆซะจริงๆ
เดี๋ยวผ้าขะม้าอุดรฯ เดี๋ยวกาฬสินธุ์ เดี๋ยวร้อยเอ็ด โธ่เอ๊ย…ผ้าขะม้าน่ะ มันมีทุกจังหวัด ไม่ว่าในอีสานหรือภาคไหนๆ
เพราะมันเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ด้วยภูมิปัญญาไทย ทั้งนุ่ง ทั้งห่ม ทั้งเช็ดหน้า-เช็ดตัว ทั้งคลุมหัว ทั้งห่อของ ทั้งเป็นอาวุธ ทั้งโพกตัว ทั้งคาดเอว ทั้งพาดบ่า ทั้งทำเปล ทั้งพับงานฝีมือ
และทั้งใช้ “ผูกคอตาย” ได้อย่างเท่ๆ!
แต่เกิดจากท้องพ่อ-ท้องแม่ เท่าที่เห็น นอกจาก “เขมรแดง” ที่ใช้ผ้าวขะม้าดิบๆ พันคอเป็นสัญลักษณ์แล้ว
ก็มีแต่นายกฯ เศรษฐานี่แหละ ………
เอาผ้าขะม้าดิบๆ พันคอไปขายเมืองแฟชั่น โดยไม่ผ่านการพัฒนาคุณภาพ
ทั้งไม่มีการดีไซน์ ให้มีเอกลักษณ์ รวมทั้งสีสัน ว่าสไตล์ไหน เข้ากับรสนิยมคนตะวันตก?
ถ้างานแบบนี้ เป็นงานนายกฯ
ผมว่า ให้เจ้าของไอเดีย “กางเกงช้าง” มาเป็นนายกฯ แล้วให้เอาผ้าขะม้าไปดีไซน์ ก่อนไปเซล ที่ฝรั่งเศส
ส่วนเศรษฐา ให้มายืนขายกางเกงช้าง ข้างกำแพงวัดพระแก้ว
ใครขายได้ ให้เป็นนายกฯ ตัวจริง ขายไม่ได้ ถีบทิ้งมันไปเลย แบบนี้ดีมั้ย?!
ถ้าการแต่งตัวแบบขายขี้หน้า แล้วขี่ม้าชมดอกไม้ เข้าหางโน้น-ออกห้างนี้ จับมือคนโน้น-คนนี้ แล้ว เอามาโพสต์อวด
ว่านี่คือ งานของ “ผู้นำบริหารประเทศ” ละก็?
โละรัฐมนตรีทางการค้า ยุบสภาอุตสาหกรรม หอการค้าไทย และอีกร้อยแปดตำแหน่งที่ตะโบมตั้งกันเข้าไป เช่น ผู้แทนการค้าไทย เป็นต้น ทิ้งไป มันเปลืองเงินเปล่าๆ
จากนั้น งดทัวร์ต่างประเทศ-ในประเทศ ให้น้อยลง
แค่นี้ ก็น่าจะประหยัดงบได้หลายร้อยล้านหรือถึงพันล้าน แล้วเอาเงินส่วนนี้ ไปส่งเสริมชาวบ้านพัฒนารูปแบบ-คุณภาพสินค้าพื้นบ้าน
ได้ผลทันตาทาง “มีอยู่-มีกิน” แน่นอนกว่าให้นายกฯ ซึ่งไม่รู้หน้าที่ เที่ยวผลาญเงินเดินทางมันไม่เว้นแต่ละสัปดาห์-แต่ละเดือน แล้วเอามาโม้
ปัญหาในประเทศ กองท่วมหัว ทิ้ง…แล้วหนีเที่ยวตะพึด อย่างปัญหาภูเก็ต พูดก็พูดเถอะ…
ถ้ารองนายกฯ “อนุทิน ชาญวีระกูล” รัฐมนตรีมหาดไทยไม่ออกมาแสดงวุฒิภาวะผู้นำแทน
ป่านนี้ “ฝรั่งสถุล” มันเป็นเจ้าครองเมืองภูเก็ตไปแล้ว
ยิ่งดูผู้ว่าฯ ภูเก็ต ที่รองนายกฯ อนุทินเรียกกลับจากตามนายกฯ ไปอีเวนท์ท่องเที่ยวที่ฝรั่งเศส ให้รีบกลับมาทำหน้าที่ในงานตัวเองด้วยแล้ว
เห็นก็รู้เลย ข้าราชการไทย “รวมศูนย์” อยู่ที่ใคร?
รัฐมนตรีมหาดไทยแทบ “ไม่อยู่ในสายตา” ด้วยซ้ำ!
เปลว สีเงิน
๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗