เปลว สีเงิน
รัฐบาล “เศรษฐา-เพื่อไทย” นี่
จะว่า “ไม่เข็ด” ก็มีส่วน
สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ “ลักหลับ” ในสภา ตอนตี ๓ ตี ๔ ออกกฎหมาย “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง” กัน จนรัฐบาลพังไปที ตอนนั้น
ตอนนี้ เหย็งๆจะเอากันอีกแล้ว!
ถ้าเพื่อไทยกะโหลกสมบูรณ์ ก็น่าจะจำกัน
แต่นี่ นอกจากไม่จำแล้ว ยังไม่รู้จักเข็ด
ตอนหาเสียง ไม่หลอกก็เหมือนหลอก บอกชาวบ้านว่า จะเข้าไปแก้ปัญหาเร่งด่วน
คือปัญหาปากท้อง เรื่องจนทั้งแผ่นดิน เรื่องคนไทยไม่มีกิน เรื่องจะอดตายกันหมดแล้ว
เมื่อได้เป็นรัฐบาล……
แทนที่จะกระวี-กระวาด แก้ปัญหาตามที่สัญญากับชาวบ้านไว้
แต่ ฮึ…กูไม่
กลับไปคร่ำเคร่งแก้ปัญหาคุกตะรางให้ทักษิณเจ้านาย!!
แบบนี้ ก็เข้าตามหลักธรรมชาติ “ทุกอย่างเกิดจากเหตุ ถ้าไม่มีเหตุ เรื่องก็ไม่เกิด”
แล้วดูเพื่อไทย เป็นรัฐบาลมา ๑๐ เดือน
“สะสมเหตุ” ให้ “เรื่องเกิด” แทบไม่เว้นแต่ละวัน
แล้ว “ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย” ได้ไงไหว
มันเกิดแน่ เดือนนี้ หรือ เดือนไหน เท่านั้นแหละ!?
เห็นหลบ “สร้างเหตุ”…….
โดยไม่รับลูก “ก้าวไกล” ที่จะให้ความผิดมาตรา ๑๑๒ อยู่ใน ๒๕ ฐานความผิด ที่จะได้รับนิรโทษกรรมด้วย มาเรื่อยๆ
แต่พอทักษิณตกเป็นจำเลยคดีมาตรา ๑๑๒ เข้าเท่านั้น
พลัน ชันคอ ตาตื่น หูตั้ง แฮ่ๆ กระชากโซ่ เห่ากันขรม
“ความผิดตามมาตรา๑๑๒ เป็นผลพวงการรัฐประหาร หรือมีแรงจูงใจทางการเมือง….
……ต้องได้รับนิรโทษกรรมด้วย”!
เลี้ยวลงร่องเลย เจ้าของ “วาทกรรมประดิษฐ์” นี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ “นายชูศักดิ์ ศิรินิล” อดีตอธิการรามฯ ๒ สมัย
มือกฎหมายพรรคเพื่อไทย ที่เป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะประชุมกันพรุ่งนี้ (๖ มิย.๖๗)
จะหารือและลงมติประเด็น “คำนิยาม” ต่างๆ ที่จะใช้ในการตรากฎหมายนิรโทษกรรม เช่นคำว่า “แรงจูงใจทางการเมือง” เป็นต้น ว่าจะเอามั้ย?
ตอนทักษิณยังไม่ตกเป็นจำเลย ชูศักดิ์ยังเรื่อยๆ เลี่ยงๆ พออัยการ “สั่งฟ้อง” เท่านั้นแหละ เปรี้ยงเลย…
“ความผิดตามมาตรา ๑๑๒ เป็นผลพวงการรัฐประหาร หรือมีแรงจูงใจทางการเมือง”!
ช่าง “ดั้นเมฆประดิษฐ์คำ” เก่งจริงๆ ก็สมกับที่เขาพูดกันว่า “กฎหมายกินได้” ซึ่งมันกินได้จริงๆ
แต่มันเป็น “เชื้อไวไฟ” นะ
เมื่อเพื่อไทยสุมเชื้อนี้ใส่กลางกระแสร้อน รัฐบาลเพื่อไทยก็เตรียมเป็น “ไก่เกษตร” ได้เลย
“ถูกเสียบตูดซ้าย ย้ายเสียบตูดขวา หมุน…หมุนนนน”
เจอแน่….ศึกทักษิณสถาปนา!
เวลาจะไม่เอา ๑๑๒ อยู่ใน ๒๕ ฐานความผิดที่จะได้รับนิรโทษด้วย ก็มีข้อสนับสนุนเป็นเหตุ-เป็นผล
แต่พอจะเอา กลับมีเหตุผลใหม่ลบล้างเหตุผลเดิม
“เห็นใจ-สงสารเด็ก….
เราต้องก้าวข้ามเรื่องนี้ เพื่อให้เด็กกลับไปเรียน เพราะเด็กเป็นอนาคตของชาติ”
พูด “อิฐก็ถูกอิฐ”
แล้วคิดในอีกมุมไหมว่า ที่เด็กพวกนี้ จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาจ้วงจาบหยาบช้าและมุ่งร้ายต่อสถาบัน นั้นเพราะเด็ก “คิดเอง-ทำเอง”
หรือเพราะมีผู้ใหญ่เป็นขบวนการ เสี้ยมสอน ชักนำ หวานล้อม จ้างวาน ให้เด็กทำ
เพราะผู้ใหญ่ตัวการ เชี่ยวชาญกฎหมาย จึงใช้ “เด็ก” เป็นเครื่องมือในการทำระยำ เพื่อเลี่ยงโทษทางกฎหมายและทางใช้อ้างอิงคำว่า “เอาเด็กไปติดคุก” กดดันสังคม?
ชูศักดิ์ ต้องวางแนวเป็นกรอบร่างพรบ.ไปด้วยเลยว่า ถ้าเด็กรายไหน “ยอมเปิดเผยความจริง”
ระบุตัวผู้ปลุกปั่น ว่า “คนนั้นๆๆๆ ชักนำ-จ้างวานให้ทำ” เป็นพยานลากคอไอ้ตัวนั้นมาลงโทษได้
เด็กคนนั้น เข้าเงื่อนไข จะได้รับ “นิรโทษกรรม” ไปอยู่ในฐานะพยาน!
เอางี้ดีมั้ย ชูศักดิ์ ในฐานะท่านเป็นประธานกมธ. ช่วยไปถาม “ดร.ยุทธพร อิสรชัย ประธานอนุกมธ.ศึกษาแนวทางให้ด้วย
แต่ผมว่า ตอนนี้ เรื่องมันเข้าตำรา “คบเด็กสร้างบ้าน คบหมอ-ประธานหมู่บ้านเสื้อแดงสร้างเมือง” ซะแล้วหละ!
เพราะวานซืน (๓ มิย.)
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ หนึ่งในกมธ.พิจารณาศึกษาแนวทางฯ ที่เพิ่งเลื่อนขึ้นมาเป็นสส.ปาร์ตี้ลิสต์ของเพื่อไทย หมาดๆ
กมธ. “เสื้อแดงตัวพ่อ” ทลายห้างซะแล้ว เขาบอก…
“ยอมรับว่าการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภาฯ ก็เกรงเหมือนกัน เพราะพรรคเพื่อไทย เวลาจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบนี้ทีไร “ดังทุกที”
คนอื่นจะมาบอกว่า “ทำเพื่อนายทักษิณ ชินวัตร” อีกแล้ว
ยิ่งตอนนี้ นายทักษิณ ก็โดนคดี ๑๑๒ ไปแล้ว แต่ยืนยันว่าจริงๆ ไม่ใช่
แต่เราเห็นแก่เด็กและพวกคนรุ่นใหม่ที่ติดอยู่ในคุก บางคนตายก็มี เราต้องรีบช่วยเยาวชนของเรา เพื่อให้ทัศนคติที่ยังเห็นไม่ตรงกัน ไม่กระจายออกไป จนกลายเป็นความขัดแย้ง
และปีนี้ เป็นปี “มหามงคล” ไม่ใช่หรือ ๗๒ พรรษา
ก็เขียนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบกว้างๆ ไว้ และมีผลกับคนที่เกี่ยวข้อง บางอย่างอาจมีเงื่อนไขเขียนไว้บ้างก็จะได้เป็นประโยชน์กับสถาบันด้วย
ไม่อย่างนั้น ก็ตีกันไป-ตีกันมา มาบอกทำเพื่อทักษิณ ทำเพื่อพวกพ้อง พวกนี้ไม่จงรักภักดี
ส่วนอีกพวกก็ว่า “โหนเจ้า” ว่ากันไป-ว่ากันมา
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว……..
เมื่อรัฐธรรมนูญบัญญัติว่า “ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
เพราะฉะนั้น ในฐานะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว (การนิรโทษ) ก็ต้องเกิดในช่วงปีมหามงคล
ทุกคนจะได้ลดทิฐิ พวก “โหนเจ้า-อ้างเจ้า” จะได้พูดไม่ออก
กับอีกพวกหนึ่ง คือพวกจะ “ล้มเจ้า” ก็จะได้พูดไม่ออกเหมือนกัน ต้องเอาความจริงมาคุยกัน เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสามารถแก้ไขกันได้”
“เชิดชัย ตันติศิรินทร์” คำพูดทั้งหมดของคุณนี้ …..
พูดด้วยจิตสำนึกคนเป็น สส.ในฐานะกรรมาธิการฯ
หรือด้วยจิตสำนึกคนการศึกษาระดับนายแพทย์
หรือด้วยจิตสำนึก “แดงทั้งแผ่นดิน” ทักษิณสถาปนา
ระดับประธาน “หมู่บ้านเสื้อแดง” ๑๗ จังหวัดภาคอีสาน
หรือด้วยจิตสำนึก “พวกจะล้มเจ้า”?
คุณไม่บิดบังธาตุแท้เลยนะ ………
บังอาจดึง “พระมหากษัตริย์” ซึ่งอยู่เหนือการเมือง-เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ให้เข้าไปเป็นเงื่อนไขการเมือง
ใต้กรอบ “คำนิยาม” ที่พวกคุณกำลังบัญญัติใหม่ ว่า….
เป็น “ผลพวงการรัฐประหาร” หรือ “มีแรงจูงใจทางการเมือง” ลากโยงเป็นเงื่อนไข “นิรโทรกรรม” ให้ผู้ต้องคดีมาตรา ๑๑๒ !!!
ช่างกล้า ช่างบังอาจ พูดให้คนเข้าใจว่า ที่บ้านเมืองวุ่นวาย เกิดจลาจล จากขบวนการสามนิ้ว นั้น
เพราะ “พระมหากษัตริย์” เป็นเหตุ-เป็นเงื่อนไข
แถมตีขลุม……
ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๖ รอบ หรือ ๗๒ พรรษา ในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
นำขึ้นมายกอ้างในทางนำการ “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง” เข้าไปผูกมัดกับ “วันมหามงคล”
ว่า “นิรโทษเหมาเข่ง” เป็นประโยชน์ต่อ “สถาบัน”!
ซึ่งมัน “คนละเรื่อง” ไม่เกี่ยวกันเลย
แต่นายศิรินทร์ “เพื่อทักษิณ” กลับบังอาจนำมาพูดเชื่อมโยง ให้คนหลงเข้าใจว่า
“สถาบัน” เป็น “คู่ขัดแย้ง” ทางสังคมบ้านเมือง!!!
คุณก็รู้และบอกเอง “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
และในฐานะคุณเป็นสมาชิกสภาผู้ออกกฎหมาย ก็ต้องรู้ “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ…..”
ดังนั้น จะการเมือง จะกฎหมาย จะทักษิณ จะส้ม จะแดง จะเหลือง ก็ต้องอยู่ในกรอบ “รัฐสภา, ครม.,และศาล”
แล้วนายศิรินทร์ ไปดึงสถาบัน บังอาจเอื้อมถึงพระมหากษัตริย์ นำมาพูดให้ “เป็นเหตุ-เป็นเงื่อนไข” ทางความขัดแย้งเชิงบีบให้ต้อง “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง” เช่นนี้
ควรแล้วหรือ?
“นิรโทษกรรมเหมาเข่ง” นี่ หนึ่งเหตุวิบัติ
“เลือกสว.” ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญนี้ อีกหนึ่ง จะทำให้เกิด “ท้องสว.นอกมดลูก”
สว.ที่เกิดผิดธรรมชาติ ปัญหาที่จะตามมา คือ “ตายทั้งกลม” คือตายทั้งแม่-ทั้งลูก หรือไม่ก็ คลอดออกมา ลูกก็ตาย!
ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุวิบัติ
และทั้ง ๒ เหตุวิบัติ นี้ ระวัง…จะ “ประดัง-ประเด” มาพร้อมหรือมาไล่เลี่ยกัน
ที่บอกนี่ ก็เพราะ “ฉันรักเธอ” นะจ๊ะ..นะจ๊ะ!
เปลว สีเงิน
๕ มิถุนายน ๒๕๖๗
.