ผักกาดหอม
อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เห็น
โดยเฉพาะภาพนิ่ง!
เสียรังวัดกันไปหลายคนครับ สำหรับข่าวปั้น “ตํารวจกระทืบหมอ”
เพราะคลิปที่ออกมาทีหลังอธิบายเรื่องราวได้ดีกว่า
เป็นบทเรียนสำหรับทุกคน อะไรที่ห่างตัว ข้อมูลยังไม่นิ่ง ก็ควรจะรอให้ความจริงปรากฏออกมาก่อน
ดูสถานการณ์ในเมียนมาวันนี้เป็นตัวอย่าง ไม่ว่าจะออกทางไหน ล้วนอาการน่าเป็นห่วงทั้งสิ้น
การชุมนุมที่นั่นพัฒนาไปไกลกว่าเมื่อครั้งการต่อต้านรัฐประหารในไทย ปี ๒๕๕๗ มากทีเดียว โดยเฉพาะวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา
ม็อบชาวเมียนมาชุมนุม ๓ จุดหลักคือ
สถานทูตสหรัฐฯ
สถานทูตรัสเซีย
และสถานทูตจีน
๓ แห่งนี้มีความหมายต่างกัน
ชุมนุมหน้าสถานทูตรัสเซีย และสถานทูตจีน เพื่อเรียกร้องให้ประเทศมหาอำนาจทั้ง ๒ หยุดให้การสนับสนุนกองทัพเมียนมา
และให้ร่วมประณามการทำรัฐประหาร
แต่การชุมนุมหน้าสถานทูตสหรัฐฯ นั้นต่างออกไป
ผู้ชุมนุมได้มีการเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนอยู่เคียงข้างประชาชนชาวเมียนมา
ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ครับ
ม็อบชาวเมียนมาเรียกร้องให้สหรัฐฯ ส่งกองทัพเข้ามาในดินแดนเมียนมา
เพื่อแทรกแซงกิจการภายในของประเทศ!
มีคนเห็นด้วยเยอะมั้ย ตอบเลย…เยอะ
โซเชียลเมียนมา โดยเฉพาะทวิตเตอร์ มีชาวเมียนมาเข้าไปในทวิตเตอร์ของ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกร้องให้แทรกแซงเมียนมาด่วน!
ด้วยการใช้กำลังทางทหาร
ปรากฏว่าสถานทูตสหรัฐฯ ในเมียนมาเล่นด้วยครับ
ออกแถลงการณ์….
“สหรัฐฯ พร้อมยืนหยัดร่วมกับชาวพม่าที่ประท้วงต่อต้านการรัฐประหารในครั้งนี้ และพร้อมยืนหยัดสนับสนุนการชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยต่อไป”
ถ้าเป็นในไทย ตอนนี้มีเสียงตำหนิว่าชักศึกเข้าบ้าน ดังขรมแล้ว
แต่ที่เมียนมา…ไม่แน่ใจ
ที่แน่ๆ อย่าลืมว่าอีกมิติหนึ่งคือการล่าอาณานิคมยุคใหม่กำลังดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ถ้าชาวเมียนมายังจดจำการตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษในอดีตได้ ก็ต้องคิดให้เยอะหากจะเปิดประตูให้มหาอำนาจรายใหม่ส่งทหารเข้าไปในขณะนี้
ภาพนิ่งในอดีตเป็นความสูญเสียแสนสาหัส แต่ความเคลื่อนไหวในปัจจุบันจะวิกฤติกว่าหลายเท่า
ถ้านึกภาพไม่ออกให้ดูอัฟกานิสถาน อิรัก ซีเรีย ลิเบีย เป็นตัวอย่าง
คนไทยเองก็ควรมองภาพเหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน เพราะมีคนชอบชักศึกเข้าบ้านอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ใครๆ ก็บอกว่าใกล้อวสานม็อบ ๓ นิ้วเต็มทน
อย่าเพิ่งดีใจไป…๓ นิ้วจบ แต่ขบวนการล้มเจ้ายังไม่จบง่ายๆ เพราะคนที่อยู่เบื้องหลัง จะสร้างตัวละครขึ้นมาใหม่
เชิดเด็กกลุ่มใหม่ขึ้นมาแทน
สำหรับฉากอวสานม็อบ ๓ นิ้ว คงต้องออกแรงกันหน่อย เพราะมีคนไม่อยากให้จบลงง่ายๆ
ไม่รู้ว่าคิดดีแล้วหรือยัง ๒๕๕ นักวิชาการ จาก ๓๑ สถาบัน เข้าชื่อเรียกร้องให้ศาล คืนสิทธิในการได้รับการประกันตัวระหว่างถูกดำเนินคดีแก่ผู้ถูกสั่งฟ้องจากการชุมนุม ๔ แกนนำม็อบ ๓ นิ้ว
ยิ่งฟังเหตุผลก็ยิ่งเห็นกำพืด
แถลงการณ์ถึงศาล ย่อยมาก็ตามนี้ครับ
๑.ศาลพึงยึดหลัก “การสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจําเลยที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคําพิพากษาถึงที่สุด”
“คำสั่งไม่ให้ประกันตัวที่วางอยู่บนการวินิจฉัยว่าจำเลยอาจไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหา จึงเป็นเสมือนการตัดสินล่วงหน้าว่าการกระทำของผู้ถูกสั่งฟ้องเป็นการกระทำผิด ทั้งๆ ที่กระบวนการไต่สวนยังไม่ได้เริ่มต้นและยังไม่มีคำพิพากษา เป็นการขัดกับหลักการและบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญข้างต้น”
๒.หากภายหลังศาลมีคำพิพากษาว่าผู้ถูกสั่งฟ้องไม่ได้กระทำความผิด สิทธิและเสรีภาพที่ถูกพรากไปจากการถูกจองจำระหว่างดำเนินคดีก็ไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้ โดยเฉพาะนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ซึ่งเป็นนักศึกษาอยู่ การถูกจองจำจึงหมายถึงศาลได้ลิดรอนสิทธิในการศึกษาของนายพริษฐ์ไปด้วย
๓.รัฐบาลเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง จึงเป็นธรรมดาที่เจ้าหน้าที่รัฐจะใช้มาตรการทางกฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมอย่างเกินกว่าเหตุ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่สถาบันตุลาการต้องรักษาความเป็นอิสระและสมดุลของการปกป้องหลักสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชน
๔.การให้ประกันตัวผู้ชุมนุมในคดีทางการเมืองอย่างที่ผ่านมา ช่วยประคับประคองไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลายได้ค่อนข้างดี ตรงกันข้าม การไม่ให้ประกันตัว มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งที่ขยายตัวรุนแรงยิ่งขึ้น
ทั้ง ๔ ข้อสะท้อนถึงวุฒิภาวะ ๒๕๕ นักวิชาการ ไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงเลย
แกนนำ ๓ นิ้วทั้ง ๔ คน ไม่ได้ทำเป็นกรรมแรก แต่ทำผิดกรรมเดิมซ้ำๆ ต่อเนื่อง แม้จะมีการเตือน หรือแม้กระทั้งเงื่อนไขประกันตัวที่ศาลกำหนดว่าห้ามทำผิดซ้ำ แต่ทั้ง ๔ คนไม่สนใจ แถมยังท้าทาย
อาจารย์มหาวิทยาลัยทั้ง ๒๕๕ คน รับรู้เรื่องนี้หรือเปล่า
รู้หรือไม่ว่ากำลังสนับสนุนขบวนการล้มเจ้าอยู่
นั่งบนหอคอยงาช้างจนเคยตัว รู้หรือไม่ว่ามีความพยายามจะสร้างความรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อคืนวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
การออกแถลงการณ์อ้างว่าการไม่ให้ประกันตัว มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งที่ขยายตัวรุนแรงยิ่งขึ้น นี่คือการส่งคำขู่ไปถึงศาลใช่หรือไม่
แต่ก็ไม่แปลกใจ เพราะนักวิชาการกลุ่มนี้นำทีมโดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ กับ นิธิ เอียวศรีวงศ์ ๒ ผู้เฒ่าจากค่ายสีส้ม
รู้เช่นเห็นชาติ
ครับ…ศาลอาญาอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ สรุปว่าไม่ให้ประกันตัว เพนกวิน อานนท์ หมอลำแบงค์ และสมยศ
คำสั่งโดยรวมคือ
“….จำเลยขึ้นปราศรัยด้วยถ้อยคำที่นำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เทิดทูนและเคารพสักการะ กระทบกระเทือนจิตใจของปวงชนชาวไทยผู้จงรักภักดีอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย…
…จำเลยอาจจะก่อให้เกิดเหตุอันตรายหรือความเสียหายประการอื่นอีก และน่าเชื่อว่าจำเลยอาจจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างพิจารณา คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง…”
ศาลสั่งแบบนี้แล้วม็อบ ๓ นิ้วจะอาละวาด ตามที่ ๒๕๕ นักวิชาการชี้โพรงไว้ก็เชิญ
ฉากสุดท้ายจะได้มาเร็วขึ้น.