สันต์ สะตอแมน
นักรบย่อมมีบาดแผล!
“จอมยุทธ์-นักปราชญ์” ท่านใดกล่าวผมก็ไม่รู้ แต่ที่รู้..วานนี้ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี นักการเมืองรุ่นเก๋า-ลายคราม
ได้หยิบเอาอมตะวาจาของนักปราชญ์ชาวจีนนาม “เม่งจื๊อ” ที่กล่าวไว้เมื่อประมาณ 2,000 กว่าปีมาแล้ว มาโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว..
“เป็นความยุติธรรมที่ประชาชนชอบจะล้มล้างรัฐบาลกังฉิน ที่เป็นทรราชปกครองบ้านเมืองด้วยการกดขี่ ฉ้อราษฎร์บังหลวง อย่างไร้ศีลธรรมและจริยธรรม”
พร้อมข้อความท้าย.. “ขอให้มวลมหาประชาชนและ กปปส. ทุกคนจงเชิดหน้าและยืนหยัดรักษาอุดมการณ์ #ผลประโยชน์ของชาติต้องเหนือกว่าผลประโยชน์และความปลอดภัยของตนเอง
ไว้ต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
แม้จะต้องตายไปในสักวันหนึ่ง แต่คุณความดีของพวกท่านจะถูกจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยไปอีกนานแสนนาน”
ซึ่งเหตุที่มวลมหาประชาชนออกมาชุมนุมกันนับล้าน-สิบล้านคนในตอนนั้น เป็นเพราะรัฐบาลกังฉิน ฉ้อราษฎร์บังหลวง อย่างไร้ศีลธรรม และจริยธรรมอย่างจริงแท้-ชัดเจน!
ทุกคนที่ออกมาชุมนุม-เดินประท้วงจึงมีความภาคภูมิใจเป็นยิ่งนักที่สามารถหยุดยั้งรัฐบาลกังฉิน ไม่ให้ฉ้อราษฎร์บังหลวงได้สืบมา
แต่ในวันที่แกนนำมวลมหาประชาชนถูกศาลตัดสินจำคุกคนละหลายปี และมีคนประโลมปลอบด้วยคำพูดนักปราชญ “นักรบย่อมมีบาดแผล”..
ก็ไม่คิดว่าจะมี “คนตอแหล” อย่างเช่นนักเขียนรางวัลซีไรต์ “นางวีรพร นิติประภา” โผล่ขึ้นท่ามกลางความอัดอั้นตันใจของมวลมหาประชาชน!
ตอแหลอย่างไร อ่านที่นางโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กดูแล้วกัน.. “สิ่งที่เพื่อนๆ กปปส.อาจไม่รู้ เด็กๆ รุ่นใหม่โกรธและเกลียดพวกคุณมากนะ
หลายคนจดจำพ่อแม่ที่อบอุ่นน่ารักเข้าอกเข้าใจ ซึ่งกลายสภาพเป็นคนเกรี้ยวกราดหยาบคายเสียสติในช่วงเวลาการเคลื่อนไหวนั้นได้ และเขาก็ไม่ให้อภัยช่องทีวีหลายๆ ช่องที่ปลุกปั่นพ่อแม่เขาด้วย
ความเกลียดชังมหาศาลหนนั้นกัดกร่อนทำลายจนพ่อแม่เขาไม่เคยกลับไปเป็นคนเดิมอีก
มิหนำ การล้มรบ.เลือกตั้งเชียร์รัฐประหารยังทำให้บุพการีเหล่านั้นเลี้ยงดูพวกเขามาอย่างใช้อำนาจเผด็จการ และทำลายวัยเด็กของพวกเขาไป
#ไม่รู้จะบอกพวกพ่อแม่ยังไงเวลามาปรึกษาว่าทำไมลูกไม่รัก
ตอแหลแรก..ตอนนั้นยังไม่มี “ทีวีหลายๆ ช่อง” มีเพียงสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม “บลูสกายแชนแนล” ช่องเดียวที่ได้ติดตามถ่ายทอดสดการชุมนุมตลอด 24 ชั่วโมง
ตอแหลต่อมา..มวลมหาประชาชนที่ส่วนใหญ่จะเป็นคนมีอายุรักชาติรักสถาบัน ไม่ได้มีใครปลุกปั่น จ้างวาน และไม่มีสันดานหยาบคาย-หยาบช้า ทั้งกิริยา-วาจา..
ฉะนั้น ที่นางวีรพรว่า.. “ความเกลียดชังมหาศาลหนนั้นกัดกร่อนทำลายจนพ่อแม่เขาไม่เคยกลับไปเป็นคนเดิมอีก” จึงเป็นการมโนสมกับการเป็นนักเขียนโดยแท้!
และท้ายสุด.. “การล้มรบ.เลือกตั้งเชียร์รัฐประหารยังทำให้บุพการีเหล่านั้นเลี้ยงดูพวกเขามาอย่างใช้อำนาจเผด็จการ และทำลายวัยเด็กของพวกเขาไป”
นี่..ถ้ามีรางวัล “นักเขียนตอแหล” จะยกให้นางเลย (ว่ะ)!