คุกจนกว่าคดีจะเสร็จ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

คนหนึ่งอดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

อีกคนอดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เล่นบท “นายประกัน” จำเลยคดี ม.๑๑๒

อย่าได้แปลกใจครับ

เพราะ “ชาญวิทย์ เกษตรศิริ” คือ สมาชิกอดีตพรรคอนาคตใหม่ และน่าจะโอนเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลโดยอัตโนมัติ

ส่วน “พนัส ทัศนียานนท์” ไม่ใช่อื่นไกล คือ อดีตผู้สมัคร​ ส.ส.บัญชีรายชื่อ​พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

ทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน

และเดินทางไปยื่นขอประกันตัว อานนท์ นำภา, พริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน), ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม  (หมอลำแบงค์) และสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ศาลอาญาวานนี้

“ชาญวิทย์” ให้เหตุผลว่า

“….ผมกับอาจารย์พนัส เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก  เรียนหนังสือด้วยกัน เรามีความสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิด ในแง่วิชาความรู้ที่เราเรียนมา เราสองคนต้องการยืนยันหลักวิชาการ อย่าง อาจารย์พนัส ระบุถึงหลักนิติศาสตร์สากลควรเป็นอย่างไรในแง่คดีความ

ส่วนของผมใช้หลักประวัติศาสตร์สากลว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์

ผมเชื่อว่าสิ่งที่คนทั้ง ๔ กำลังทำอยู่ และคนรุ่นใหม่กำลังทำอยู่ เป็นเรื่องประวัติศาสตร์สากลของสถาบันพระมหากษัตริย์ทั่วโลกที่ยังคงอยู่เป็นจำนวนไม่มากนัก เมื่อเทียบกับจำนวนสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ

สถาบันกษัตริย์ที่มั่นคง เป็นที่เคารพนับถือของประชาชน ยกตัวอย่างที่เป็นอันดับหนึ่งของโลก คือสหราชอาณาจักรอังกฤษ

สถาบันกษัตริย์ของอังกฤษนั้นก็ได้ปฏิรูปมาจนกระทั่งมั่นคงอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างที่ใกล้เราที่สุดก็คือญี่ปุ่น

สถาบันจักรพรรดินั้นหลังจากที่ได้ถูกใช้อ้างอิง ใช้โหนโดยฝ่ายรัฐบาล รัฐทหารของญี่ปุ่น จนกระทั่งเข้าสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ต้องแพ้สงครามด้วยการโดนระเบิดปรมาณู ๒ ลูก อย่างที่เราทราบกันดี

ผมคิดว่าสถาบันพระจักรพรรดิของญี่ปุ่นปัจจุบัน ก็คือสถาบันที่ได้รับการปฏิรูปไปแล้ว

ดังนั้นผมเชื่อว่าข้อเสนอของเยาวชนคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่รวมทั้ง ๔ ท่านที่เรากำลังพูดถึง คือข้อเสนอซึ่งถูกต้องตามหลักวิชาการประวัติศาสตร์ ถูกต้องตามประวัติศาสตร์ของสถาบันกษัตริย์ระดับสากล

เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องพูดว่าทั้ง อาจารย์พนัส และผมยินดีมากที่จะเป็นคนที่ช่วยผลักดันในเรื่องนี้….”

สาธุ!

นี่คือการประกาศเป็นแกนนำม็อบ ๓ นิ้วชุดต่อไปหรือเปล่ามิทราบได้

แต่การแสดงท่าที ยินดีจะผลักดันการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ในขณะที่ม็อบ ๓ นิ้วอยู่ในภาวะระส่ำเนื่องจากแกนนำอยู่ในคุกนั้น ไม่อาจแปลความว่า ๒ เฒ่าจะอยู่เบื้องหลังเหมือนเดิมอีกต่อไป

คนหนึ่งมีอิทธิพลทางความคิดในพรรคก้าวไกล

อีกคนอยู่ในระดับท็อปทางกฎหมายในพรรคเพื่อไทย

แต่จะเกี่ยวข้องกับทั้ง ๒ พรรคหรือไม่ คนในช่วยตอบที ว่าพรรคมีเอี่ยวกับขบวนการล้มเจ้าหรือเปล่า

หรือเล่นเกมสองหน้า

ประเด็นปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ พูดได้ นำเสนอได้ แต่หากไม่ชัดเจนในเนื้อหา จะเกิดปัญหาขึ้นมาทันที

ข้อเรียกร้องนี้จะสำเร็จหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาเพียงอย่างเดียว

แต่อยู่ที่ท่าทีด้วย

ท่าทีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงมีความสำคัญมากที่สุด สำหรับข้อเสนอปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

ที่ผ่านมา ชาว ๓ นิ้ว มีท่าทีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไร “ชาญวิทย์-พนัส” แตกฉานในประเด็นแล้วหรือยัง

หรือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้!

การโจมตี ลบหลู่ ที่ลามไปถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙

รวมถึงการจาบจ้วง เลยไปถึงรัชกาลที่ ๑

การดูหมิ่นราชวงศ์จักรีของบรรดาชาว ๓ นิ้ว

ท่าทีเหล่านี้  ไม่อาจเรียกได้ว่า ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

ไม่เฉียดเลยแม้แต่น้อย

และไม่จำเป็นต้องเป็นครูบาอาจารย์

เด็ก ป.๑ ก็สามารถแยกแยะได้ว่า เป็นการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

“ชาญวิทย์-พนัส” ก็รับรู้มาตลอด

ถ้าการดูหมิ่น จาบจ้วง โจมตี คือข้อเสนอซึ่งถูกต้องตามหลักวิชาการประวัติศาสตร์ ถูกต้องตามประวัติศาสตร์ของสถาบันกษัตริย์ระดับสากล เห็นทีต้องรบกัน

นี่เป็นอีกครั้งของการบิดเบือนประวัติศาสตร์

“ชาญวิทย์” เป็นนักประวัติศาสตร์ กลับใช้ประวัติศาสตร์ทำลายประวัติศาสตร์

หาก “ชาญวิทย์” ใช้หลักประวัติศาสตร์สากลว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่ปากพูด ก็จะเห็นความจริงว่า ลูกศิษย์อย่างเพนกวิน อานนท์ รุ้ง ไมค์ มิได้ซาบซึ้งประวัติศาสตร์สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเลยแม้แต่น้อย

แต่ “ชาญวิทย์” ดื้อตาใส!
นักประวัติศาสตร์ที่ฉ้อฉลประวัติศาสตร์
ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ที่ไร้ความเป็นคน

สถาบันพระมหากษัตริย์คือส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย หากจะเปลี่ยนแปลง ต้องมีคำตอบให้ประชาชนเสียงส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้

ไม่ใช่สนองตัณหานักเคลื่อนไหวล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่กี่คน

๑๐ ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ของม็อบ ๓ นิ้วก่อนหน้านี้นั้น ไม่อาจเรียกว่าข้อเสนอได้

แต่เป็นการยื่นเงื่อนไขเพื่อให้ทำตามเสียมากกว่า

สังคมส่วนใหญ่ของประเทศจึงรับไม่ได้

และแสดงออกชัดเจนไปแล้ว ผ่านผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคมที่ผ่านมา

ผู้สมัครของคณะก้าวหน้าไม่ได้รับเลือกแม้แต่คนเดียว

ครับ…ศาลยังคงไม่ให้ประกันตัว “อานนท์-เพนกวิน-หมอลำแบงค์-สมยศ”

ศาลให้เหตุผลว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยแสดงเหตุผลไว้อย่างชัดแจ้งแล้ว กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าหากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสี่ไป อาจจะไปก่อเหตุภยันตรายเดียวกันกับที่ถูกฟ้องอีก

“กฤษฎางค์ นุตจรัส” ทนายความ ให้ข่าวว่า “ทั้ง ๔  คน ต้องถูกขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไปจนกว่าคดีจะเสร็จ”

ก็หมายความว่าหลังจากนี้ปิดประตูตายการขอประกันตัวแล้ว

รอจนกว่าคดีจะเสร็จ

นับไปเลยครับ ๑ ปี ๒ ปี ๕ ปี ๑๐ ปี.

0 replies on “คุกจนกว่าคดีจะเสร็จ – ผักกาดหอม”