ช่องว่างระหว่าง “คิด-คุก”

เปลว สีเงิน

พูดถึง “ธนาธร” ไปสองวัน
เว้นบ้างดีมั้ย?
บ่อยไปจะเป็นการ “ให้ราคาขยะสังคม” เกินมูลค่าจริงมากไป!
ธนาธรไม่เคยเรียนบาลี แต่เลี่ยงบาลีเก่ง
ไม่ได้ล่วงล้ำก้ำเกินพระมหากษัตริย์
อ้างต้องการตรวจสอบการใช้เงินภาษีประชาชนไปซื้อวัคซีนของรัฐบาล เชิงเอื้อประโยชน์สยามไบโอไซเอนซ์ แต่เอา ๑๑๒ มายัดเขา

ขบวนการล้มเจ้าบอกไม่กลัว
เพราะประเมินแล้ว การที่พวกเขาเอาสถาบันมาละเลงเป็นของล้อเล่นกลางถนนได้ทุกวันนี้
ถ้าพูดถึงการลงทุน “คุ้มเกินคุ้ม”!

เพราะ ก่อนๆใครจะพูดถึงเจ้า-ถึงสถาบัน จะต้องแอบพูด ซุบซิบพูด พูดเป็นเรื่องใต้ดิน
แต่เดี๋ยวนี้ พวกเขา “ขบวนการ ๓ นิ้ว” สามารถนำเรื่องพูดใต้ดินขึ้นมาพูดบนดิน “เปิดประตูบานแรก” ของปฏิบัติการ “ชังเจ้า” พัฒนาไปสู่ขั้น “ล้มเจ้า” ได้แล้ว!

การหยามหมิ่นพระมหากษัตริย์ของพวกเขา ไม่เห็นร้ายแรง-น่ากลัว อย่างที่พูดกันเลย
ตำรวจจับ เดี๋ยวก็ปล่อย
ฝากขังศาล เดี๋ยวศาลก็อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

กว่าคดีจะถึงศาล กว่าจะไต่สวน-พิจารณาเสร็จ และกว่าจะตัดสิน ๕ ปี อย่างเร็ว ๘-๑๐ ปี อย่างปานกลาง
๕-๑๐ ปี นี้ แฮปปี้-นาทีทอง สำหรับพวกเขา
เป็นช่องว่างของโอกาสให้พวกเขาได้ปฏิบัติการต่อเนื่อง ไปสู่การเปิดประตูบานที่ ๒ และบานที่ ๓ เรียกว่าเหลือเฟือ
๕-๑๐ ปี “รุ่นเก่า” จะค่อยๆ โรยรา-หลุดร่วงไป
“รุ่นใหม่” จะค่อยๆ เติบโตเบ่งบาน เบียดขึ้นมาแทน

“รุ่นใหม่” ในที่นี้…..
หมายถึงขบวนการที่เขาบ่มเพาะแนวคิด “ชังเจ้า” ไว้ตามโรงเรียน-มหา’ลัย “เป็นคลื่นลูกใหม่” ไหลเข้าในระบบราชการ ทหาร-ตำรวจ และองค์กรผู้ใช้กฎหมาย กระทั่งพระเถรเณรชีตามวัด

เรียกว่า เขาคิดเป็นระบบ ทำเป็นขบวนการ มีแผนเป็นขั้นตอน บ่อนเซาะ ระโยงระยาง รากพันต่อเนื่องมายาวนาน ไม่ใช่ ปี-สองปีในยุคสามสัส
หากแต่เป็น “แผนปฏิบัติการ” เปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบันที่มีมานาน จริงจัง-ต่อเนื่อง ไม่ต่ำว่า ๑๕ ปีแล้ว!

“ยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี” ของเขาไม่สลับซับซ้อน พื้นๆ สไตล์หนังขายยาสมัยโบราณ แต่ใช้เทคโนโลยีไอที แทนเครื่องฉาย ๘ มิล ๑๖ มิล

แทบทุกคนตอนนี้ มองพฤติกรรมรายวันของแก๊ง ๓ นิ้ว ว่าเถื่อน ถ่อย สถุล หยาบ ทั้งพูด ทั้งทำ
แต่งตัวบ้าๆบอๆ ขีดเขียนตามถนน ตามกำแพงหยาบๆ คายๆ โพสต์ด้วยเนื้อหาดิบๆเถื่อนๆ ไปชูป้าย ระรานตามห้าง ตามสถานที่ราชการ และชุมชน

ทุกคนบอกว่า พวกสามนิ้วเสื่อมแล้ว
แต่ที่จริง พวกเขาพบความสำเร็จ “สูงสุด” ตามแผน น่าสะพรึง!

หลักคิดมีว่า เรียบๆ คนไม่สน-โลกไม่จำ
ต้องระยำ ทั้งโลกจำและคนจะสนใจติดตาม!

เทียบให้เห็นง่ายๆ ระหว่าง “ไทยภักดี” ของหมอวรงค์โพสต์เรื่อง กับแก๊ง ๓ นิ้ว เพนกวิน-รุ้ง โพสต์
คนสนใจอ่านมาก-น้อยเป็นอีกเรื่อง
แต่ประเด็นสำคัญ โพสต์ “สาระ” กับโพสต์ “กักขฬะ” อย่างไหนมีอิทธิพลครอบงำใจคนมากกว่า?

ตอบได้เลย “โพสต์กักขฬะมากกว่า”!
เห็นได้จากผู้คนทั้งฝ่ายชัง-ฝ่ายรัก จะแห่นำไปแชร์บ้าง แช่งชักต่อบ้าง นั่นเท่ากับตกเป็นเครื่องมือ ช่วยเผยแพร่ให้กว้างออกไป ให้คนจำ “ริยำได้ใจ” ติดทนนาน

ตรงนี้แหละสำคัญ…..
เรื่องถ่อย เรื่องหยาบ เป็นแค่กระสวยส่ง ซักพักกระพี้นี้ก็จะหลุดเลือนไป
ทิ้งสิ่งเหลือ คือแก่น “ประเด็นเจ้า” ฝังจำติดอยู่ในใจของคนทุกพวก-ทุกฝ่าย ตลอดไป

คืออะไรที่ บ่อยๆ นานๆ ถี่ๆ ที่ผ่านตา ผ่านความรู้สึกคน ส่วนจะใช่-ไม่ใช่, จะผิด-ถูก เป็นอีกเรื่อง

แต่ประเด็นเรื่อง มันจะค่อยๆ ซึมซับลงไปเลยระดับสำนึก ลึกลงไปฝังอยู่ในระดับ “จิตใต้สำนึก” โดยไม่รู้ตัว

นึกออกมั้ย?
๔๐-๕๐ ปี ก่อน ใครนั่งรถไปไกลๆ ทางเหนือ-ทางอีสาน ผ่านป่า ผ่านดง จะเห็นป้าย “พระเยซู” ไปแขวนอยู่บนยอดไม้สูงๆ
สงสัย ขึ้นไปแขวนไว้ทำไม?

นานๆ ไป จิตใต้สำนักให้คำตอบตัวเอง พระเยซู เป็นของสูง ของมีค่า ต้องอยู่สูง แล้วเราก็รู้จัก “พระเยซู” ทั้งที่ไม่รู้จัก

หรือไปตามถนน ตาม ตรอก ซอก ซอย ตามแผงลอย ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟตามชุมชน จะเห็นภาพ “คนปวดหัว” อย่างหน้าซองยาทัมใจ
เรียกว่า “เห็นจนเบื่อ” ไปทางไหน ก็ตำตาทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วผลมันคืออะไร…รู้มั้ย?

ปวดหัว-ตัวร้อนปุ๊บ…….
“ยาทัมใจ” มันผุดขึ้นมาก่อนในห้วงนึกโดยอัตโนมัติ จะซื้อ-ไม่ซื้อ เป็นอีกเรื่อง แต่จิตใต้สำนึกประมวลผลแล้วว่า สิ่งที่สนองปวดคือ “ทัมใจ”

นี่…
การประมวลผลระบบ cloud มันเกิดขึ้นก่อนที่จะมี บิ๊ก ดาตา มีเอไอ, มีไอโอที ตอนนี้ด้วยซ้ำ

ฉะนั้น ที่เห็นคนยิ่งด่า ยิ่งสาปแช่ง กลับยิ่งเห็นแก๊ง ๓ นิ้ว เดินสายทิ่มตำ-ย่ำเหยียบสถาบัน ก็ด้วยจิตวิทยา “ระยำให้สุดขั้ว-ชั่วให้สุดนรก”
แล้วโลกจำ!

ถี่ๆ จี้ตา-จี้ใจบ่อยๆ เรื่อยๆ จิตใต้สำนึกคนทั้งไทย-ทั้งโลก จะประมวลผลออกมาสะท้อนเป็น “ความรู้สึก-นึก-คิด” ในทาง
เริ่ม “ไม่มั่นใจ” ในสถาบันกษัตริย์ไทย!

ฉะนั้น หยาบ-ถ่อย “แค่เปลือก” ที่เขาวางแผนทำเพื่อ “สั่นคลอน” ทางท้าทายในมุมกระแทก คือเนื้อหา

ทอน “สามนิ้วตัวพ่อ” เห็นว่า สยามไบโอไซเอนซ์ เป็น “จุดแข็ง” ของสถาบันและรัฐบาล อดรนทนไม่ได้ โดดออกมาเบรกชนิดไม่กลัวตาย

ก็ด้วยอ่านขาด กฎหมาย “ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก” เมื่อเขาเปิดเกมใหม่ ก็ใช้สไตล์ถี่ๆ บ่อยๆ ชิงเปิดประเด็นนำต่อเนื่อง
กดรัฐบาลให้เป็นฝ่าย “ตามแก้” ในฐานะจำเลยสังคม แทนที่จะเปฺ็นโจทย์ ในฐานะผู้เสียหาย จากการใส่ความ-ป้ายสี

แล้วตามดูเถอะ…….
ลูกหมาสมุนทั้งในถนนและในสภา จะออกมาเกะกะ-ระราน ทั้งวาทะ ทั้งชูป้าย เป็นแนวร่วมขยายความ-ขยายประเด็น เป็นยกใหม่
ก็ขอให้เอ็นจอยกับการจ้วงจาบนะไอ้พวกลูกหมา!

สนุกวันนี้ มีอยู่-มีกิน ในพื้นที่โล่งซัก ๔-๕ ปี
แล้วหลังจากนั้น จะอยู่ที่โล่ง-ที่แคบ อ่านข่าวนี้บ่อยๆนะจะได้ “ซูเปอร์-ซับคอนเชียส” ไว้ล่วงหน้า


“คดีนางอัญชัญ ปรีเลิศ อดีตข้าราชการกรมสรรพากร เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
เมื่อ 19 ม.ค.64 จำเลยถูกศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุก กระทงละ 3 ปี รวม 29 กระทง เป็นจำคุก 87 ปี

แต่จำเลยรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวม 29 กระทงเป็นจำคุก 29 ปี 174 เดือน

“ศาลอุทธรณ์” พิเคราะห์คำร้องขอปล่อยชั่วคราวแล้ว เห็นว่า…

“ความผิดตามฟ้องมีอัตราโทษสูง ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพ
อีกทั้งตามพฤติการณ์แห่งคดีและลักษณะการกระทำนำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เทิดทูนและเคารพสักการะ
กระทบกระเทือนจิตใจของปวงชนผู้จงรักภักดี และเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

ศาลชั้นต้น พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 29 ปี 174 เดือน
ในขั้นนี้ หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่า จำเลยจะหลบหนี
จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์”

ตัดนี่เก็บไว้อ่านนะ ไอ้พวกลูกหมาทั้งหลาย!

 


Written By
More from plew
ขออภัย..กับข้อความที่ไม่ครบ
แฮ่ะๆ กับเรื่อง “อย่าไปกลัวมัน” ที่ออกฉากไปเมื่อตะครู่ ท่านอ่านแล้วอาจสงสัย มีแต่หัว แต่ไม่เห็นตัว เห็นหางตามในเนื้อความ ต้องขออภัยอย่างแรงครับ ผมอดตาหลับขับตานอนเอาเกือบรุ่ง เขียนจบแล้วก็กดส่ง แต่บังเอิญพีซีใช้ประจำที่สำนักงานกับที่บ้านคนละตัว...
Read More
0 replies on “ช่องว่างระหว่าง “คิด-คุก””