1 มีนาคม 2564 ที่โรงพยาบาลปทุมธานี อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหารฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นวัคซีนจากบริษัท Sinovac แก่กลุ่มเป้าหมายได้แก่ บุคลากรการแพทย์ และการสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการควบคุมโรค ประชาชน ที่มีโรคประจำตัวตามเกณฑ์ที่กำหนด ประชาชนกลุ่มเสี่ยง และแรงงานในพื้นที่
นายอนุทิน กล่าวว่า วานนี้ ได้ตรวจติดตามการฉีดวัคซีนเข็มแรกของประเทศไทย และของจังหวัดสมุทรสาคร กระบวนการเรียบร้อยดี ตามหลักการแล้ว วัคซีนในระยะเร่งด่วนต้องให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุข เจ้าหน้าที่กลุ่มเสี่ยง และบุคคลที่เสี่ยงมีอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ซึ่งประเทศไทยได้ดำเนินการไปตามหลักเกณฑ์นี้ การฉีดวัคซีนที่ผ่านมาถือเป็นการทดสอบระบบการให้บริการ ซึ่งจากนี้ประเทศไทยต้องให้บริการจำนวนมหาศาล จึงจำเป็นต้องรู้ว่าจะปรับปรุงการฉีดวัคซีนอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในอนาคต หลักการฉีดต้องครอบคลุม สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชากร ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในประเทศไทยย่อมมีสิทธิ์ได้รับวัคซีน
สำหรับประเทศไทย การฉีดวัคซีนเข็มแรกของประชาชน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐ และหากพบว่าใครมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อแลกกับบริการนี้ ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง หากพบเจอให้แจ้งเจ้าหน้าที่จัดการโดยเร่งด่วน จากนี้ ขอให้ประชาชนโหลด Line Application หมอพร้อมติดตัวไว้ เพื่อติดตามเรื่อการรับบริการวัคซีน
ส่วนกรณีที่พบการปกปิดข้อมูลจนทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดปทุมธานี ให้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของฝ่ายปกครองที่จะต้องไปดำเนินคดีตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้
“ประเทศไทยยังไม่หยุดจัดหาวัคซีนมาให้บริการแก่คนไทยและไม่มีการปิดกั้นการขอขึ้นทะเบียน หากบริษัทไหนมีความพร้อมมั่นใจว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล มีความปลอดภัยมีเอกสารครบถ้วน สามารถนำมาขอขึ้นทะเบียนได้เลย ที่ผ่านมาประเทศไทยได้หารือกับเอกชนหลายราย และพร้อมพิจารณานำเข้าวัคซีนแต่ติดเงื่อนไขบางประกา รอาทิเช่น เมื่อจ่ายเงินไปแล้ววัคซีนจะได้มาในช่วงปลายปี เท่ากับชนรอบ การได้รับวัคซีนจากผู้ผลิตในยุโรป ซึ่งผลิตจากโรงงานไทย จึงต้องชะลอการตัดสินใจออกไป”